ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ คุณหมอยังเติร์กในที่ทำงานฉันลากิจไปรับปริญญากันหมด บรรดาคุณหมอฮาร์ดคอร์ทั้งหลายจึงเข้าแถวกันมาเฉลี่ยรับงานของน้องๆไปช่วยกันทำ
ครึ่งเช้าของวันนี้ ฉันจึงมีโอกาสมาทำงานเต็มตัวที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งเป็นหนึ่งงานที่น้องๆจัดสรรแบ่งมาให้ฉันได้ช่วย เป็นการได้มานั่งทำงานอีกครั้งหลังจากเหินห่างไปนานมากๆๆๆๆแล้ว
ในเวลาครึ่งเช้าเพียง 3 ชั่วโมง เชื่อกันไหมว่า มีคนป่วยหนักๆถูกส่งเข้ามาจากต่างอำเภอถึง 6 ใน 8 อำเภอของกระบี่ทีเดียว รวมแล้วเช้านี้ทั้งคนป่วยที่ถูกส่งเข้ามาและคนป่วยที่เดินมาเองด้วยเรื่องฉุกเฉินครบโหลพอดี
แต่ละคนที่เข้ามาล้วนต้องใช้เวลาวิเคราะห์รวบรวมเรื่องราวก่อนวินิจฉัยและลงมือรักษา คนที่ฉันใช้เวลานานที่สุดของเช้าวันนี้ เป็นคนที่ถูกส่งเข้ามาด้วยไม่รู้สติเพราะพิษไข้ถึงสมอง เวลาที่ใช้ลงมือช่วยเหลือเบื้องต้น แค่แทงน้ำเกลือ ปาเข้าไปกว่า 1 ชั่วโมง เพราะคนไข้ดิ้นๆๆๆๆ จับตัวกันไม่อยู่ แทงน้ำเกลือทีไร เส้นแตกทุกที เฮ้อ! กรรมเวรของใครหนอ ที่ทำให้เราต้องใช้เวลาขนาดนี้ทีเดียวเชียว ก็แค่เวลาที่ใช้เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นเท่านั้นเองยังนานขนาดนี้นะค่ะ โชคดีที่ระหว่างช่วยคนไข้รายนี้เบื้องต้น ยังไม่มีคนไข้ฉุกเฉินลักษณะเดียวกันเข้ามาให้ดูแล กว่าจะจัดการให้เขาสงบลงได้ ต้องอาศัยคุณหมอน้องๆหลายแผนกมาช่วยให้ความเห็นด้วยกัน และแล้วสุดท้ายเราก็ทำให้เขาสงบลงได้โดยการให้ยาสลบอ่อนๆที่ห้องฉุกเฉินนั่นแหละค่ะ สงบแล้วจึงได้ทำอะไรให้เขาได้เพิ่มพร้อมกับส่งเขาไปตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษและรับไว้นอนในหอผู้ป่วยค่ะ รวมแล้วเวลาที่ใช้ไปนั้นรวมเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง
หลังจากช่วยให้เขาพอสงบลงได้ ก็มีคนไข้อื่นๆทยอยกันมาเรื่อยๆ เฉลี่ยกว่าจะลงเอยปิดโปรแกรมของการรักษาเบื้องต้นของแต่ละรายก็ใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 45 นาทีต่อราย ซึ่งเป็นเวลารวมหมายไปถึงการให้โอกาสญาติและคนป่วยได้ออกความเห็น ถามข้อแคลงใจ และสำหรับหมอให้ข้อมูลแผนการรักษาที่จะได้พบในขั้นตอนต่อไป บอกเล่าการเปลี่ยนมือไปสู่คุณหมอเจ้าของไข้ผู้ชำนาญกับโรคที่วินิจฉัยมากกว่า เหตุดังนี้ค่ะจึงทำให้วันนี้ กว่าฉันจะเสร็จจากการกินมื้อกลางวันก็เป็นเวลาบ่ายครึ่งซะแล้ว ด้วยว่าเที่ยงครึ่งแล้วทำงานตรวจคนป่วยที่เหลือยังไม่เสร็จเลยค่ะ โชคดีที่ว่ามีน้องหมออีกคนหมุนวนเข้ามาเปลี่ยนเวรรับดูแลต่อไปเข้ามาช่วยไว้ค่ะ วันนี้เลยไม่ต้องอดข้าวกลางวัน
ก่อนลงกินข้าว ใจสะท้อนนึกว่า พวกเราหมอๆนี่หนา ตั้งใจทำงานให้ดี แต่เงื่อนไขงาน มันยากซะจริงๆ เวลาหนึ่งวันทำงานกันไม่ทัน นี่ขนาดทำให้ไม่ดีเท่าไร ยังใช้เวลาคนละเกือบชั่วโมง ถ้าใช้เวลาอย่างนี้ ดูแลได้แค่วันละ 8-10 คนเท่านั้น แต่คนที่มาเฉพาะที่ห้องนี้อย่างเช่นวันนี้ชั่วโมงละ 4 คน แล้วแต่ละคนล้วนมาแบบคางเหลืองกันทั้งนั้นนะนี่
จะให้เราทำอย่างไรดีค่ะจึงจะพอใจเรา ช่วยบอกเราให้มีทางออกหน่อยค่ะ ในที่ทำงานของฉันเวลานี้มีหมออยู่กันแค่ 23 คน วันนี้มีคนป่วยนอนรออยู่ในหอผู้ป่วยแล้ว หอ 14หอๆละไม่ต่ำกว่า 30 คนค่ะ และมีอีกที่ที่เรียกว่าห้องตรวจคนไข้นอก ที่มีคนป่วยมารอตรวจอยู่วันนี้ทั้งวันรวมแล้ว 1,500 คน ไม่น้อยกว่าวันไหนๆเลยอ่ะ
เอามาเล่าขาน ใช่ว่ามาบ่น เพียงแต่อยากสะท้อนอ้อนวอนให้ช่วยบรรดาหมอๆ ดูแลสุขภาพตนเองกันด้วยค่ะ จะป่วยให้ป่วยน้อยๆในระดับที่ช่วยตัวเองบรรเทาให้หายไปได้ อย่าปล่อยตัวเองจนต้องป่วยหนัก จนต้องเข้ารักษาที่ร.พ.กันเลยนะค่ะ
นี่ขนาดที่ทำงานของฉันเป็นร.พ.ที่มีหมอจำนวนมากที่สุดในจังหวัดนะค่ะ ท่านลองวาดภาพเอาเองเถอะค่ะว่า ร.พ.ที่เขามีหมอคนเดียว คุณหมอคนนั้น เขาจะทำงานหนักสาหัสขนาดไหน เมตตาพวกเราด้วย แค่ช่วยกันเมตตาต่อตัวเอง ดูแลสุขภาพส่วนบุคคลของท่านกันให้ดีๆก็เท่ากับว่าท่านได้เมตตาพวกหมออย่างเราแล้วค่ะ
หลักการดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักเพียงแต่ใช้หลัก 5 หย่าขาดเท่านั้น สุขภาพดีๆจะมาอยู่ด้วย เหมือนหมูอยู่ในอวยเลยค่ะ จะขอหย่าขาดจากอะไรบ้าง ฉันขอบอกไว้ข้างล่างนี้นะค่ะ
หย่าขาดจากการไม่ล้างมือ
หย่าขาดจากการไม่ออกกำลังกาย
หย่าขาดจากการสร้างอารมณ์เครียดให้กันและกัน
<p class="MsoNormal" style="text-justify: inter-ideograph; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify;"></p> <p class="MsoNormal" style="text-justify: inter-ideograph; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify;"></p> <p class="MsoNormal" style="text-justify: inter-ideograph; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify;">หย่าขาดจากการไม่กินผักและผลไม้</p> <p class="MsoNormal" style="text-justify: inter-ideograph; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify;"></p> <p class="MsoNormal" style="text-justify: inter-ideograph; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify;"></p> <p class="MsoNormal" style="text-justify: inter-ideograph; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify;"> </p> <p class="MsoNormal" style="text-justify: inter-ideograph; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify;">หย่าขาดจากการกินอาหารเกินความต้องการใช้งาน</p> <p class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt;"></p> <p class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt;"> </p> <p class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt;">8 กรกฎาคม 2551</p>
สวัสดีค่ะ คุณหมอ
ขอบคุณค่ะ ที่ให้หลักการ เหตุผลและข้อมูลในการดูแลรักษาสุขภาพ น้องหย่าขาด ได้ 4 ข้อ แต่ข้อสุดท้าย บางวัน หย่าไม่ขาด คือไม่กล้าขัดใจตัวเองนะคะ
มารับปากช่วยหย่าขาดทั้งสี่ข้อที่พี่หมอบอกค่ะ
เห็นใจเหล่าหมอๆ ทั้งหลายมากๆ ความรับผิดชอบสูงจริงๆ คนไข้ทุกคนมาด้วยความคาดหวังโดยลืมว่าหมอก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน
เป็นกำลังใจให้ค่ะพี่หมอ
ข้อสุดท้ายไม่ค่อยอยากหย่าจากมันเลย อร่อยทีไรลืมตัวทุกที อิอิ
นึกว่าแสดงใบหย่า ต๊กกะใจโหมดเล๊ย
พี่หมอเจ๊ค่ะ
ทำยากทุกข้อเลยแต่จะพยายามค่ะ
มาให้กำลังใจคุณหมอ...
พร้อมมารับเคล็ดไม่ลับการรักษาสุขภาพครับ...
ขอบคุณมากครับ...
มาสวัสดีครับ
เป็นเรื่องเล่าที่ทำให้คนทำงานรู้สึกดีๆมากครับ
หากพี่ๆที่เราส่งต่อไป คิดเช่นนนี้ความรู้สึกขณะที่ต้องส่งต่อคงจะอบอุ่นมากๆเลยครับ ^_^
เห็นใจคุณหมอจริงๆค่ะ จะพยายามรักษาสุขภาพนะคะ