หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ไม่ตั้งใจอย่างแรงกล้า....ลดไม่ได้หรอก


เมื่อก่อนชอบกินชาเย็น เวลาพักเที่ยงจะหิ้วมากินวันละถุงเป็นประจำ หยุดกินน้ำหนักก็ลดลงได้เร็วหน่อย

น้องหนาเป็นคนไข้คนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาให้ฉันและทีมงานเวชกรรมสังคมมีโอกาสดูแลและถ่ายโอนความรู้เรื่องการเลือกปรับอาหารเพื่อสุขภาพดีให้  เมื่อวานนี้เธอมาเล่าเรื่องของเธอให้ฟัง ฟังแล้วดีใจกับเธอไปด้วยกับความสำเร็จเรื่องสุขภาพของเธอที่ก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่งแล้ว

มาช่วยกันดีใจกับเธอกันค่ะ นี่คือเรื่องราวของเธอค่ะ :

หนูได้รู้ว่าเป็นความดันเลือดสูงโดยบังเอิญ จากเหตุการณ์วันหนึ่งที่หนูเจ็บหู มีตุ่มขึ้นแล้วรักษาเองยังไงก็ไม่หาย มันเจ็บมากจึงขอให้แม่พาตัวมาร.พ.ทั้งๆที่กลัวร.พ.มากไม่อยากมาเลย

วันนั้นมาถึงพี่ๆเขาหาที่วัดความดันเลือดหนูไม่ได้ หยิบเครื่องไหนมาก็พันรอบแขนหนูไม่อยู่   จนมีพี่คนหนึ่งไปหาเครื่องมาวัดให้ได้ พี่เขาวัดแล้ววัดอีกหลายครั้ง ปรากฏว่าความดันขึ้นตั้ง 220/140 mmHg แนะ  เขาจึงนัดหนูมาหาหมอเพื่อรักษาเรื่องความดันเลือดสูง


ตั้งแต่นั้นมานั่นแหละที่หนูเริ่มรักษา กินยา 4 ตัว มาตั้งแต่อายุ 21 ปี  หนูมาตามที่หมอนัดทุก 3 เดือน มีอยู่ 2 หนที่วัดแล้วความดันมันสูง  

ที่จริงหนูอยากทำงาน แต่ว่าอาย และกลัวว่าเขาจะไม่รับเข้าทำงาน น้ำหนักตัวรึก็อยู่ที่ 118 กก. พยายามจะลดก็ลดได้แค่ 115 กก. แล้วมันก็ขึ้นมาอีก ตอนนั้นกินแล้วนอน ไหวตัวไม่รอด ตอนกลางคืนมีหิวก็แอบกิน 

อยู่ๆก็ได้ข่าวน้าสาวว่าเป็นโรคไต น้าสาวมาร.พ.แล้วได้ข่าวว่าร.พ.เปิดรับคนทำงาน ก็ลองมาสมัครดู แล้วก็ได้งานทำ ภูมิใจในตัวเองมาก เริ่มทำงานเมื่อเดือนเมษายน 2552  

มาทำงานแล้วก็มีแรงบันดาลใจจากพี่อู๊ดที่ทำงานที่หน่วยเดียวกัน ทำให้ตั้งใจลดน้ำหนัก

แต่ก่อนตอนที่หนัก 118 กก. จะมีปวดเข่า ปวดข้อเท้าอยู่เรื่อยๆ เอาแต่นอน เคลื่อนตัวไม่ไหว เดี๋ยวนี้คล่องตัวขึ้น ปวดเข่า ปวดข้อเท้า หายไปเอง น้ำหนักลดมาได้เหลือ 94.5 กก. หนูฝันว่าจะลดลงให้ได้ 80 กก.ในหนึ่งปีนี้  แล้วยาที่หมอให้กิน ก็ปรับลดลงมาเหลือ 3 ตัวแล้ว


แต่ก่อนตอนที่น้ำหนัก 118 กก. จะกินทุกอย่าง กินไม่ยั้ง กินจุบกินจิบ หิ้วข้าวปิ่นโตมากิน จะมีข้าวอยู่ในเถาหลายชั้น หิ้วมาเท่าไรก็กินหมดไม่เคยเหลือ 

มื้อเช้ากินทุกอย่าง ชอบกินข้าวหมกไก่ตอนเช้า เป็นข้าวหมกไก่ใส่ตีนไก่ กิน 2 จานนะไม่ใช่จานเดียว  บางวันก็กินข้าวมันไก่ทอด กินทีละ 2 จานเหมือนกัน   แล้วยังมีชาร้อน 1 แก้ว ปาท่องโก๋ 3 คู่อีก  เที่ยงมาก็กินข้าวราว 4 ทัพพี ไม่ชอบกินผลไม้    เย็นก็กินข้าว 2-3 จาน กินข้าวเย็นราวๆ 7-8 โมงเย็น  

ทุกวันจะตื่นมาละหมาดตีห้าครึ่ง กวาดขยะ ทำงานบ้าน 20 นาที ทำกับข้าว แล้วมาทำงาน ในที่ทำงานก็เคลื่อนไหวตัวไปมาระหว่างเตียงคนไข้

ตอนตั้งใจที่จะลดน้ำหนัก หนูก็ลองปรับลดอาหารลงเอง  ตอนแรกต้องทนนะ มันไม่มีแรง จะเป็นลมก็ฝืนใจ หิวก็ละลายยาลมมากินช่วย ทำไปๆก็ไม่เป็นอะไรแล้ว มีบ้างที่บางวันแสบท้อง ก็ใช้การกินยาโรคกระเพาะเข้าไปช่วย


เดี๋ยวนี้พอทำอย่างนี้ได้แล้ว ตอนมื้อเที่ยงถ้าเผลอกินเยอะไปหน่อยพี่ๆเขาจะช่วยสะกิดให้รู้   ผลไม้ที่ไม่กินเท่าไรเลยนั้น ก็มีคนช่วยเตือนให้กิน จากแต่ก่อนที่ไม่กินผลไม้เลย  ชอบกินทุเรียน จำปาดะ เวลากินก็กินเป็นลูกๆ เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผลไม้กิน

ความอ้วนตอนนี้ก็มีผลทำให้ไขมันในเลือดสูงด้วย แถมมีไขมันไปพอกที่ตับแล้ว เมื่อก่อนชอบกินชาเย็น เวลาพักเที่ยงจะหิ้วมากินวันละถุงเป็นประจำ วันก่อนพี่พยาบาลเขาก็แนะนำมา ว่าถ้ายังกินชาเย็นนะลดอ้วนไม่ได้ดีหรอก ก็เลยหยุดกินไปแล้ว หยุดกินน้ำหนักก็ลดลงได้เร็วหน่อย

หมายเลขบันทึก: 266360เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2009 18:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับคุณหมอเจ๊แซ่เฮคนงาม

 พรพ .(สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล)ส่งหนังสือเชิญมาให้แล้วครับ ขอบคุณมากครับ

  • วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--ค่ะ
  • โอ้โห...พรพ.นี่ไวปานกามนิตหนุ่มเชียวนะค่ะ
  • .........
  • พรุ่งนี้หมอเจ๊จะขึ้นกรุงเทพฯไปปรึกษางานกับพรพ.ค่ะ
  • .........
  • แล้วเจอกันนะค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท