สำหรับคำถามจากผู้เข้าในเรื่องของการออกกำลังกายในผู้ป่วยเบาหวาน คุณหมอกฤช ได้ให้ความรู้ว่า การออกกำลังกายที่ให้ผลต่อการควบคุมเบาหวานนั้นมีประโยชน์ในกลุ่มที่เป็น DM type 2 ทั้งในส่วนของการควบคุมน้ำตาลสะสม (Hb A1C) ลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ร่างกายคนไข้เบาหวานกลุ่มนี้ใช้น้ำตาลได้ดีขึ้น แล้วการออกกำลังกายจะให้ผลอย่างที่ว่านี้ก็ต่อเมื่อทำต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 8 สัปดาห์
สำหรับในกลุ่มของ DM type 1 การออกกำลังกายไม่ให้ประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่ให้ผลในเรื่องของภาวะแทรกซ้อนจากโรคหัวใจและหลอดเลือดซะมากกว่า
ฉันถามเธอว่าเมื่อมองดูแล้ว การให้ย่ำเท้าแค่ปิ๊ดปี๊ปิ๊ดแค่นี้ ก็ยังมีผู้คนที่มีอาการหอบเหนื่อยให้เห็น มีอะไรที่พึงประเมินหรือระวังสำหรับคนไข้เบาหวานก่อนให้ออกกำลังกาย
เธอตอบว่า ในเมื่อระดับการออกแรงของการออกกำลังกายในคนไข้เบาหวานให้ใช้ระดับสูงที่สุดคือระดับปานกลางเท่านั้น จึงไม่มีอะไรที่น่าห่วงก่อนให้คนไข้ออกกำลังกาย ยกเว้นดูแลในเรื่องระดับน้ำตาลก่อนไปออกกำลังกายในคนที่ฉีดอินซูลิน
กลุ่มที่ควรดูแลซะหน่อยก่อนให้ออกกำลังกายระดับที่จะให้ลงมือทำก็คือ ผู้ป่วยที่มีเบาหวานขึ้นตาแล้ว (Diabetic retinopathy) ที่ให้ระวังก็ด้วยเหตุว่าการออกกำลังกายทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นแล้วไปส่งผลให้มีเลือดออกในลูกตาหรือส่วนจอตาหลุดลอกระหว่างการออกกำลังกายเกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจได้
อีตรงนี้เธอย้ำให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการกลั้นหายใจระหว่างออกกำลังกายด้วยว่า สำคัญมากที่จะต้อง ไม่กลั้นหายใจ เพราะว่าการกลั้นหายใจ มีผลไปทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น แล้วส่งผลย้อนกลับมาทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจลดลง และเกิดผลทำให้หัวใจขาดเลือดชั่วคราวอย่างไม่ตั้งใจ จะเกิดอันตรายในคนที่ไม่รู้ตัวเองว่ามีโรคหัวใจขาดเลือดซ่อนเร้นอยู่ได้
สำหรับการประเมิน Par-Q ซึ่งเป็นข้อแนะนำสำหรับการตรวจประเมินผู้ที่ได้รับคำแนะนำให้ออกกำลังกายสำหรับผู้มีโรคประจำตัว เธอบอกว่าอาจจะไม่จำเป็นหากความแรงของการออกกำลังกายเป็นเพียงแค่ระดับปานกลางของผู้ป่วยนั้นๆ
3 สิงหาคม 2552
ไม่มีความเห็น