หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

เสียใจแล้วกลับตัวได้...... ดีกว่าเสียคน เสียตัวตนเพราะเบาหวาน


ถ้าเป็นเบาหวานอยู่และต้องการให้เบาหวานอยู่กับตัวอย่างเป็นเพื่อนแท้ละก็ เรื่องอย่างนี้อย่าทำเลย "กิน เหล้าทุกวัน ไม่คุมอาหาร ไม่มาหาหมอ ตรวจสุขภาพประจำปีปี 2541 น้ำตาลขึ้นไป 200 กว่า น้องพยาบาลที่ตรวจสุขภาพให้ก็ส่งไปพบหมอ หมอก็ให้ยาเบาหวานและนัดรับยาต่อ แต่ไม่ไปหาหมอ ลองคุมอาหารด้วยตัวเองอีก"

เรื่องเล่าต่อไปนี้ เป็นชีวิตของคนไข้เบาหวานคนหนึ่ง ที่เกือบจะสูญเสียโอกาสในการทำให้เบาหวานเป็นเพื่อนรักในชีวิตของตน

เป็นเบาหวานมาตั้งแต่ปี 2540 ตอนเริ่มเป็นน้ำตาลก็แค่ร้อยกว่าๆ หมอให้ยาก่อนอาหารกินวันละ 2 เม็ด กินยาแล้วน้ำตาลลดเหลือร้อยกว่า ก็ไม่มาหาหมออีก


กินเหล้าทุกวัน ไม่คุมอาหาร ไม่มาหาหมอ ตรวจสุขภาพประจำปีปี 2541 น้ำตาลขึ้นไป 200 กว่า น้องพยาบาลที่ตรวจสุขภาพให้ก็ส่งไปพบหมอ หมอก็ให้ยาเบาหวานและนัดรับยาต่อ แต่ไม่ไปหาหมอ ลองคุมอาหารด้วยตัวเองอีก

จนกระทั่งปี 2543 เป็นฝีที่ขาหนีบ ไปให้หมอดู  ตอนที่รักษาแผลฝีอยู่หมอเขาเจาะน้ำตาลดู ขึ้นไป 300 กว่าแล้ว ก็เลยเริ่มมาพบหมอตามนัด  หมอเปลี่ยนยาคุมเบาหวานให้ รักษาคราวนี้พอน้ำตาลลงมาที่ร้อยกว่า ก็หยุดมาหาหมออีกนะแหละ

จนกระทั่งมาตรวจสุขภาพประจำปี ปี 2547  น้ำตาลขึ้นไปเกือบ 400 น้องพยาบาลส่งให้ไปตรวจตากับหมอตา หมอตาบอกว่า เบาหวานยังไม่ขึ้นตา ควรจะรักษา แล้วส่งไปปรึกษาหมอรักษาเบาหวาน ก็รับยาจากหมอแค่ครั้งเดียว แล้วไม่ได้มาติดต่ออีก 

ยังกินเหล้า ไม่คุมอาหาร กินยาสมุนไพรที่ไปศึกษามา ไม่ตรวจเลือด  ไม่ทำอะไรทั้งนั้น  มาตรวจเลือดก็เมื่อถึงเวลาตรวจสุขภาพประจำปี  มาหาหมอระหว่างปีบ้างเวลาที่มีอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆกับตัว


เคยมีกระดูกข้อนิ้วหักมารักษา มาทำแผลทุกวัน จากที่มีตุ่มน้ำที่หลังเท้า ก็หายไปได้  เวลามาหาหมอก็บอกไปว่ามารับยาคุมเบาหวานตลอดไม่ขาดยา ก็ตัดความรำคาญที่หมอพยาบาลมักจะว่าเอา 

จนกระทั่งเมื่อปี 2550  มีอาการสั่นๆบ้าง สั่นทั้งตัวบ้าง ขาสั่นบ้าง คอแข็งบ้าง หมอคนที่ไปหาก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พยายามตรวจหาสาเหตุให้  ก็ไม่ได้คำตอบ

ตอนมีอาการ จะนอนก็นอนไม่ได้ นั่งก็นั่งก็ไม่ได้ คาดว่าเบาหวานขึ้นแน่ ก็มาให้ตรวจเบาหวาน ปรากฏว่าค่าน้ำตาลวัดไม่ได้เพราะว่าสูงมาก  คราวนี้หมอให้นอนร.พ. ยอมนอนร.พ.นะ

นอนตั้ง 25 วันจึงได้กลับบ้าน กลับบ้านได้เพียงสัปดาห์เดียวก็กลับมานอนร.พ.อีก เพราะน้ำตาลในเลือดต่ำ เข้ามานอนร.พ.แล้วก็คอยสังเกตเรียนรู้อาการของตัวเองนะ  คอยสังเกตตัวเองแล้วรู้สึกว่าที่เกิดอาการน่าจะมาจากการกินมีปัญหา กินผิดเวลาก็มีขาสั่น

(มีต่อ)

หมายเลขบันทึก: 266383เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2009 20:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • สวัสดีค่ะ  พี่หมอเจ๊
  • นี่เพียงเริ่มเรื่องก็น่ากลัวแล้ว
  • การมีวินัยต่อตนเองสำคัญค่ะ
  • จะรออ่านเรื่องที่เหลือ...
  • ขอบคุณค่ะ.

สวัสดีค่ะ

แล้วจะติดตามอ่านต่อค่ะ

เบาหวาน ถ้าคุมอาหารดีๆจะช่วยได้เยอะเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้คนป่วยค่ะ

น่าติดตาม

แต่ครูต้อยอ่านย้อนมาค่ะ

แล้วเดี๋ยวจะถอยกลับไปใหม่

ขอบคุณค่ะ

  • ครูแป๋มค่ะ
  • เรื่องที่เหลือเล่าให้ฟังแล้วนะค่ะ
  • .........
  • วินัยต่อตนเองสำคัญ
  • อีกทั้งวินัยที่มีต่อสุขภาพก็สำคัญ
  • .........
  • คนไข้รายนี้เมื่อได้ไปพูดคุยด้วย
  • ในช่วงต้นๆเขาฉุนเียวไม่พอใจเท่าไรที่มีคนไปพร่ำให้ข้อมูล
  • เหตุก๋มาจากมีวินัยกับตัวเองนะแหละค่ะ
  • พอมีวินัยกับตัวเองก็เลยเชื่อมั่นในความสามารถว่าดูแลตัวได้
  • จากการศึกษาด้วยตนเอง
  • ..........
  • เดี๋ยวนี้เวลาไปพูดคัยด้วย
  • เจ้าอารมณ์ฉุนเฉียวต่างๆหายไปเยอะเลย
  • ..........
  • วินัยต่อตนเองที่เคยมีถูกนำมาผสมใช้กับวินัยต่อสุขภาพค่ะ
  • ..........
  • วันนี้เขาจึงได้ดีที่สามารถคุมเบาหวานให้ตัวเองได้อย่างดีวันดีคืน
  • ..........
  • หมอเจ๊ได้เรียนรู้จากเขาว่า
  • ..........
  • "การมีวินัยแล้วทำให้เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ส่งผลร้ายให้ตัวเองได้เยอะอย่างที่ตัวเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน.....ความเชื่อมั่นทำให้เกิดข้อตัดสินใจว่า.....ข้ารู้....เมื่อคำตอบออกมาว่ารู้....ต่อไปก็ไม่ฟังและไม่เชื่อใครอีกแล้วค่ะ"

สวัสดีครับ หมอเจ๊ ได้รับหนังสือ จาก พรพ.แล้วครับขอบคุณมากครับแล้วพบกันครับ

  • น้อง berger0123ค่ะ
  • หมอเจ๊ได้มุมคิดจากคนไข้รายนี้ว่า
  • ...........
  • "คนป่วยที่มีกำลังใจดีเหลือเกินในการดูแลตนเอง   ก็ยังมีมุมบางมุมที่น่าห่วงใย....น่าห่วงใยต่อการมีทิฐิมานะในการไม่พึ่งใครเลย.....ด้วยเชื่อว่าฉันทำได้...."
  • ...........
  • "ในกรณีอย่างนี้ คนป่วยคนนั้นสามารถนำพาตัวเองมาลงเอยที่พาตัวเองลงเหวได้...โรครุนแรงขึ้น.....ความพอดีจึงจำเป็นต้องมีมุมมองต่างหรือความเห็นที่สอง..สาม..สี่...เข้ามาชั่งกันหน่อยเช่นกันในการดูแลคนไข้....จะได้ไม่พลาดไปจนเกือบเสียโอกาสเหมือนคนไข้รายนี้ค่ะ"
  • ..........
  • ขอบคุณค่ะ สำหรับกำลังใจที่มอบให้คนไข้
  • krutoiค่ะ
  • อ่านแล้ว...ลองถอดบทเรียนไปใช้ต่อในมุมอื่นด้วยนะค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท