วันหนึ่ง เมื่อฉันนั่งทำงานอยู่ที่คลินิคเพื่อนใจก็มีคนไข้ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหา สีหน้าเธอเมื่อเข้ามาดูแล้วรู้ว่า มีเรื่องอยู่ในใจของเธอที่แก้ไขไม่ได้ คุยไปแล้วก็ไม่ได้ความอะไรที่ชัดขึ้นมา มานึกขึ้นได้ว่าคนไข้คนนี้เธอเป็นเบาหวาน แล้วในเรื่องราวที่เธอเล่านั้น มีประโยคหนึ่งที่ทำให้เอะใจพลัน ประโยคนั้นมีว่าอย่างนี้แล "เบาหวานเป็นโรคที่รักษาไม่หาย"
เธอเล่ามาด้วยว่าเธอมีภาระอยู่ จำเป็นต้องดูแลสามีที่เป็นอัมพาตอยู่ แถมทุกวันนี้เธอต้องเลี้ยงชีพด้วยการขายผัก ผักที่ขายนั้นก็ไม่ได้ปลูกเองนะ เป็นลูกจ้างรับจ้างเขาไปขายต่ออีกที
สะกิดใจแล้วจึงชวนเธอลงมือประเมินตนดูก่อนเป็นไร ว่าแล้วก็ลงมือให้เธอได้ประเมินภาวะซึมเศร้าที่มักแฝงอยู่ในคนเป็นเบาหวาน ผลออกมาว่าเธอกังวล จึงชวนเธอคุยเล่าออกมาเพื่อค้นหาเรื่องสำคัญที่เธอกังวลกับมัน
" เวลาทำงานด้วยอาชีพอย่างนี้ มันต้องใช้แรงงานเข้าไปแลกเงินนะ แล้วคนที่เป็นเบาหวานนะ มันต้องคุมอาหารจึงจะทำให้โรคอยู่กับตัวดีๆ คุมอาหารแล้วจะมีแรงทำงานรึ ไม่มีแรงทำงานซะมากกว่า......" นี่คือประโยตที่หลุดมาจากปากของเธอ
เมื่อเธอหลุดประโยคนี้ออกมาให้รู้ ฉันจึงชวนเธอคุยต่อว่า อันโรคเบาหวานนั้นมิใช่โรครักษาไม่หายดังที่เข้าใจ คุยๆไปแล้วก็รู้ว่าอกเธอโล่ง
คำที่เธอบอกก่อนจากว่าอย่างนี้ "มันเหมือนเส้นผมบังภูเขาเลยหนู เมื่อรู้ว่าเป็นเบาหวาน ป้าเคยคิดจะฆ่าตัวตายนะ แต่วันนี้พอรู้ว่าจะกินอะไรก็กินได้ทุกอย่าง ทำงานได้ ดูแลตัวเองดีๆก็สามารถมีชีิวิตปกติเหมือนคนอื่นได้ ก็โล่งใจ"
กฤติรัตน์ เตชะประดิษฐ์
พยาบาลวิชาชีพ กลุ่มงานจิตเวช
ร.พ.กระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่
สวัสดีค่ะ
.เมื่อพบแล้วจึงช่วยแก้ปัญหาได้ เป็นบุญจริงๆค่ะ
.แวะเข้ามาทักทายค่ะ
สวัสดีครับ