ปีนี้ มะบี๊ มีอายุ 60 ปีแล้ว ถ้ามองหน้าตามะบี๊ จะคิดว่ามะบี๊อายุ 80 ปีแล้ว มะบี๊มีรูปร่างผอมบาง เริ่มเป็นเบาหวานเมื่ออายุ 40 กว่าปี ชีวิตของมะบี๊เติบโตมาในชนบท ส่วนใหญ่มะบี๊จะมีชีวิตอยู่กับบ้าน มีเพียงบางวันที่เดินออกจากบ้านไปตกปลาหมึกบ้าง มะบี๊บอกว่า ตอนที่รู้ว่าเป็นเบาหวาน รู้สึกเฉยๆเพราะไม่รู้จักเบาหวาน มีน้องสาวเป็นเบาหวานด้วย เคยเห็นคนเป็นเบาหวานชักด้วย ผลเลือดของมะบี้ในวันที่ได้พบกัน มีค่าน้ำตาลในเลือด 106 มก./ดล. น้ำตาลสำรอง 5.9% และมีค่าความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงเพียง 23% ไขมันดี (HDL-C) 42 ไขมันเลว (LDL-C) 91 มะบี๊ดูไม่ค่อยมีแรง ชีพจรขณะพักของมะบี๊ อยู่ที่ 69 ครั้งต่อนาที
มะบี๊เล่าว่า การออกไปนอกบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นการไปทำธุระ ช่วงเช้าบ้าง เย็นบ้าง ถ้าไม่มีธุระอะไร มะบี๊จะอยู่แต่ในบ้าน
เมื่อจะให้คำปรึกษาการออกกำลังกาย ฉันก็นึกถึงข้อเตือนเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ข้อเตือนที่ว่าต้องเตือนให้หยุดการออกกำลังกายหากเกิดอาการ อาการเหล่านี้ได้แก่
จากค่า HDL-C ฉันว่ามะบี๊ยังต้องออกกำลังกายเพิ่มขึ้นอีก ฉันจึงคำนวณค่าการเต้นสูงสุดของหัวใจมะบี๊จากค่าชีพจรของแก
ถ้าต้องการให้ออกแรงถึงระดับแอโรบิกของหัวใจมะบี๊ จะได้ค่าดังนี้ {(220-60-69) x 0.8} + 69 = 141 ถ้าต้องการให้แข็งแรงมาก แต่ถ้าแค่ให้แตะระดับแอโรบิก จะได้ค่า{ 220-60-69 x 0.5} + 69 = 115
ในเมื่อแกไม่อ้วน การออกกำลังกายที่ฉันอยากให้แกทำก็เพียงแค่ 30 นาทีต่อวัน ฉันจึงมาดูระดับแรงและวิธีออกกำลังกายที่แกใช้อยู่ แกใช้การเดินเพียงวิธีเดียว ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางราบ การเดินไปตกหมึก ก็เป็นการเดินเลียบป่าชายเลน ไม่ค่อยลำบากนัก
หากฉันต้องการให้แกออกกำลังให้ได้ระดับแอโรบิกด้วย ด้วยอายุ โรคประจำตัว และแกดูไม่ค่อยมีแรง และซีดด้วย ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการข้างต้นหลังการออกกำลังกายน่าจะมีได้ และถ้าเลือกวิธีที่ไม่เหมาะ อาจมีผลให้แกมีแผลที่เท้าและเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำจากการออกกำลังกายได้ด้วย ฉันจึงต้องหาวิธีออกกำลังกายมาสอนให้เหมาะกับตัวแก
เมื่อไปเปิดตาราง Metabolic equivalent (ซึ่งในบันทึก ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ความหมายที่เข้าใจไม่ตรงกัน ฉันเรียกว่า "โพย" ) เพื่อค้นหากิจกรรมที่เหมาะกับวิถีชีวิตประจำวันของแก ก็พบว่า การเดินด้วยความเร็ว 1.6 กม.- 3.2 /ชม. จัดเป็นการออกแรงระดับเบา การทำกายบริหารจัดเป็นการออกแรงระดับปานกลางถึงหนัก
ฉันเทียบกับลักษณะที่แกเดิน ความแรงที่แกเดินจัดเป็นการออกแรงระดับเบา หากฉันต้องการให้แกมี HDL-C เพิ่มขึ้นอย่างเดียว ฉันแค่ขอแกว่าให้แกเดินทุกวันอย่างที่แกทำ สะสมให้ได้วันละ 30 นาที ฉันก็พอใจแล้ว และฉันก็เชื่อว่า แกเองก็ยินดีทำให้ เพราะแกทำอยู่แล้ว เพียงเพิ่มเวลาสะสมให้ได้วันละ 30 นาที ไม่ยากแน่ๆ
แม้ว่าชีพจรขณะพักบอกว่า แกมีสมรรถนะหัวใจของแกอยู่ในระดับดีแล้วก็ตาม ฉันก็ยังต้องการให้แกเพิ่มสมรรถนะหัวใจแกให้ดีขึ้นกว่าเดิม ฉันจึงแนะนำให้แกใช้ท่ายืดเหยียดด้วยยางยืดในการออกแรงด้วย เท่านี้มะบี๊ก็ได้รูปแบบของการออกกำลังกายที่เหมาะกับแกแล้ว
หน้าที่ต่อไปของน้องๆในทีมของฉัน ก็เพียงแต่คอยให้กำลังใจและเสริมพลังให้แกทำสม่ำเสมอ คอยยั้งๆแกไม่ให้ใช้ยางยืดเกินเลยไปมากนัก ทำให้แกรู้จักอาการที่แกต้องหยุดออกกำลังกายทันทีถ้าเกิดขึ้น ทำให้แกรู้จักวิธีเตรียมตัวก่อนออกกำลังกายและวิธีแก้ปัญหาน้ำตาลในเลือดต่ำขณะออกกำลังกายเท่านั้นเอง
20 มกราคม 2551
จากที่อ่านเรื่องการปรับพฤติกรรมการออกกำลังกาย...หมอเจ๊เยี่ยมมากค่ะ
ได้ข้อคิดหลายอย่างที่จะนำไปใช้กับคนไข้เบาหวานในคลินิกเบาหวานค่ะ
ดีใจค่ะ ที่นำเอาไปใช้ได้ ได้ผลอย่างไรนำมาเล่ากันบ้างนะค่ะ
เรื่องของมะบี๊มีต่อนะค่ะ ตามอ่านในบันทึกดูค่ะ
หมอเพียงแต่พยายามเอาองค์ความรู้อีกมุมที่ตัวเองพอเข้าใจมาประยุกต์ใช้ต่อค่ะ
ถ้าเอาความปลอดภัยของคนไข้เป็นตัวตั้ง จะมองเห็นความไม่ปลอดภัยหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในการกระทำที่เราคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆเสมอค่ะ แล้วความคิดใหม่ๆในการดูแลคนไข้กลุ่มนี้จะตามมาค่ะ
กาลามสูตร บอกว่า อย่าเชื่อในคำบอกของใคร ก็ไม่อยากให้เชื่อหมอทั้งหมด ขอให้เอาแต่แนวคิดไปประยุกต์ใช้นะค่ะ
หมอไม่ชำนาญการดูแลเบาหวานหรอกนะค่ะ แต่ใช้มุมมองความปลอดภัยมาวิเคราะห์เรื่องที่ทำๆกันอยู่ แล้วก็เอามาทำ และที่เอามาบันทึกไว้ ก็เพื่อให้น้องๆหมออนามัยและพยาบาลที่ดูแลคนไข้ของร.พ. ที่กำลังเผยแพร่ 5อ. ตระหนักว่า ความปลอดภัยของคนไข้ขึ้นอยู่กับเรามากๆๆๆ และเผื่อจะกระตุ้นให้ใครได้ idea ดีๆเพิ่มค่ะ