หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

เกิดอะไรขึ้นค่ะนี่


ทำไมการให้ความช่วยเหลือแก่เขา จึงมีผลลัพธ์ที่ทำให้เขายังต้องใช้ชีวิตอย่างพิกลพิการอีกเล่า คนวัยหนุ่มขนาดนี้ไม่มีทางหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีอื่นอีกแล้วหรือ สังคมเรามันแย่ สอนให้คนหนุ่มๆยอมแพ้จนทำกับตัวเองขนาดนี้เลยหรือ

เมื่อวันที่มีโอกาสเข้าไปเมืองกรุงเพื่อร่วมประชุมเกี่ยวกับงานนโยบายที่เกี่ยวกับแรงงานในระบบที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมดูแลอยู่ ทำให้ฉันมีโอกาสได้ไปสัมผัสเมืองกรุงในอีกแง่มุมหนึ่ง  ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามที่ ณ เวลานี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้  ใครช่วยตอบหน่อยได้ไหม

จริงคุณลุงวันนั้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างรอเวลาเดินทางกลับกระบี่ ฉันเดินออกจากที่พักจะไปที่สวนจตุจักร  ระหว่างเดินทอดน่องชมแผงหนังสือเก่าที่มีวางอยู่ตามรายทางเป็นระยะสลับกับร้านให้เช่าพระอยู่นั้น ฉันก็เห็นลุงผู้พิการคนหนึ่ง กำลังเดินอย่างช้าๆเพื่อมุ่งไปในทิศทางที่ฉันกำลังเดินไปนะแหละ ฉันเดินตามหลังแกไปจนถึงทางแยกซอยเล็กๆที่เป็นทางต่างระดับกับฟุตบาทในช่วงนั้น ฉันจึงช่วยเสริมความสะดวกในการเดินของแกด้วยการจูงมือนำแกเดินไปช้าๆด้วยกัน  ที่ว่าช้าๆก็เพราะว่ากว่าหนึ่งย่างเท้าที่แกจะเดินต่อไปได้นั้น แกจะต้องคอยขยับเท้าไปทีละนิ้วสองนิ้วเพื่อเคลื่อนกายค่ะ  แกทำให้ฉันชื่นชมในความแกร่งที่มี ฉันเชื่อว่าแกมีใจที่มั่นคง เชื่อมั่นว่าแกพึ่งตัวเองได้ แกจึงอาจหาญในการมาเดินท่ามกลางฝูงชนมากมายในวันนั้นตามลำพัง

 

หลังจากช่วยคุณลุงแล้ว ฉันก็เดินต่อมา และก็เห็นความเคลื่อนไหวหนึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน ความเคลื่อนไหวนั้นเกิดบนพื้นฟุตบาทข้างหน้า จ้องไปอย่างตั้งใจ ฉันจึงเห็นว่าความเคลื่อนไหวที่เห็นนั้นเกิดจากชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งฉันคาดว่าอายุไม่เกิน 25 ปีนะค่ะ ความเคลื่อนไหวที่ฉันเห็นไกลๆนั้น เกิดจากเขากำลังคลานไปตามฟุตบาทค่ะ  

 

ท่านคงคิดว่าเรื่องธรรมดาใช่ไหมที่จะเห็นภาพอย่างนี้ แต่ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นอะไรที่ธรรมดาไม่ใคร่เห็นกันนะค่ะ   สิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้กำลังทำ และการได้พบคุณลุงคนข้างต้น ทำให้ฉันเกิดคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ค่ะ   ใครก็ได้ช่วยตอบหน่อยได้ไหม 

 การที่ชายหนุ่มคนนี้เขาต้องคลานไปตามฟุตบาทก็เพราะขาขวาของเขาขาดเหนือเข่าค่ะ ที่บริเวณเหนือเข่ามีผ้ายืดสกปรกหน่อยคาดอยู่โดยรอบค่ะ  แรงมือของเขา 2 ข้างคือแรงหลักที่ทำให้เขาเคลื่อนที่ไปได้ ในมือขวามีขันใบน้อยๆถืออยู่ด้วยค่ะ

 

ดูภาพเขาเอาเองละกัน  ตอนฉันถ่ายภาพเขานั้น ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวและระแวง จึงได้แต่ถ่ายห่างๆด้วยกล้องที่คุณภาพไม่เท่าไรอ่ะค่ะ  

 ความรู้สึกฉันตอนนั้นมันถามฉันว่า นี่เป็นคุณภาพที่ระบบสุขภาพเราได้ดูแลผู้พิการหรือนี่   ดูเหมือนเราจะได้ช่วยเขาแล้วด้วยการให้ขาเทียม ( เดาจากร่องรอยของการมีผ้ายืดที่เข่า)  แต่แล้วทำไมการให้ความช่วยเหลือแก่เขา จึงมีผลลัพธ์ที่ทำให้เขายังต้องใช้ชีวิตอย่างพิกลพิการอีกเล่า คนวัยหนุ่มขนาดนี้ไม่มีทางหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีอื่นอีกแล้วหรือ  สังคมเรามันแย่ สอนให้คนหนุ่มๆยอมแพ้จนทำกับตัวเองขนาดนี้เลยหรือ

 

</span></span>

</span>

 

 

หมายเลขบันทึก: 202347เขียนเมื่อ 21 สิงหาคม 2008 01:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

แวะมาอ่านและมาทักทายค่ะ

               มีความสุขในการทำงาน

                         สุขภาพแข็งแรง  นะคะ

                       

บอกไม่ถูกว่าป็นอย่างไร การทำอาชีพด้วยตนเองเป็นเรื่องลำบากมากกว่าการได้เงินด้วยวิธีง่ายๆ เพราะคนไทยส่วนใหญ่มีใจเมตตา อาชีพแบบนี้จึงยังอยู่ได้

อาชีพนี้อย่าว่าแต่คนพิการเลย มือดี เท้าดีก็ยึดอาชีพนี้เป็นหลัก

ดูเหมือนรายได้ดีนะ แต่จิตวิณญาณของความเป็นมนุษย์ ความภาคภูมิใจในตัวเองของเขาเหลืออยู่มากน้อยเท่าไรกันหนอ?

บทละครเรื่อง As you like it ของ วิลเลียม เช็คสเปียร์ (William Shakespeare) ที่ว่า


All the world's a stage,
And all the men and women merely players;
They have their exits and their entrances;
And one man in his time plays many parts
,

 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแปลบทละครของวิลเลียม เช็คสเปียร์ ไว้เป็นภาคภาษาไทยชื่อ ตามใจท่าน ลครเริงรมย์ (As you like it) ความว่า

 
ทั้งโลกเปรียบเหมือนโรงละครใหญ่    ชายหญิงไซร้เปรียบตัวละครนั่น
ต่างมียามเข้าออกอยู่เหมือนกัน          คนหนึ่งนั้นย่อมเล่นตัวนานา
”.

ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากที่จะรับบทบาท แสดงเป็น ขอทานผู้พิการนะครับ และถ้าชีวิตคือละคร คนเขียนบท จะไม่ให้เขาแสดงบทบาทอื่นในสังคมบ้างเลยหรือ ถ้าเราเป็นคนเขียนบท เราจะช่วยเหลือ (เขียนบทให้เขาใหม่) ได้อย่างไรบ้าง? 

คลานได้ใจ มากกว่า นั่งแล้วกระเดิ๊บๆไป

คนขาขาดแบบนี้ ลองคิดเล็กๆ เคลื่อนตัวอย่างไร ที่จะไปได้ดีที่สุดครับ ไมไม่เอาไม้เท้า

ไมไม่นั่งไม้กระดานติดล้อ ทำไมๆๆๆๆๆ ...หาเงินง่ายไงครับ

สวัสดีครับคุณหมอเจ๊

                  ชีวิต...ของเขา...เขาลิขิต

              เขามีสิทธิ์...ไฝ่ฝัน...ไฝ่หา

              เพียงเขา...ตัดสินใจ...จะไฝ่คว้า

              ปราถนา...สิ่งใด...ได้ทั้งนั้น.....

