ม่านบังตา


คนดีเหลือแค่สองคนคือคนที่คนที่ยังไม่เกิดกับคนที่ตายแล้ว

 

 

 

 

 

      

 

      

       วันหนึ่งผมอ่านหนังสืออยู่ มีผีเสื้อบินหลงเข้ามาในห้อง มันบินมาชมดอกไม้ดอกนั้นดอกนี้ไปมาและก็เลือกหลงทางเข้ามาห้องนอนชองผม  ผึ้งหลงทางคิดว่าช่องกระจกเป็นทางออกจึงบินพลับๆอยู่ บินชนกระจกไปๆมาๆนานๆจึงคิดสงสาร ผมกลัวผีเสื้อตาย จึงไปเอาไม้กวาดมาอังลงมามันก็ไม่ยอมรับการช่วยเหลือ ไม่ยอมจับไม้กวาด มันคงคิดว่าผมจะฆ่ามัน  ครานี้ผมเปลี่ยนใจใช้กระดาษฉีกจากกล่องขนาดเท่าหนังสือ เอาไปอังและสะบัดกระดาษพร้อมผีเสื้อลงมาที่ช่องหน้าต่างไม้ที่เปิดไว้ มันจึงบินออกไปได้

          ผีเสื้อมันเห็นกระจกที่ปิดกั้นเป็นทางออกทั้งๆที่ทางออกคือช่องหน้าต่างด้านล่าง ทำให้คิดถึงตัวเองและผู้คนหลายคน บางครั้งเราก็เหมือนผึ้งน้อยหลงกระจก คนอื่นบอกว่าอันนี้อย่าทำแต่เราก็ทำเพราะคิดว่าเราทำถูกจึงดันทุรังทำและก็ได้รับความลำบากทุกข์ใจอยู่กับทิฏฐิมานะตนเอง ผมเริ่มเข้าใจสุภาษิตที่ว่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวโดยอุปมากับผึ้งและผีเสื้อที่หลงบินเข้ามาในห้องผมและคิดว่ากระจกเป็นทางออกจึงตายเพระชนกระจก   สิ่งกางกั้นระหว่างสุขกับทุกข์เปรียบเหมือนกระจกหน้าต่างสีขาวนวลนี้กระมัง?

            ดังนั้นการเชื่อผู้อื่นบ้างในบางครั้งก็เป็นหนทางออกทางหนึ่งที่ช่วยเรารอดพ้นวิกฤติได้เช่นกัน แต่อีกอย่างเราก็ควรพึ่งตนเองก่อน(อตฺตา หิ อตฺตโน  นาโถ) และเชื่อคำสอนคนอื่นบ้างก็คงจะดีมากกว่าที่เป็นอยู่... การอ่านหนังสือตอนบวชเป้นพระก็จะคิดแบบพระภิกษุเพราะต้องเรียนนักธรรมคือคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยเรียนวินัยพระ เรียนพุทธประวัติ ท่องสุภาษิตคำบาลีและเรียนฝ่ายโลกด้วยเช้าเรียนธรรมบ่ายเรียนการศึกษาผู้ใหญ่   

              อนึ่ง มนุษย์เราเป็นอะไรที่พูดยาก เข้าใจยาก บางคนอยู่กระท่อมปลายนาจับปูปลากินก็มีความสุขไปอีกแบบ บางคนอยู่บนรถสามล้อกับครอบครัวเที่ยวตะเวนขายลูกโป่งหรือสิ่งของไปตามบ้านหรืองานต่างๆ ไปได้ทั่วไทย ไปทุกที่ที่มีถนน ยามค่ำถ้ามีงานก็ขายถึงค่ำ ถ้าไม่มีงานก็นอนข้างสามล้อหยอกล้อลูกเมียดูสุขใจดี... แต่บางทีคู่ชีวิตที่มีการศึกษามีตำแหน่งหน้าที่กลับต้องทะเลาะกันเพราะเงินไม่พอใช้ เพราะความต้องการของคนไม่มีวันเต็ม ห้วยหนองคลองบึงเวลาฝนตกยังมีวันเต็มตลิ่ง แต่คนได้เท่าไหร่ก็ตามจะไม่รอจักคำว่าพอ  คนเรามีความต้องการมีความใฝ่ฝันอยากมีความสุข....อยากมีพ่อที่ดี  มีแม่ที่ดี มีญาติมิตรสหายที่ดีหรือเรียกง่าย ๆ ว่าอยากได้แต่สิ่งดีๆ.. อยากได้งานดี.. อยากได้เงินดี... อยากมีที่อยู่ดี.. อยากมีคู่ครองที่ดี.. อยากนอนอยู่บ้านแล้วรวยโดยไม่มีสาเหตุ...บางคนบอกว่าตอนแรกก็นึกว่าดีจึงเลือกพอนานๆไปที่เราคิดว่าดีก็กลายเป็นเกือบดี หรือบางทีไม่เหลือเกือบแต่กลายเป็นร้ายสิ้นดี เลวบริสุทธิ์แทน...  

           ความจริงคนดีมีไหม?  เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวไว้น่าสนใจมากว่าคนที่ดีพร้อมทุกอย่างมีเพียงสองคนเท่านั้นคือ คนที่ยังไม่เกิด กับคนที่ตายแล้วสมัยนั้นผมชอบก็เลยเขียนไว้ในสมุดบันทึก แต่ลืมบอกชื่อหนังสือที่ลอกเขามาเนื่องจากตอนนั้น ไม่ได้เรียนหรืออ่านว่าจะเอามาเขียนแต่เข้าไปห้องสมุดเพราะต้องการอ่านหนังสือสอบเทียบให้ผ่าน...อ่านหนังสือที่ตรงกับรายวิชาที่สอบเทียบบ้าง อ่านหนังสือตำราอื่นๆบ้างเลย อ่านนิยายบ้าง และถ้านิยายชอบก็ของทมยันตี (แต่ไม่ได้อ่านของ ว.ณ เมืองลุง เขาว่ามีคำคำเยอะ) พออ่านไปพบคำสอนตอนนี้เข้าผมจึงบันทึกไว้ (ผู้ใดทราบว่าใครคือเจ้าของสำนวนนี้โปรดบอกด้วย) เมื่อมาเรียนที่ ม.ราชภัฏมหาสารคาม ตอนที่ทำวิทยานิพนธ์จึงรู้ว่าการใช้คำคนอื่นมาเขียนต้องแจ้งว่าเอาของใครมา.. แต่เมื่อบันทึกเดิมไม่ได้เขียนชื่อผู้แต่งไว้ก็คงขอใช้แบบนี้ไปก่อน   

         ดังนั้น  เมื่อคนที่เราเลือกแล้วมันเกิดดีไม่ตลอดก็ให้ถือเสียว่านี่แหละคน คนธรรมดาเมื่อยังไม่ตายย่อมมีเวลาพลั้งเผลอ จึงทำดีบ้างชั่วบ้างปนกันไป เวลาถูกใจก็คิดว่าเราเลือกถูกแล้ว..เวลาเขาทำไม่ถูกใจก็คิดซะว่าเป็นของธรรมดา...  การให้อภัยต่อกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ...เพราะคนเราจะดีทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ยาก... คนที่ดีพร้อมไม่มีที่ติคงมีแต่คนตายแล้ว กับคนที่ยังไม่เกิด... 

           ถ้าเราคิดว่าเขาเลวหรือคนอื่นเลว คนที่เราชี้หน้าว่าเลวเขาก็คงคิดว่าเราเลวเช่นกันเพราะเวลาเราชี้หน้าเขานิ้วที่ชี้ไปทางเขามีเพียงนิ้วชี้นิ้วเดียวแต่นิ้วเวลาชี้ไปที่เขามันมีอีกสามนิ้วที่ชี้มาทางเรา ส่วนหัวแม่มือก็เป็นกลางไม่เข้าข้างใคร  ชี้มาหาเราสามนิ้วถ้าเราว่าเขาเลวมันผลปรากฎว่าเราเลวกว่าเขาสามเท่า...  

 

 

             วันหนึ่งผมอ่านหนังสือในห้องนอน ห้องนอนกับห้องอ่านหนังสือห้องเดียวกัน ข้างห้องนอนมีต้นดอกไม้ออกดอกบานสะพรั่งอยู่ มองดูสบายใจ หอมดอกไม้ด้วยแสนจะโรแมนติก......... 

 

 

 

       อ่านหนังสือจากบ่ายโมงถึงประมาณบ่าย ๒ เห็นแมลงผึ้งตัวหนึ่งบินเข้ามาตอมคือบินรอบๆตัวผม แต่ก็ไม่สนใจ ....ผึ้งบินรอบๆผมไม่นานผึ้งก็จะบินออกจากห้องแต่แทนที่จะออกตรงบานหน้าต่างที่เปิดไว้ก็กลับบินขึ้นไปตรงกระจกสีขาวข้นเหนือบานหน้าต่าง มันคงคิดว่าเป็นช่องออก(ตอนเข้ามาเข้ามาทางไหน ตอนออกก็น่าจะจำ haha) เสียงผึ้งบินชนกับกระจกดังอี้ๆๆ..ผมอ่านหนังสือไปอีกประมาณ ๑๐ นาที นึกสงสารผึ้งขึ้นมาจึงใช้ไม้กวาดไปอังให้ผึ้งลงมา แทนที่มันจะเชื่อเรา มันก็ยังดันทุรังบินออกไปกลางห้องแล้วบินเข้ามาชนกระจกอีกครั้งแล้วครั้งเล่า... และก็ยังบินกลับมาเอาหัวชนกระจกต่อไป... 

             จากนั้นผมจึงเดินไปพักผ่อนข้างนอกห้องโดยปิดประตูใส่กุญแจแต่บานหน้าต่างยังเปิดไว้เหมือนเดิมโดยตั้งใจจะให้ผึ้งมันบินออกเอง พลบค่ำก็กลับคืนมาห้องนอน เสียงผึ้งไม่มีก็นึกว่าคงบินกลับรังไปแล้ว วันรุ่งขึ้นตอนเช้าผมคิดถึงผึ้ง คิดว่ามันออกไปหรืออยู่ที่ไหน จึงเอาเก้าอี้มาตั้งพื้นที่ริมหน้าต่างและขึ้นยืนดูตรงช่องกระจกก็เห็นผึ้งตัวนั้นตาย นอนตายอยู่ที่กระจกหน้าต่าง นึกในใจว่าถ้าผึ้งเชื่อมันเราก็คงได้กลับรังไม่ต้องมาเสียชีวิต... 

 

 

หมายเลขบันทึก: 115976เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2007 06:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 12:09 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์..อาจารย์ โกศล คงสมปราชญ์

  • ครูอ้อยมีม่านบังตา  และบังตลอดเวลา  บางวัน บางขณะ ครูอ้อยต้องลอดออกมาหาทางสว่างค่ะ
  • และก็ปล่อยให้ม่านนั้นบังตาต่อไป  เพราะแดดจัด  ม่านนี้มีประโยชน์บ้างค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ..สงสารผึ้งน้อยนะคะ  ครูอ้อยจึงไม่มีกระจกบานใหญ่ค่ะ  มีบานเล็กส่องแค่หน้า และหยิบมาส่องก็พอใจค่ะ

อ่านเพลินดีค่ะ..ขอบคุณค่ะ

หวัดดีครูอ้อย

  • ขอบคุณครับผมที่เข้ามาให้กำลังใจ
  • ตอนนี้ผมก็จะต้องตัดแว่นแล้วครับตาเริ่มมัว อายุมากขึ้นแต่ร่างกายเสื่อมลง
  • ขอให้ทุกคนมีความสุขครับ ยิ้มไว้ใจสดชื่น...

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • คนที่ดีพร้อมทุกอย่างมีเพียงสองคนเท่านั้นคือ คนที่ยังไม่เกิด กับคนที่ตายแล้ว
  • คิดถึงอีกประโยค...คนที่ไม่เคยทำดีหรือไม่ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตตนเองและผู้อื่นก็เป็นคนไม่มีชีวิต (ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า 555)
  • อย่าว่าแต่ผึ้ง ผีเสื้อ หรือนก เดินชนกระจกเลยค่ะ อย่างตนเองชนมาแล้วเต็มๆ 2 ครั้งแน่ะค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์พิชชา

  • อ่านหนังสือเจอมาเขาก็ว่าคนดีมีสองคนในโลกนี้คือคนที่ตายแล้วกับคนที่ยังไม่เกิด.. ดูง่ายครับคนตายแล้วมีคนเขียนประวัติอ่านให้เราฟังล้วนแต่ดีๆ ?
  • แบบอาจารย์เดินชนกระสงสัยสายตาไม่ยาว(สั้น) แต่ที่ผมหมายถึงคือความหลงผิดคิดว่าสิ่งใสๆคือทางออกหรือหลงดีใจคิดว่ามีราจ Mirage (ภาพลวงตา....ภาพลวงตาบนถนนลาดยางเป็นเหมือนน้ำยามแดดร้อนวิ่งไปหาก็ไม่เห็นน้ำ)
  • บทความนี้ไม่ได้เขียนมุ่งให้ดีเด่นแต่หัดเล่าสไตล์อาจารย์พิชชา (Nong)คิคิ (ขอเอาอย่างการนำเสนอ... เห็นอาจารย์เล่าอากัปกิริยาประจำวันก็เลยนึกถึงตอนที่อ่านหนังสือสอบเทียบ ม.ปลาย แต่ก็สามารถทำได้จบ ม.ปลาย(ระดับ5)จริงๆ ได้เกรดสูงสุด 1.27  นี้คือความจริงที่ไม่บอกใครบ่อย คิคิ)
  • ขอบคุณครับที่ร่วมแสดงความคิดเห็นร่วมคิด ร่วมอ่าน ร่วมวิจารณ์ คำแนะนำของท่านคืออาหารทิพย์ชโลมใจเรา
  • สวัสดีค่ะ อาจารย์
  • ตามมาอ่าน "ม่านบังตา" ด้วยคนค่ะ
  • ให้ข้อคิดที่ดีมากเลยค่ะอาจารย์
  • สงสารผึ้งน้อยเหมือนกันนะค่ะที่บินชนกระจก แล้วตกมาตาย
  • ตัวเองก็เคยเดินชนกระจกเหมือนกัน...เพราะความไม่รู้ หรือเพราะความซุ่มซ่ามของตัวเองหรือป่าวนะ ..ที่นึกว่าเป็นทางผ่านไปได้ ที่ไหนได้ เจอตอ หัวเกือบโนแน่ะ อิอิ
  • สวัสดีค่ะ
  • นึกว่าผึ้งจะสายตาสั้น
  • เหมือนยายกาแฟ ซะอีก
  • ถ้าคนเดินชนกระจกแล้วตาย(เหมือนผึ้ง)
  • ยายกาแฟ คงมีชีวิตอยู่ไม่พอตายแล้วค่ะ
  • อิอิอิอิ
  • แต่มิใช่เพราะเห็นผิดเป็นชอบนะคะ
  • แต่เพราะขาดความรอบคอบ มากกว่า

สวัสดีครับP coffee_mania

  • มายากระจกทำให้บางสิ่งหลงทาง บางครั้งราก็หลงติดกรอบแนวคิดทฤษฏีทำให้พลาดอะไรบางอย่าง
  • คนเราบางครั้งฟังคนื่นบ้าง บางทีอาจทำให้ดีขึ้น
  • สองคนที่เดินมา คนหนึ่งต้องเป็นครูของเรา
  • ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท