วันที่ 24 มกราคม 2551 เป็นวันครบนัดที่หมอตาจะได้เจอกับมะบี๊อีกครั้ง การได้เจอกันครั้งนี้ ทำให้หมอตาต้องชะลอความตั้งใจที่จะให้มะบี๊เดินเพิ่มขึ้นจนถึงระดับแอโรบิกของแก
สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนใจ คือ ข้อมูลที่ได้เพิ่มขึ้นจากการพูดคุยกันในวันที่ได้เจอกัน
ในกระบวนการกลุ่ม มีคำถามที่ให้ผู้เข้าร่วมทำ KM เล่าข้อมูลของตนเองในประเด็น การเกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) โดยหมอตาเปิดประเด็นว่า
" สังเกตอาการน้ำตาลในเลือดต่ำได้จากการมีอาการใจสั่น วิงเวียน เหงื่อออก ใครบ้างในที่นี้ที่เคยมีอาการอย่างนี้" มะบี๊เป็นผู้หนึ่งที่ยกมือตอบ
หมอตา : " ตอนที่มีอาการ มะมีอาการช่วงไหน"
มะบี๊ : " มักมีอาการช่วงก่อนเที่ยง"
หมอตา "มะกินยาวันละเท่าไร กินยากี่โมง กินข้าวเช้ากี่โมง เกิดอาการตอนไหน"
มะบี๊ " กินยาตอนเช้า ไปเดิน 15 นาที แล้วกลับมากินข้าวเช้า 7.00 น. มีอาการ 11.00 น. "
ฟังมะบี๊เล่าแล้ว หลายคนคงคิดว่า อย่างนี้ต้องเป็นเพราะยาขนาดสูงไป และจะแนะนำให้มะบี๊กลับไปหาหมอเพื่อให้ปรับยา แต่หมอตาไม่ได้คิดอย่างนี้ กลับชวนคุยต่อ "วันที่มะมีอาการ มะเดินตอนเช้าหรือตอนเย็น มะกินข้าวเช้ายังไง มีอาการทุกวันอย่างนั้นหรือ"
มะบี๊ "มะไปเดินตอนเช้า ข้าวที่กินตักแค่ 1 ทัพพี มีอาการวันที่เดิน วันที่ไม่เดินไม่เป็นไร"
หมอตา "มะกินข้าวเย็นมากแค่ไหน"
มะบี๊ "มะกินข้าวเย็น 1 ทัพพี กินผลไม้ตอนเที่ยง ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งครึ่งลูก ส้ม 2 ลูก กินข้าวเย็นราว 1 ทุ่ม เข้านอน 2 ทุ่ม บางวันก็ไม่กินข้าวเที่ยง"
หมอตานึกในใจ "มะกินน้อยจัง มิน่าจึงได้ผอมและซีด นี่มั้งเหตุที่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่มะเคยเล่าว่า ช่วงไหนที่กินได้ น้ำตาลในเลือดจะสูง ขอดูบันทึกผลเลือดที่ตรวจจากร.พ. จากมะดีกว่า"
สรุปแล้วหมอตาพบปัญหาของมะบี๊ ดังนี้
- ซีด 24%
- กินอาหารน้อย มีความอยากอาหารขึ้นๆลงๆ
- ด้วยยาขนาดนี้ ช่วงไหนอยากอาหารจะมีน้ำตาลในเลือดสูง ช่วงไหนไม่อยากอาหาร น้ำตาลในเลือดจะพอดี ตอนนี้เบื่ออาหาร น้ำตาลในเลือด 106 มก./ดล. น้ำตาลสำรองสูง 6.2% (HbA1C)
- ควรได้รับการเสริมพลังให้ออกกำลังกาย
- มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ในบางช่วงของวัน หลังการเดินตามปกติในวิถีชีวิต ซึ่งมีความแรงในระดับเบา
"อย่างนี้ที่ตั้งใจว่าวันนี้จะเสริมพลังให้มะบี๊กลับไปเดินเพิ่มให้ได้ 30 นาทีต่อวันต้องรอก่อน สิ่งสำคัญกว่า คือ ต้องให้มะเข้าใจสาเหตุของการเกิดน้ำตาลต่ำ แล้วจัดการตนเองให้ได้เหมาะสมก่อน มะจึงจะปลอดภัยจากการออกกำลังกายที่จะให้เพิ่ม" หมอตาคิดในใจ
ในวันนั้น คำแนะนำที่มะได้ก่อนการทำ KM ร่วมกัน คือ
"ถ้าจะเดินตอนเช้า ให้ออกกำลังกายก่อนใช้เวลาเท่าเดิมนะจ๊ะ จะกินข้าวเช้ากี่โมง ก็ให้กินยาก่อน 1/2 ชั่วโมงนะมะ"
ข้อเตือนใจ
- การออกกำลังกายอาจทำให้คนไข้เบาหวานเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำได้ หากคนไข้จัดการตนเองไม่เหมาะสม
- คนไข้ที่เป็นผู้สูงอายุ คือ กลุ่มสำคัญที่ต้องใส่ใจว่า จะเกิดความไม่ปลอดภัย จากการให้คำแนะนำการออกกำลังกาย
- ความปลอดภัยจากการออกกำลังกายจะเกิดได้ ต้องประเมินความพอดีของระดับความแรงของการออกกำลังกายกับสมรรถนะของผู้ป่วยก่อนให้คำแนะนำทุกครั้งไป
- ความพอดีของระดับความแรงของการออกกำลังกายในคนๆเดียวกัน เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามสมรรถนะของคนไข้ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ก่อนเพิ่มระดับความแรงของการออกกำลังกาย จึงต้องมีการประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่ปลอดภัยเสียก่อนให้รอบด้าน จึงให้บริการดูแลต่อเนื่อง
24 มกราคม 2551
หมายเหตุ "มะ" เป็นคำเรียกขาน ผู้สูงวัยหญิงที่นับถือศาสนาอิสลาม
ไม่มีความเห็น