       " เขาคงตัดสินใจเลือกทางเดินของเขาแล้ว "

                                                โชคดีครับผม

สวัสดีครับ

คิดไม่ออกเช่นกัน ไม่รู้ว่าใครจะช่วยดูแล ไม่มีความช่วยเหลือให้เขา หรือว่าเขาปฏิเสธ

ได้แต่เห็นใจ

  • น้อง @..สายธาร..@ ค่ะ
  • สบายตา และเปรี้ยวปากค่ะ
  • แต่ก็กลัวจู๊ดๆๆค่ะ
  • สบายดีนะค่ะ
  • ขอบคุณน้ำใจที่ห่วงใยค่ะ
  • คุณ NONGYAO - CHAMCHOY ค่ะ
  • หมอเจ๊ว่า น้องคนนี้มีอะไรลึกๆที่น่าศึกษานะค่ะ
  • กำลังหาคำตอบค่ะว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เป็นหนัง มันกำลังฉายอะไรให้เราเรียนได้บ้าง 
  • น้อง กวิน ค่ะ
  • ช่วยให้คำตอบหมอเจ๊เลยค่ะ
  • ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากที่จะรับบทบาท แสดงเป็น ขอทานผู้พิการนะครับ และถ้าชีวิตคือละคร คนเขียนบท จะไม่ให้เขาแสดงบทบาทอื่นในสังคมบ้างเลยหรือ ถ้าเราเป็นคนเขียนบท เราจะช่วยเหลือ (เขียนบทให้เขาใหม่) ได้อย่างไรบ้าง? 
  • ดูหนังเรื่องนี้แล้ว หมอเจ๊ก็ว่านะ ว่าเขาก้ไม่เต็มใจรับบทบาทนี้ค่ะ
  • คุณ คนกร้านโลก ค่ะ
  • หมอเจ๊สะกิดใจว่า เขายังอายค่ะที่ทำอย่างนี้ ไม่งั้นเขาคงไม่ระแวงเวลามีใครจ้อง อย่างที่หมอเจ๊จ้องจะถ่ายภาพเขานะค่ะ
  • พี่บ่าว นายช่างใหญ่ ค่ะ
  • ชีวิตถ้ามีทางเลือก คนจะยอมอาย??????????
  • ชีวิตที่เลือกได้ จำเป็นต้องเลือกทำอย่างนี้จริงหรือ??????????
  • ถ้ามีทางเลือก เขาจะเลือกทางที่ทำให้อาย???????? จริงรึ
  • เมตตาให้เงิน กับ เมตตาให้งาน เลือกได้มั๊ยค่ะ
  • สังคมควรเลือกเมตตาอะไร จึงจะช่วยเขาให้ไม่ต้องเลือกทางที่อายแต่ก็ต้องลงมือทำ?
  • คุณ เกษตรยะลา ค่ะ
  • นี่คือ ตัวอย่างของความล้มเหลวของการอยู่ในสังคมเมืองค่ะ
  • หมอเจ๊ว่า คนนี้ถ้าอยู่ในชนบท เขาคงมีทางเลือกมากกว่านี้ค่ะ
  • น่าแปลกมั๊ยค่ะ ที่ซึ่งเจริญกว่าน่าจะมีทางเลือกให้ได้มาก แต่ก็ดูเหมือนไม่มี

สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊

คนไม่มีรากพิมพ์คอมเม้นท์ 3 ครั้ง แล้วค่ะ แต่ไม่สามารถโพสต์ได้...แง ๆ ๆ ...

