ขณะเขียนหนูพยายามเตือนตนเอง เขียนอย่างไรไม่ให้คร่ำครวญ เพราะตอนนี้ใจผลักไสสภวะสุด ๆ
เพราะไม่เชื่อครู กลับจากงานจิตอาสา ใจหลง กู่ไม่กลับ หลงนาน หลงยาว ทำไมถึงต้องเขียนบันทึกนี้ขึ้นมา สภาวะตอนนี้ชัดมาก ๆค่ะ มันไปเกาะไปติด ไม่ไปไหน มีแรงอยาก แรงคึก แบบโลก ๆ หลงโลก ขึ้นมาแทบทุกขณะ นี่แหละค่ะ ครูท่านบอกท่านสอนไม่เชื่อ เวรกรรม
ได้แต่รับผลของการกระทำต่อไป โง่ซ้ำซาก หลงไปตามกิเลสมันง่าย อยากจะให้มันจบซะที เรื่องราวที่ฟุ้งกระจายอยู่ในหัว เรื่องราวที่ฟุ้งกระจายอยู่ในใจ เหมือนโดนครอบงำด้วยเหตุการณ์ เมื่อสองวันก่อน ทุกครั้งที่เผลอ ลมหายใจก็ขาด สติ ก็หาย ไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป
อย่างที่ครูท่านเคยสอนไว้ ตอนนี้ทุกข์บีบคั้นเพราะอยากให้มันจบ รู้ได้แค่สมองว่ายอมรับ แต่ใจมันต่อต้าน ต้องปล่อยให้มันทุกข์ต่อไป ได้แค่ลอยคอ ตามน้ำอย่างที่ครูเคยบอกไว้ เพราะไม่ใช่ใครเป็นคนทำ เพราะเข้มแข็งไม่พอ ก็สมควร
เป็นบทเรียนแห่งความถดถอย
ไม่มีความเห็น