“โห้ย.....พี่.... หนูไม่ไหวแล้วพี่..... หนูเหนื่อย.... หนูเครียด ..... หนูนอนไม่หลับเลยพี่.....ฯลฯ”
นี่เป็นคำพูดประโยคแรกที่ต่อจากคำทักทายตามธรรมเนียมไทย
ที่ครูวุฒิได้ยินจากครูผู้จริงจังกับงานในหน้าที่ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ครูวุฒิรู้จัก
เมื่อตอนที่พบกันครั้งสุดท้าย เมื่อราวสักกลางๆเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ซึ่งประโยคต่อจากนั้น
เป็นคำพูดที่แสดงออกถึงความอ่อนล้า ระโหยโรยแรง และสิ้นกำลังใจ
เจือด้วยสีหน้าท่าทางอันอิดโรยค่อนไปทางซีดนิดๆของเจ้าตัว
ก็พรั่งพรูออกมาจากปากของเธออีกหลายประโยคพอสมควร
ผสมโรงกับการถามไถ่ของเพื่อนครูอีก 2-3 คน
เท่าที่จะพอสื่อสารกันได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ก่อนที่ต่างคนต่างก็จะต้องรีบแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองในเช้าที่อากาศหนาวนิดๆวันหนึ่ง
เข้าใจว่าช่วงนั้น เธอกำลังอยู่ในช่วงของการเข้ารับการอบรมเข้มตามหลักสูตร 13 วัน
และเป็นจังหวะที่วิทยากรให้กลับมาเรียบเรียงแผนการสอน 11 สัปดาห์
ก่อนนำไปนำเสนอและทดสอบการสอนเสมือนจริง
ภาพและน้ำเสียงในแบบของคนที่น่าจะกำลังตกอยู่ในความสับสน มืดมน และว้าวุ่น
ทั้งห่วงหน้าพะวงหลัง (ห่วงเด็กที่สอนประจำและเป็นกังวลกับภารกิจการอบรมเฉพาะหน้าที่หนักหน่วง)ของเธอเกือบจะทั้งหมดในวันนั้น
แม้จะบาดลึกในความรู้สึกของครูวุฒิแล้วในวันที่สนทนากัน
แต่ก็ยังไม่ได้เสี้ยวของเช้าวันที่ 11 ก.พ. 51
ที่ครูวุฒิทราบเหตุร้ายเกี่ยวกับการกระทำอัตวินิบาตกรรมของเธอ
ซึ่งครูวุฒิฟันธงกับคนข้างๆทันทีว่ามูลเหตุสำคัญคืออะไร?
เนื่องจากบรรยากาศและคำสนทนาข้างต้น บ่งบอกอย่างชัดเจน
แม้ว่าก่อนนั้น ครูวุฒิอาจไม่เฉลียวใจเลยสักนิดว่าเธอจะด่วนตัดสินใจเช่นนั้น
เพราะแม้เธอจะเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ของคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เด็ดเดี่ยว จริงจัง
แต่ก็มีบุคลิกร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใส
ไม่ว่าจะพูดจากับใคร เรื่องหนักแค่ไหน ก็จะมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
ที่สำคัญ เป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรีในลักษณะของผู้ปลอบโยนและให้กำลังใจผู้อื่นอยู่เสมอ
ดังนั้น การตัดสินใจละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง
ทิ้งแม้ลูกชายวัยน่ารักที่กำลังต้องการความอบอุ่น
ทิ้งสามีที่ครองเรือนกันมาหลายปี
หรือแม้แต่ร่างกายสังขารของตัวเองของครูแดง
จึงอยู่เหนือความคาดหมายของครูวุฒิโดยสิ้นเชิง
***************
“ภรรยาของคุณกำลังป่วยด้วยโรคอาจารย์ 3 มีโอกาสสูงมากในการฆ่าตัวตาย ขอให้คุณระวังและดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้าเป็นไปได้ให้หยุดทำ หรือชะลอไว้ไม่น้อยกว่า 2 เดือน”
เป็นคำบอกเล่าของแพทย์จิตเวชโรงพยาบาลศรีมหาโพธิ์อุบลราชธานี
ที่บอกกับสามีของเธอ หลังจากที่พูดคุยซักถามคนไข้เป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง
เมื่อคราวที่ไปสามีพาพบแพทย์ครั้งแรกประมาณต้นเดือนมกราคม 51
ทั้งนี้ เนื่องจากเธอบ่นปวดศีรษะมาก นอนไม่หลับติดต่อกันมาเป็นเวลานาน
โดยสามีของเธอบอกกับญาติๆและคนรอบข้างในเวลาต่อมาว่า
น่าจะเป็นเพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอ
เนื่องจากเห็นบางคืนพิมพ์งานทั้งคืนโดยไม่นอนเลยก็มี
ส่วนใหญ่แล้วจะนอนแค่นิดๆหน่อยๆ ประมาณคืนละ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
ประกอบกับความเป็นกังวลในใจว่างานจะไม่เสร็จทันส่ง
หรือส่งแล้วก็จะไม่ผ่านอีก อะไรๆทำนองนี้
ที่ทำให้มีอาการผิดปกติ จนต้องพาไปหาแพทย์ ณ โรงพยาบาลดังกล่าว
ซึ่งหลังกลับจากโรงพยาบาล ตนก็ได้ให้การดูแลอย่างดีที่สุดตามคำแนะคำของแพทย์ เท่าที่จะทำได้
ไม่นึกไม่ฝันว่าเธอจะด่วนตัดสินใจจากไปเช่นนี้
****************
ในวันเผาศพของเธอ เมื่อ 15 ก.พ. 51
พิธีกรผู้อ่านประวัติของเธอ
ก็ได้ให้รายละเอียดมูลเหตุแห่งการกระทำอัตวินิบาตกรรมของเธอครั้งนี้
อย่างชัดเจนว่า
“การเข้ารับการอบรมตามหลักสูตร
และการเรียบเรียงเอกสารทางวิชาการตามเกณฑ์อาจารย์ 3 เชิงประจักษ์ที่กำหนด”
เป็นมูลเหตุหลักและสาเหตุสำคัญ
ที่ทำให้เธอตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปสู่สัมปรายภพเบื้องหน้า แบบมิใยดีกับสิ่งใดๆทั้งสิ้น
แม้กระทั่งลูกชายวัยน่ารัก
วัยที่ต้องการไออุ่นจากอ้อมอกแม่
วัยที่กำลังต้องประคบประหงมด้วยการกอดที่มีอยู่ถึง 2 คน
แม้กระทั่งสามีอันเป็นที่รัก ที่อยู่กินกันมากว่า 14-15 ปี
ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ตนเองและคุณงามความดีที่สั่งสมมาชั่วชีวิต และจะประกอบให้มีขึ้นในภายหน้า
รวมทั้ง “เงินประจำตำแหน่งเดือนละ 11,200 บาท” ที่จะได้รับหากผลงานผ่าน
*************
ณ ตรงนี้
ครูวุฒิอยากเรียนฝากไปยังท่านผู้เจนจัด ท่านผู้สันทัดกรณี
ท่านผู้มีอำนาจวาสนา ได้สร้างข้อกำหนด กฎ เกณฑ์การประเมิน
และรวมถึงท่านผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง
ให้เป็นวิทยากรผู้ควบคุมกำกับดูแลและตรวจประเมิน
เกี่ยวกับความก้าวหน้าในวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา
ทั้งหลาย
นี่ไงครับผลงาน “การพัฒนาครู”
นี่ไงครับผลงาน “การพัฒนาคุณภาพการศึกษา”
นี่ไงครับ “วิชาชีพชั้นสูง” ของครูการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และนี่ไงครับ ....
“อาจารย์ 3 เชิงกระอัก”
ที่ท่านต้องการ
**************
“สู่สุขคติ ณ แดนสรวงที่ไม่มีทุกข์ ไม่มีโศก ไม่มีโรค ไม่มีภัย ไม่มีเสนียดจัญไร ใดๆทั้งหลายทั้งปวงเบื้องหน้าโน้นเถิดนะคุณครู บุญใดอันพึงมี กุศลดีๆใดอันพึงเกิดและมีได้ จากความเพียรกระทำของคุณครูในชาตินี้ ขอได้เป็นพลปัจจัยเสริมส่งให้ผลาอานิสงแห่งบุญ จงสัมฤทธิผลสมดังคำอธิษฐานด้วย เทอญ...”
***************
หมายเหตุ บันทึกนี้ ครูวุฒิอธิษฐานขออนุญาตจากดวงวิญญาณของผู้วายชนม์แล้ว และได้ขออนุญาตจากสามีของผู้วายชนม์แล้วเช่นกัน
ควาย ที่ออกแบบพัฒนาครูไปสู่หล่มลึก น่าจะรับฟัง
คนตอแหลทำยังไง ก็ได้
แต่คนจริงทำตามความจริง จะเป็นสิ่งที่เหลือขอ และยอมรับได้
จะต้องรอให้ตายอีกกี่ศพ มันถึงจะสะใจอาจารย์ 3 เชิงกระอัก
"โง่แล้วยังเสื-ก มาบริหารระบบการศึกษา"
“เงินประจำตำแหน่งเดือนละ 11,200 บาท”
พัฒนาครูโดยเอาเงินมาล่อ
ไม่ใช้ความรัก ความปรารถนาดี เป็นตัวตั้ง
เงิน ทำลาย อย่างไรไปพิจารณาดูเถิด
เงินที่ไม่มีความรู้ คุณธรรมกำกับ อันตรายนะจ๊ะต๋อย !!