สำหรับคนที่อยู่ในกทม.ภาพเช่นนี้อาจกลายเป็นภาพปกติ...เสียจน...ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรค่ะ

พออ่านที่พี่หมอเจ๊เล่า...จึงเกิดรู้สึกฉุกใจ..ว่าเรามองปรากฏการณ์เช่นนี้ด้วยความเฉยชาและไม่ได้ครุ่นคิดเลย...

คนไม่มีรากมีกฏส่วนตัวคือ...ถ้ามีคนขอ..จะให้ค่ะ ให้มากให้น้อยก็แล้วแต่บริบทในขณะนั้น แล้วก็เป็นคนที่ใช้รถสาธารณะมากกว่ารถส่วนตัว จึงได้เจอทุกวัน  บางครั้งถูกเพื่อน ๆ ว่า...ไม่ควรให้ เพราะส่งเสริมให้เขามาขอทานมากขึ้น แต่...ความเห็นส่วนตัวค่อนข้างคิดเห็นคล้ายคุณกวินคือ...คงไม่มีใครอยาก..เป็นผู้ขอ ถ้ามีหนทางที่ดีกว่านี้...อาจไม่ใช่การช่วยที่แท้จริง...

แล้วเราควรจะช่วยเขาเหล่านี้อย่างไรดีต่างหาก ที่ต้องคิดกันต่อไปค่ะ

ส่งดอกไม้เล็ก ๆ พร้อมใบสวย ๆ มาให้พี่หมอเจ๊ แทนคำขอบคุณที่มีจิตใจเอื้ออาทรต่อ...เขาเหล่านี้ค่ะ...

สวัสดีครับคุณหมอ

  • แวะมาเยี่ยมคุณหมอด้วยความเคารพ
  • และระลึกถึงครับผม
  • สบายดีไหมครับ
  • รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
  • น้อง คนไม่มีราก ค่ะ
  • เรียกพี่มาก็เรียกน้องกลับนะ...อิอิ
  • สมมติว่า คนๆนี้เคยเป็นลูกศิษย์เรามาก่อน แล้วเมื่อเขาประสบกับความพิการ ชีวิตเขาก็ลงเอยด้วยการตัดสินใจกระทำเยี่ยงนี้
  • มันสะท้อนอะไรให้คุณครูเขาได้แง่คิดอะไรบ้างมั๊ยค่ะ
  • .........
  • หมอเจ๊มองอีกมุมว่า เขายังมีสติยั้งคิดว่า เขายังอยู่รอดได้ แม้จะต้องอาย....การอยู่รอดแม้จะลำบากก็ยังมีศักดิ์ศรีกว่าการฆ่าตัวตายหนีโลกเพราะอายในความพิการค่ะ

 

  • ครูโย่ง ค่ะ
  • เป็นหมอที่คิดอะไรแปลกๆค่ะ บางครั้งเลยคุยกับคนในร.พ.ไม่ใคร่ได้นาน
  • เลยเอาความคิดมาเขียนบันทึกดีกว่า ได้แลกเปลี่ยนมุมมองดี
  • แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ ในสังคมของเรายังมีเมตตาค้ำจุน และมีที่ว่างให้คนพิการอยู่ได้ ถ้าหากแต่เราจะช่วยกันคนละไม้คนละมือ ถางพงหญ้าให้เห็นพื้นที่เหล่านี้ชัดขึ้น
  • ช่วยปลูกกล้าไม้ให้ดีไว้รองรับ หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน กล้าไม้เหล่านี้จะเป็นร่มกำบังให้เขาอยู่รอดในสังคมค่ะ
  • กล้าไม้เหล่านี้ คือ การมีพลังใจสู้ชีวิตค่ะ
  • ครูโย่งเห็นด้วยมั๊ยค่ะ.....
  • ครูทุกคน คนในสังคมล้วนเป็นคนสำคัญที่จะให้คนพิการมีที่อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีที่น่าดูกว่านี้ค่ะ.....
  • ช่วยเตรียมความพร้อม...คือ....พื้นฐานใจที่มั่นคง พร้อมสู้โลกให้เขาอ่ะค่ะ 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท