เมื่อหลายเดือนมาแล้ว หนูได้รับสมบัติอันล้ำค่าคือ สมุดบันทึกการปฏิบัติภาวนาของ ครูท่านที่ท่านสอนครูหนูมาอีกที บางเล่มก็เป็นสมุดบันทึกของครู ขณะที่ท่านฝึกฝนตนเอง ทำความเพียรมา อันที่จริงแล้ว หนูอ่านสมบัติเหล่านี้หลายรอบมาก ๆ ค่ะ แต่หนูก็ไม่เข้าใจ เช้านี้ใจหนูโล่งโปร่งสบาย หยิบสมุดบันทึกของครูเล่มสีน้ำตาล ที่ร้อยด้วยลวด หน้าที่หนูเปิดขึ้นมาอ่าน ถูกเขียนด้วยลายมือของครู ท่านเขียนไว้ว่า
เราพอใจที่จะดูรูปสวยงาม แต่ถูกหลอกว่า "สุข"
(ถูกหลอกย้อมด้วยความพอใจ)
แต่ละคนก็ถูหลอกไม่เหมือนกัน -> ความ "ชอบ" หลอกคน ๆ นั้น
หลอกให้"ทำ" -> แล้วพอ "ทำ" แล้วก็หลง คิดว่า "สุข"
คนเราก็เลยกลายเป็น “เหยื่อ” -> เราเป็นปลาที่งับเหยื่อ
ซึ่ง “เหยื่อ” นั้นชื่อว่า “สุข”
ซึ่งในเหยื่อนั้นมี “เบ็ด” -> เราจึงงับปั๊บ-> เจ็บเลย
ซึ่งต้องถอน “เบ็ด” ออก
แต่คนส่วนใหญ่ -> ยังไม่รู้สึก “เจ็บปาก”
เพราะรสชาติของ “เหยื่อ” นั้นมันครอบคลุมไปหมด
เพลิน -> ยังมีรสอยู่
บางคน -> ตอนเบ็ดออกแล้ว ก็ยังอยากไปงับเหยื่ออีก เพราะมันมีรสชาติ ยังติดอยู่ใน “ความจำ”
และเรายังคิดว่าเรามีหนทางที่จะกินเหยื่อโดย ไม่เจ็บ “ปาก” ได้
สรุปว่า มันเป็นสาเหตุแหง ๆ เลย
พระพุทธเจ้าพูดจริงทุกสิ่ง
หมายเหตุ จากตอนหนึ่งในบันทึกที่ครูของครู เขียนอธิบายเรื่อง สมุทัย
เมื่อวันที่ ๑๑ ก.พ.๕๐ เวลา ๒๐.๑๕ น.
หนูอ่านแล้วกลับมาทบทวนในตนเอง ใจหนูยังเกลียดทุกข์ แล้วก็อยากได้สุข แต่พอได้อ่านบันทึกของครู ทำให้ใจหนูรู้สึกสบาย ซาบซึ้งในความเมตตาของท่าน และรู้สึกเบิกบานใจ มุ่งมั่นฝึกฝนตนในหนทางนี้ต่อไป
จึงขอโอกาสนำบางส่วนที่ท่านบันทึกไว้มาเขียนตีพิมพ์ ณ พื้นที่แห่งการเรียนรู้นี้ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่ครูบาอาจารย์ผู้เมตตาสอนสั่งทุกท่านเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ...
ไม่สุขมาก ไม่ทุกข์มาก...เอาพอดีๆ ดีกว่าเนอะ อิอิ
หนูมานั่งเปิดดูอีกที อืม น่าจะเป็นการจดบันทึกของครู ขณะที่ครูของท่านสอน ทำให้หนูได้คิดว่า อ้าว ไปสนใจอะไรหนอ
คำสอนที่ท่านเมตตาให้มานั่ง คือ จุดสำคัญที่หนูต้องฝึกฝนทำความเข้าใจ
ขอบคุณค่ะหมอดาว มีสติฝึกฝนต่อไปนะคะ