เหตุที่ตั้งประเด็นบันทึกเรื่องนี้เป็็้นเพราะ้ในใจอยากเล่า ประสบการณ์ของตนเองต่อความรู้เรื่ื่องของการออกกำลังกาย
ในอดีตไว้เล่าน้องๆเพื่อนๆว่าเคยผ่านความคิดอย่างไรมาบ้าง
เหตุจููงใจที่ทำให้สนใจเริ่มทำความเข้าใจเรื่องการออกกำลังกาย มาจากความสงสัยว่า เรื่องนี้มันมีอะไรกันนักกันหนา ทำไมต้องเป็น สร้างผู้นำการออกกำลังกาย ทำไมต้องไปเรียนเต้นแอโรบิก ทำไม การออกแรงแบบกรรมกรจึงไม่ใช่เรื่องการออกกำลังกาย ทำไม การออกกำลังกายจึงต้องเป็นรูปแบบกีฬาเท่านั้น ทำไมต้องวิ่ง โยคะ ไทเก๊ก ซึ่งแตกต่างกับเทนนิส แบดมินตัน โดยสิ้นเชิงในแง่การใช้ ้แรง ทำไมจึงเป็นการออกกำลังกายที่ทั่วโลกยอมรับ ทำไมๆๆๆ ต้องออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน ทำไมต้อง 3 วันต่อสัปดาห์ แล้วในตำรายังมีอีกว่า 20 นาทีต่อวัน อะไรกันแน่ คือ ความจริงที่ควรเอามาใช้
เบื้องหลังของคำถามทำไม เป็นเพราะตัวเองก็มีข้อแก้ตัวกับตน เองเหมือนคนอื่นๆว่า “ไม่มีเวลา เลยไม่ออกกำลังกาย” เพราะความ ถนัดส่วนตัวในเรื่องกีฬาที่มีอยู่บ้าง จะได้เล่นต้องหาคู่เล่นหรือทีมมา เล่นด้วย เช่น แบดมินตัน วอลเลย์บอล จึงต้องมีคู่ซี้ ทีมซี้ เพราะ ไปหาเอาดาบหน้า คงไม่ได้เล่น เพราะคนที่เล่นประจำเขาเบื่อเล่นด้วย เหตุเพราะอ่อนหัด เล่นกับเราฝีมือเขาแย่ลง
เมื่ออยากออกกำลังกาย ก็ต้องเสาะหาเทคนิคให้กับตัวเอง หารูปแบบที่ทำคนเดียวได้ ทำที่ไหนก็ได้ และไม่ติดเรื่องเวลา และความเข้าใจต้องถูกก่อน จึงจะได้ทำอะไรสมใจตน
โชคดีที่ได้พบ น.พ. สมชาย ลี่ทองอินทร์ ศิษย์แพทย์ ร.พ. รามาธิบดี กัลยาณมิตรรุ่นน้อง จึงขอเป็นลูกศิษย์เธอด้วยคน
บันทึกที่ผ่านมาแล้ว 4 ตอน เป็นเรื่องราวของความเข้าใจที่ ่เพิ่มขึ้นนับจากการเป็นศิษย์ของน.พ. สมชาย ลี่ทองอินทร์ ผู้อำนวยการกองออกกำลังกาย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข คนปัจจุบัน
13 มกราคม 2551
ไม่มีความเห็น