โห...กระอักจริงๆค่ะ
ขอร่วมไว้อาลัยและแสดงความเสียใจกับครอบครัวของครูแดงด้วยนะคะ
เป็นเรื่องที่ช่วยกระตุกเตือน "สติ" ได้ดีค่ะ
ขอบคุณครูวุฒิค่ะ
ครูวุฒิคะ อ่านแล้วเศร้าจริงๆค่ะ
ขอให้ไปสู่สุคติเถิดค่ะ
อ่านแล้ว เศร้าจัง
จะเอาไปให้เพื่อนครูอ่านด้วยค่ะ เพราะตอนนี้แต่ละคนกำลังเครียดกับการทำผลงานเช่นกัน
ขอให้สู่สุขคติ
สวัสดีค่ะ ครูวุฒิ ที่เคารพ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
เราจะสะท้อนเรื่องแบบนี้กันเฉพาะที่นี่เท่านั้นเหรอคะ ครูวุฒิ จะมีวิธีไหนที่เขาจะย้อนนำผลพวงของการพัฒนาครูแบบนี้เอาไปประเมินวิธีการบ้างไหมคะ ถ้าเราไม่ได้ดูแล"ครู"กันให้มีกำลังใจ พัฒนาจิตวิญญาณความเป็นครู แล้วเราจะไปหวังอะไรได้กับอนาคตของชาติในมือคุณครูเหล่านี้ ตัวเองก็นึกไม่ออกว่าเราจะไปสะท้อนเรื่องนี้กับใคร ระดับไหนดี แต่ก็อยากให้ได้ทำ อย่างน้อยการเสียชีวิตของครูท่านนี้ ก็จะมีส่วนช่วยให้เราไม่ต้องเสีย "ชีวิต"ของครูท่านอื่นๆกันต่อไปอีก
ขอบคุณครูวุฒิที่นำมาบอกเล่าค่ะ ถ้ามีโอกาสอะไรเมื่อไหร่ที่จะนำเสนอเรื่องนี้จะไม่ลืมเลยค่ะ
แล้วเราจะทำอะไรกันได้บ้าง ...และจะทำอะไรกันต่อไปดีคะ...คุณครูที่เคารพรัก...ขอเป็นกำลังใจให้กับครูดีทุกๆคน และจะสวดภาวนาเพื่อผู้บริหารทั้งหลายและบรรดาครูที่ไม่ค่อยจะดี ...ให้กลับใจมาเป็นคนดีนะคะ
ขอโทษครับ มาช้าไปหน่อย มาร่วมแสดงความอาลัยด้วย
และขอประท้วงกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่เป็นต้นเหตุด้วย
ขอแสดงความเสียใจมานะที่นี้ครับ
เคยได้ยินมาว่าทำยากมาก
เห็นด้วยกับการที่ต้องนำมาทบทวนอย่างยิ่ง
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
ขอให้ดวงวิญญาณของคุณครูผู้มุ่งมั่นกับผลงานตนเองอย่างซื่อสัตย์ จงไปสู่สคติค่ะ
เรียนครูวุฒิครับ
โรคนี้กำลังระบาดหนักใช่ไหมครับ
ไม่เลือกเพศวัย แต่เป็นเฉพาะครูเท่านั้น
น่าจะมีการสำรวจว่ามีผู้ติดเชื้อโรคนี้มากจำนวนเท่าใด
หากรอดตายแต่ก็อาจจะพิกลพิกาลทางต่อมอาจารย์ 3
----------------
แด่ผู้วายชนม์ครับ
สวัสดีครับครูวุฒิ
งง !!!!! ครับ โรคนี้ยังมีระบาดอยู่อีกหรือครับ...ผมได้เห็นมาตั้งแต่เมื่อ ๒๐ ปีมาแล้วที่จังหวัดชุมพร...
คงมีแต่พวงหรีดสีดำให้กับท่านที่คิดระบบนี้ขึ้นครับ
ขอบคุณครับ
เรียน ท่านพันธมิตร tigers ทุกท่านครับ
เศร้าครับจะแก้อย่างไรดีครับ คิดไม่ออกว่าจะโทษใครครับ เราต้องมาหาทางออกกันครับ แต่ที่แน่ ๆ ทางออกหนึ่งก็คือ ไม่ให้มีอาจารย์ 3 ครับ
มันก็เครียดจริงๆ ครูทำงานก็หนักแสนหนัก เงินเดือนก็น้อย ควรเพิ่มเงินเดือนให้มากๆ