คำบอกล่าจากคุณสราวุฒิ ค่ะ ... เรามี Productivity happiness model คือ การทำงาน และการเกิดผลผลิต ที่คนในองค์กรมีความสุข ... มี 3 happy คือ happy team ... happy home และ happy people
happy team … ที่นี่เน้นการทำงานเป็นทีม เพราะว่างานหนึ่งจะสำเร็จได้ ไม่ใช่คนคนเดียวทำ
happy home ... สร้างที่นี่ให้เป็นบ้าน บ้านหลังที่สอง ... ก็คือ ถ้าพนักงานรักองค์กรเหมือนบ้านของตัวเอง (happy people) เขาก็จะทำสิ่งดีดีให้บ้านของตัวเองด้วย จากความคิด ความเชื่อ นี้ ก็จะนำไปสู่ happiness model
เราคิดอย่างไร เรื่อง KM
มันเริ่มจาก ข้างใน เราเรียกว่า การทำงานทุกวัน productivity management ... การทำงานทุกวัน บนพื้นฐานแห่งความสุข พอคนทำงานทุกวัน เราวัดอย่างไร ว่า คนทำงานมี productivity มากหรือน้อย เราวัดที่ PQCASME
คนทำงานแล้วมีผลผลิตได้ไหม (Productivity) คุณภาพได้ไหม (quality) การบริหารจัดการได้ไหม (cost) การ delivery ลูกค้า internal / external เป็นอย่างไร ความปลอดภัยมีไหม Moral – ขวัญและกำลังใจดี ต้องได้ ต้องอยากมาทำงานที่นี่ เมื่อทำ KM ต้องง่ายขึ้น ดีขึ้น และเร็วขึ้น พอคนทำงานมีผลลัพธ์ แต่การทำให้ปฏิกิริยาของผลลัพธ์ก้าวกระโดดได้ ก็จะต้องนำระบบคุณภาพต่างๆ มาใช้ ... ถามว่า ทำไมต้องทำ PMQA ทำไมต้องทำ 5ส ทำไมต้องทำ KM สมัยก่อนไม่มีก็อยู่กันได้ แต่โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว โลกปัจจุบันจึงต้องเอาระบบคุณภาพมาใช้ เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาย่างรวดเร็ว
พอคนทำงาน เอากระบวนการ เอากิจกรรมมาว่าง สิ่งที่ได้ ก็คือความรู้ที่เกิดขึ้น .. ตรงนี้คือ หัวใจ ที่เนียนไปกับงานครับ
คุณทำแล้วได้ผลลัพธ์ และสิ่งที่ได้ด้วยก็คือ knowledge จากการทำงาน ... เหล่านี้ เขาเรียกว่า private knowledge หรือ ปัจเจตะปัญญา คือ tacit knowledge ที่เกิดขึ้นในองค์กร
ทำให้เกิดสังคมแห่งความสุข สังคมแห่งการเรียนรู้ หรือ happy workplace ก็จะทำให้customer มีความสุข สุดท้ายก็ไหลไปสู่สังคม สุดท้ายก็จะไปเกิด public knowledge ก็คือ ความรู้ของคนถูกถ่ายทอดออกไป ...
องค์ความรู้ ที่นี่เยอะแยะมากมาย ... ลองไปดูที่เวปนี้สิคะ http://www.nokpct.net/home/home.aspx
ไม่มีความเห็น