ฉันรู้จักป้าเนียบเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นป้าเป็นเบาหวาน 20 ปีมาแล้ว ชีวิต คนไข้เบาหวานของป้าเริ่มด้วยการกินยา 2 ชนิด ยาตัวแรกกินเช้าเม็ด เย็นเม็ดก่อนอาหาร ยาตัวหลังก็กินเช้าเม็ด เย็นเม็ดแต่กินหลังอาหาร จนป้าคุมเบาหวานได้ดีขึ้น หมอก็ลดยาให้กินเหลือวันละเม็ดเท่านั้น ป้าไม่เคยลืมกินยาเลย ป้าใช้เทคนิคตื่นนอนแล้วกินน้ำ 1 แก้วทุกเช้าจึงทำให้ไม่ลืมกินยา
ในปีแรกๆป้าคุมเบาหวานโดยอดอาหาร แต่น้ำตาลของป้ายังสูงเกือบ 200 อยู่เสมอ ป้าจึงเปลี่ยนความคิดใหม่ “ไม่เอาแล้วไม่อดแล้วกินดีกว่า กินแบบยึดคติ กินแค่ครึ่ง ดีกว่า” ทุกมื้อป้ากินข้าว 1 ทัพพี กินผักทุกมื้อ งดกินเนื้อ หมู กินปลาแทน ลงมือปลูกผักกินเอง ไม่ได้ไปตลาดหลายๆวันก็มีอาหารธรรมชาติรอบบ้านเป็นกับข้าวสบายๆ กินแล้วเคี้ยวช้าๆ กินแค่ครึ่งเดียว กินผักให้อิ่มไว้ วิธีนี้ทำให้ป้ากินอาหารได้ทุกอย่างไม่ต้องอดเหมือนคนไข้เบาหวานที่เห็นทั่ว ไป ป้าได้กินครบ 3 มื้อและอิ่มด้วยนะ
ป้าเนียบดูแลตัวเองได้ดีมากๆ คุมน้ำตาลได้ต่ำกว่า 120 ความดันเลือดก็ต่ำกว่า 120/80 เดิมป้าไม่ออกกำลังกายหรอก แต่พอเป็นเบาหวาน ป้าไปออกกำลังกายทุกเช้า ลุก เดินตั้งกะตี 5 เดินไปตามถนนลาดชันของหมู่บ้านไปยังถนนใหญ่ ไกลออกไปจากบ้านราวๆ 3 กม. เดินไป เดินกลับ เร่งสลับขาให้พอเหนื่อยๆ เหนื่อยก็ลดความเร็วลง เดินไปแล้วเดินกลับก็ถึงบ้านเกือบราวๆหกโมงเช้าพอดี วันไหนฝนตกจะไม่เดินที่ไหน อยู่ในบ้านปั่นจักรยานเอา ป้าออกกำลังกายจนรู้สึกว่าวันไหนไม่ได้ทำมันเหมือนขาดอะไรในชีวิตไปเชียวแหละ
เวลาไปออกกำลังกาย ป้าจะไปพร้อมสามีป้าทุกวัน สามี ของป้าเล่นกีฬาเป็นประจำทุกวันอยู่ก่อนแล้ว ป้ามีสามีเป็นเพื่อนไปออกกำลังกายด้วยทุกวัน ป้ามีกำลังใจอย่างน่านับถือเชียว ป้าบอกฉันว่า “อบอุ่นใจ ชีวิตมีค่า อยากมีอายุยืนยาวอยู่กับลุงเป็นเพื่อนนานๆ”
สามีป้าเนียบเล่าให้ฉันฟังว่า “การ ออกกำลังกายช่วยรักษาและป้องกันโรคได้เกือบทุกอย่าง อยากเป็นกำลังใจให้จึงชวนป้าออกกำลังกายจะได้แข็งแรงเหมือนลุงที่ไม่เจ็บ ป่วยอะไรเลย ลุงภูมิใจนะ เวลาคนมาถามป้าว่า ทำยังไงเรื่องเบาหวานจึงแข็งแรงดี ลุงเองรักและเป็นห่วงป้านะ……”
เมื่อ 3 ปีก่อน ป้าคลำพบก้อนที่เต้านมซ้าย ป้าจึงไปทำแมมโมแกรม อัลตราซาวน์ และตัดชิ้นเนื้อตรวจปรากฏว่าเป็นก้อนมะเร็ง ป้า ก็เลยได้รับการรักษาเบาหวานคู่ไปกับเรื่องมะเร็ง เต้านมข้างหนึ่งของแกโดนตัดทิ้งไปแล้ว หมอให้ยาฆ่าเซลล์มะเร็งด้วย ณ วันนี้มะเร็งของป้าคุมได้ดี ไม่มีเรื่องอะไรแทรกซ้อน เบาหวานก็คุมได้ดีด้วย
เดี๋ยวนี้ป้าเป็นแกนนำเบาหวานของร.พ.ไปแล้ว ทุก ครั้งที่ป้ามาร.พ. ป้าจะช่วยพยาบาลวัดความดันเลือดให้กับคนอื่นๆด้วย เวลาไปเข้าค่ายเบาหวาน ร.พ.ของฉันจะไปจัดกิจกรรมนอกสถานที่ซะมากกว่า การทำงานนอกสถานที่นะทีมงานสามารถทำงานได้สะดวก ไม่ต้องพะวักพะวนกับงานประจำที่มีอยู่ในร.พ. ทีมที่ไปร่วมงานกันมีทั้งโภชนากร พยาบาลในสถานีอนามัย นักกายภาพบำบัด เภสัชกร พยาบาลจากร.พ. และหมอ
ป้าเนียบก็มาร่วมกิจกรรมค่ายด้วยทุกครั้งนะ ในค่ายเบาหวานของร.พ.เรา โภชนากรจะให้ความรู้เรื่อง ปริมาณอาหาร เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยสอนออกกำลังกายแล้วให้ลงมือฝึกไปด้วย เภสัชกรสอนและตอบปัญหาเรื่องยา กายภาพบำบัดสอนหลักการต่างๆของการออกกำลังกาย ทดสอบสมรรถภาพ หมอสอนโรคและภาวะแทรกซ้อน ป้าเนียบเล่าชีวิตการเป็นเบาหวานให้ผู้มาร่วมค่ายฟังว่า “ชีวิตที่เป็นเบาหวานไม่ลำบากเลย ใช้ชีวิตสุขสบายได้เพียงแต่ต้องออกกำลังกาย ออกกำลังกายจะช่วยได้ทุกอย่าง ให้ทำอย่างจริงจังจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน”
เล่าโดย
อรสา เทวสกุลวงศ์
พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร
ป้าเนียบแกดูแลตัวเองได้ดีมาก
เป็นตัวอย่างและกำลังใจให้คนไม่ชอบหรือขี้เกียจออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะ ครูอรวรรณ ค่ะ
ขอบคุณคุณหมอเจ๊ค่ะ