หัวโขน


สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย

 

          เป็นยมยักษ์ชนีลิงจริงแน่หรือ ที่แท้คือหัวโขนเขาโยนใส่ เมื่อจบบทปลดเปลื้องหมดเรื่องไป มาเช่นใดก็ต้องเป็นเช่นนั้นเอง

         เมื่อไปเที่ยวงานผีตาโขนที่เมืองเลย เราจำกันได้ดีว่าคนแสดงจะสวมหน้ากากผีตาโขนหรือแม้แต่วันวันฮาลาวีนคนเล่นก็สวมหนากากผีกันแล้วเล่นอย่างสนุกสนาน บางครั้งเครื่องเล่นก็ทำให้เราเพลิดเพลินลืมความทุกข์ระทมขมขื่นที่แต่ละคนมีได้ไประยะหนึ่ง ซึ่งจบงานถอดหน้ากากเราก็เข้าสู่ชีวิตจริงที่มีทุกข์บ้างสุขบ้างคนละอย่างสองอย่างหรืออาจหลายอย่างนับไม่ไหว  

          ในยามพักผ่อนเมื่อคนเรากลับจากทำงานเราเลือกดูทีวีบ้าง ดูหนังแผ่นบ้างหรือดูข่าวเพื่อให้รู้ว่าอะไรกำลังเกิดกับบ้านเมืองเรา อย่างน้อยก็พอให้เราได้คุยกับเพื่อนในเวลาทำงานได้บ้าง ถ้าเขาพูดเรื่องการบ้านการเมือง แต่ก็ไม่วายที่เราต้องมีความบันเทิงส่วนตัวบาง

 

           วันนี้เปิดเคเบิ้ลทีวี ดูช่องภาพยนตร์เขาฉายเรื่อง “หน้ากากเทวดา” (Son of the Mask )อาจเก่าไปนิดแต่ได้ดูรอบสามทำให้จำเรื่องได้ดีขึ้นซึ่งเรื่องหน้ากากเทวดานี้ดำเนินเรื่องไปว่า หน้ากากเทวดานี้ มีอำนาจดลบันดาลให้คนเป็นอะไรต่ออะไรได้ พอสวมหน้ากากเทวดาแล้วคนจะลืมตัวสามารถทำอะไรได้เกินความเป็นจริงเมื่อถอดหน้ากากเทวดาออกก็ทำอะไรไม่เป็น คล้ายเราใส่แว่นตาขยายพอถอดก็เดินลำบากทำอะไรบางอย่างผิดไป...ผลก็ทำให้เราต้องใส่แว่น ภาพยนต์เรื่องนี้ก็เหมือนกันคนอยากทำอะไรได้พิศดารพิเศษต้องใส่หน้ากากเทวดาและอยากให้หน้ากากเทวดาเป็นหน้าจริงตลอดเวลา เพื่อทำอะไรพิเศษ.....หนังจบทำให้เกิดข้อคิดไว้ว่า...

            ตอนนี้คนไทยเรากำลังติดหน้ากากมายาเข้าหากันแต่มิใช่หน้ากากเทวดา แต่เป็นหน้ากากแห่งการแสดงความมั่งมีศรีสุขและหน้ากากที่บอกนิสัยที่ติดอยู่กับความร่ำรวยอวดรวยทั้งที่มีอะไรจะกินมากนัก

         พวกเราสวมหน้ากากเทวดาหรือหน้ากากมายา มานะทิฏฐิ หน้ากากอวดร่ำรวย หน้ากากจอมปลอมหรือไม่ มีข้อสังเกตคือ:-

            ๑.   แต่งตัวโก้ ถ้ายังไม่ได้แต่งตัวโก้หรู ออกจากบ้านไม่ได้ รู้สึกว่าหัวใจไหวๆ ต้องแต่งตัวภูมิฐานรีดไม่มียับพับนิดนุ่งไม่ได้ จึงทำกลายเป็นหนี้หรือเป็นโรคทรัพย์จาง

             ๒.เข้าสังคมไฮโซ   ถ้าคนที่เราคบไม่ได้จบการศึกษาสูง ไม่มีงานที่มีตำแหน่งรู้สึกเสียหน้าทนไม่ไหว คบไม่ได้ เพราะเขาด้อยกว่า เกษตรกรคือคนชั้นต่ำ ถ้าคิดอย่างนี้ก็ใช่เลย เรากำลังหลังดูหมิ่นบรรพบุรุษเราเอง 

           ๓.   กินอาหารร้านดัง  จะมีจนไม่เป็นไรขอให้ได้นั่งในร้านที่คนร่ำรวยกินกันพอได้มีหน้า พอออกมาจากร้านติดลบค่อยหาวิธียืมมาใช้ทีหลัง 

           ๔. นั่งรถมียี่ฮ้อ  ถ้ารถเก่าหรือเห็นคนขับรถจักรยานรู้สึกว่าคือคนรกถนนแสดงว่าเรากำลังมีนิสัยติดหน้ากากมายา หรือหน้ากากเทวดาเหมือนในภาพยนตร์ แต่ชีวิตจริงคนจนคนรวยคนจบปริญญาสูงหรือจบประถมศึกษาหรือไม่มีโอกาสศึกษา คนเก็บขยะ คนขายดอกไม้ตามสี่แยกก็คนเหมือนเรา ตายแล้วก็เผาเหมือนกัน นรกสวรรค์ไม่เคยแยกว่าคนรวยต้องไปสวรรค์ คนจนต้องไปนรกแต่แยกว่าอยู่ที่บาปกรรมหรือบุญกรรม  (ขวัญเรือน แสบงบาล และคณะ กล่าวถึงนิสัยคนไทยคนไทยที่มีงานทำไว้ว่า)

   ขี่รถปิคอั๊พโตโยต้า  มอเตอร์ไซด์ผ่อนคุรุสภา

บ้านราคาหลายแสน   ไปจีบแฟนในห้องอาหาร

เงินกู้ธนาคารส่งแค่ดอก  สหกรณ์กู้สามแสนห้า

หกหมื่นกว่ากู้กรุงไทย สวัสดิการกู้เต็มสิทธิ์

ชีวิตนี้เรากู้เงินเพื่อสร้างบ้านและซิ้อรถและปิดจน 

หรือเพื่อโก้หรูโชว์ความรวยเท่านี้เองหรืออย่างไร.... 

            ๕. ท้อแท้ถ้าไม่เด่น  ถ้ารู้สึกว่าไม่เด่นก็จะไม่ออกจากบ้าน ถ้าเราด้อยกว่าไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ถ้าไม่ใช่แบนด์เนมแล้วใส่ไม่ได้ นิสัยเหล่านี้ล้วนแต่เป็นหน้ากากที่เราติดหรือมันคืออัตตาธิปไตย มิใช่ธรรมาธิปไตยคือความถูกธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต  เสแสร้งทำโก้ ข้างนอกสดใส ข้างในเป็นโพลง (พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง Speak is silver, silennt is gold )

           อาชีพทุกอาชีพคือสิ่งที่จะทำให้เราได้มีเงินทองเลี้ยงปากท้องและครอบครัว ความสุขของคนนักปราชญ์บอกว่าความสุขอยู่ที่กินอิ่มนุ่งอุ่น กินแซบนุ่งงาม เว้านัวหัวม่วน” “มีข้าวกิน มีดินอยู่ มีคู่นอนนำ มีเงินคำใช้ มีเฮือนใหญ่ มีลูกหลานเล่นนำ” "มีเงินใช้ ไร้โรคาพาให้สุข" คนเราที่อยู่ในสังคมแยกออกได้หลายประเภทเช่น ผู้นำ คูบา นักปราชญ์ อำมาตย์ ประชาชาชน เราจึงควรรักษาอาชีพเราให้ดีและให้สามารถเลี้ยงตนเองได้ โดยยึดความชอบธรรม พึงพอใจที่เป็นสิ่งไม่ผิดกฏหมายศีลธรรมไม่หวั่นไหวกับกระแสสังคม

          การยึดค่านิยมตามสีงคมหรือยึดเอาสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำเป็นมาตรฐานวัดความดีชั่วอาจมีข้อผิดพลาดได้ง่าย เขาทำอะไรก็ทำตาม หรือการเอาตนและค่านิยมตนเองวัดดีชั่วยังถือว่าเราสวมหน้ากากมายาไว้แน่น  ถามว่าเราสวมหน้ากากเทวดาหรือหน้ากากมายาเพื่ออะไร เพื่อความสุขหรือเพื่อจะเป็นทุกข์มากขึ้น แต่ถ้าเมื่อใดที่เรายึดธรรมาธิปไตยความถูกต้องตามหลักธรรมของพุทธศาสนาทำดีด้วยความจริงใจ มิใช่เสแสร้งทำความดี นี้คือเราได้ปลดหน้ากากมายาหรือหน้ากากเทวดาออกได้แล้ว...เราได้ยึดความดีเป็นที่ตั้งแล้ว

              แต่ทุกวันนี้ทำไมคนเราหลายคนยังไม่ถอดหน้ากากมายาหรือหน้ากากเทวดานี้ออกสักที ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องยอมรับความจริงที่มี ที่เป็นเลิกเสแสร้งแกล้งรวยแกล้งเป็นคนจนในคราบร่ำรวยกันสักที หรือว่าเราติดสุขในหน้ากากมายานี้หรือมันติดทุกข์ตรงไหนจึงถอดออกไม่ได้ ต้องวนเวียนอยู่ในวังวนการสวมใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดไป

         จงถอดหน้ากากมายาหันมาใช้หน้าที่แท้จริงของเรา รู้จักพอเพียง รู้กินพอดี รู้ความพอเหมาะ รู้เสาะหาแบบอย่างที่ดี เป็นอยู่ตามสถานภาพที่เราเรียกกันว่าพอเพียง....

หมายเลขบันทึก: 148245เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2007 20:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:37 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวัสดีค่ะ อาจารย์โกศล  

  • บางคนก็สวมหน้ากากของ "ผู้มีปํญญา"
  • บางคนก็สวมหน้ากาก "คนจิตใจดี"
  • "พ่อพระ"  
  • "แม่พระ"
  • แต่ไม่ว่าหน้ากากจะเป็นอย่างไร
  • เคยมีคำหนึ่งที่ฟังแล้วจับใจ
  • "คนเราแสร้งทำดี  ยังดีว่า จริงใจทำเลว"
  • พี่ว่าจริงไหม
  • อ.โกศลคะ
  • บางครั้งคนเราก็ยึดติดกับหน้ากากที่สวมค่ะ
  • เพราะทำให้ได้รับการยอมรับในสังคม
  • แต่สำหรับพี่แล้ว   การเป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้วค่ะ

สวัสดีครับ

น่าคิดครับ

ค่อนข้างเห็นด้วย

สลัดหน้ากาก บางทีก็ยาก ต้องใจแข็ง ;)

สวัสดีค่ะอาจารย์โกศล

  • ทุกวันนี้เรารู้ด้วยจิตตนเองว่าเราสวมหน้ากากหรือเปล่า.........แต่กลับผู้ที่เรารู้จัก....เราไม่รู้....
  • แต่สำหรับบางคนก็มีความเป็นตัวเองสูง....จนลืมนึกถึงจิตใจผู้อื่น......ลองสวมหน้ากากดูอาจดีนะค่ะ

 

น่าสนใจมากครับ

เพราะทุกวันนี้ผู้คนในสังคมสวมหน้ากากกันจริงๆ ผมเคยพูดออกรายการวิทยุว่าซื้อของเครื่องใช้ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์เนม ลูกผมทั้งสองคนก็ไม่เห็นติดแบรนด์เนม ซื้อเสื้อผ้าจตุจักร ประตูน้ำ ผมพูดว่าผมซื้อเสื้อลดราคาประจำ ไม่เห็นต้องอายตรงไหน แต่อยู่ที่การแต่งตัวของเราว่าถูกกาละเทศะไหม รู้จักสีที่เข้ากันไหม มันก็ดูดีแล้ว ยิ่งเป็นอัยการใส่นาฬิกาจากเมืองจีนเขาก็ว่าของแท้...ฮ่าๆๆ

ดูละคร  ย้อยดูตัว....

หน้ากากเทวา  ผมเองก็เคยดูนานหลายปีแล้ว  และชอบมาก  โดยเฉพาะความบันเทิงที่ได้นั้น  ครบครันและมากมายเลยทีเดียว

เราติดหัวโขน...

เราคิดหน้ากาก

มันยากที่จะถอดออกจากเรา

เพราะส่วนหนึ่งเราไม่รู้ตัวเลยว่ากำลงสวมมันอยู่..

....

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับPcoffee_mania

  • การเขียนบล๊อคเรื่องนี้เป็นข้อคิดที่ได้เก็บมาจากผู้รู้จะว่าอย่างไรก็ไม่ขอแก้ตัวครับ
  • แต่สำหรับผมความจริงใจ ไม่ชอบเสแสร้ง
  • ความดี คือ สิ่งที่ชำระสันดานให้ผ่องใส บริสุทธิ์สามารถที่จะปฏิบัติให้ได้เช่นนี้แล้วพึงสร้างความดีตามความรู้ความสามารถที่จะพึงกระทำให้เกิดขึ้นในสันดาน

    จึงจะได้ชื่อว่าประสบบุญคือ ความดีอย่างแท้จริง

สวัสดีครับPอ.ลูกหว้า

  • ผมก็ลำบากใจเช่นกันในการนำเรื่องนี้มาเสนอแต่คิดถึงพุทธภาษิตบทหนึ่งในธรรมบทพระพุทธเจ้าสอนว่า"บัณฑิตควรเห็นผู้ที่ขี้บอกทางถุกผิดเหมือนผู้บอกขุมทรัพย์ ควรคบกับคนที่เป็นบัณฑิตนั้น เพราะการคบบัณฑิตจะไม่ทำให้ผู้คบเลวลง (มีแต่จะดีขึ้น)"  นิธีนํว ปวตฺตารํ ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ  นิคฺคย์หวาทึ เมธาวี (ปุคฺคลํ)ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช, ตาทิสํ ภชมานสฺส เสยฺโย โหติ น ปาปิโต.
  • จงเป็นตัวเองอย่างที่อาจารย์ว่าดีแล้วครับ
  • เพราะเขาก็ไม่ใช่เรา เราก็ไม่ใช่เขา จะให้เราไปทำเหมือนลุงพัฒน์ก็คงไม่ได้
  • เอาเยี่ยงกาแต่อย่าเอาอย่างกา คงพอปรับใช้ได้กระมัง
  • ขอบคุณครับที่แนะนำ ติชม ขอน้อมรับไว้ปรับปรุงต่อไป

สวัสดีครับPธ วั ช ชั ย

  • ขอบคุณคุณธวัชชัยที่มาติชม
  • ผมไม่ใช่คอลัมนิส เลยใช้ภาษาตรงไปต้องขอโทษหากเขียนสำนวนชนบทเกินไป คงเป็นเพราะผมเกิดจากครอบครัวที่พูดภาษาการทูตไม่เป็น
  • ขอบคุณที่บอกว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ถ้าเป็นภาษาวิจัยก็คือไม่ผ่านครับ
  • ดีใจครับที่ได้ส่องกระจกบานใหญ่ดูตัวเองถึงหกมิติ คิดถึงการ์ตูนโดเรมอนตอนกระจกหกด้าน
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับPอัยการชาวเกาะ

  • คนรวยใส่ทองปลอมคนก็เข้าใจว่าเป้นของจริง นี้คือสิ่งที่แปลก
  • แต่คนจนใส่ทองอาจถุกมองว่าเป็นทองคำปลอม
  • บทความนี้ผมอาจใสสีไม่เข้ากับงานกระมังครับ คิคิ
  • ขอบคุณที่เตือนสติ "ความจริงคือสิ่งที่ไม่ตาย แต่คนพูดความจริงตาย"
  •  การพูดให้ร้าย มุ่งให้คนอื่นเกิดความแตกแยกเป็นบาป เมื่อคนอื่นแตกแยกกันแล้ว ตกนรกด้วย ผมพูดเรื่องนี้บาปเหมือนเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ไหม?

                    ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ มีพระมหาเถระ 2 รูป รูปหนึ่งมีพรรษา 60 อีกรูปหนึ่งมีพรรษา 59 สนิทรักกันมาก จำพรรษาอยู่ในอาวาสแห่งหนึ่ง สมบูรณ์ด้วยลาภ                ต่อมา มีพระธรรมมกถึกรูปหนึ่ง มาขออยู่ในอาวาสนั้นด้วย เพราะเห็นว่าเป็นวัดที่มีลาภสักการะมาก อยู่ได้ไม่นาน ก็คิดขับไล่พระเถระทั้ง 2 รูปนั้น จึงเข้าไปหาทีละรูปแล้ว พูดว่า เมื่อวันกระผมมาที่นี่พระเถระรูปนั้น บอกผมว่า คุณเป็นคนดี จะคบหาสมาคมกับพระมหาเถระต้องพิจารณาให้ดีก่อน พูดเหมือนกับรู้ความลับ ความเสียหายของท่าน เสร็จแล้ว ก็เข้าไปหาอีกรูปหนึ่ง พูดอย่างเดียวกันนั้น                แรก ๆ ทั้ง 2 รูปไม่เชื่อ แต่นานไป เกิดบาดหมางกันแล้ว ในที่สุดก็แตกกัน ต่างคนต่างออกจากวัด พระธรรมกถึก จึงได้ครองวัดนั้นแต่เพียงรูปเดียว                เมื่อพระธรรมกถึกนั้นมรณภาพแล้ว ไปเกิดในนรกชั้นอเวจี พ้นจากนรกนั้นแล้ว ไปเกิดเป็นเปรต ร่างกายเหมือนมนุษย์ มีศีรษะเหมือนสุกร ต้องเสวยทุกข์อยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ

    การพูดทำให้คนแตกสามัคคีกันเป็นบาปหนัก

สวัสดีครับPแผ่นดิน

  •  ปลื้มใจครับที่อาจารย์เมตตามาแนะนำ ติชม
  • ผมจำได้ว่าตอนที่ตอนที่เรียนประวัติพระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะท่านออกบวชและได้ฟังคำสอนพระพุทธเจ้าแล้วเข้าใจไตรลักษณ์ฯลฯจึงได้กลับชวนอาจารย์สัญชัยปริพาชกออกไปบวชด้วยแต่อาจารย์เลือกที่จะอยู่ในลัทธิเดิมไม่ยอมรับคำสอนพระพุทธเจ้า เราก็เลยได้เห็นแต่อัครสาวก
  • ขอบคุณครับที่เตือนสติการนำเสนอเรื่องต่างๆ
  • ผมจะพยายามลดเรื่องที่ขัดเคืองใจคนลง จะพยายามเล่าเฉพาะที่ไม่ระคายเคืองผู้ใด
  • เรื่องหน้ากากเราสวมกันทุกคนครับ เข้าบ้านสวมหน้ากากพ่อ ออกบ้านสวมหน้ากากคนเดินทาง เข้าที่ทำงานก็สวมหน้ากากอาจารย์....
  • สรุปเป็นอะไรก็เป็นให้ดีมันจะสนุกครับ
  • คิดถึงหมอลำพอลำเรื่องก็พากันแต่งตัวสมมติตนตามท้องเรื่อง เวลาลำอยู่ตีสองแต่สมมติเป็นเวลาสามโมงเช้าเพื่อให้ลูกออกมาหาเพื่อดำเนินเรื่องลำต่อไปให้จบเรื่อง เราก็สนุกไปกับการแสดง...
  • เรื่องหน้ากากเทวดานี้ก็ขอให้คิดว่าหมอลำสักเรื่องนะครับ
  • เพียงแต่เรื่องนี้อาจขาดการประยุกต์ไม่มีตลกกับการโชว์ร้องเพลงก่อนแสดงลำเรื่องเท่านั้นเอง
  • ขอบคุณในข้อคิดเห็น ขอน้อมรับคำติชมโดยดุฏษดียภาพ
  • สวัสดีค่ะอาจารย์โกศล
  • มาอีกรอบค่ะ........ให้กำลังใจอาจารย์เสมอนะค่ะ....
  • เรื่องที่อาจารย์นำเสนอเป็นเรื่องดีมากๆเลยค่ะ...อย่าเพิ่งน้อยใจไปเลยเน๊าะ   ตามอ่านอยู่ค่ะ  และยังนำมาสอนตนเองได้เลยค่ะ  นับว่ามีประโยชน์มากค่ะ 
  • จะติดตามตอนต่อไปค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับครูPหญ้าบัว

  • ขอบคุณครูที่มาแวะทักทาย
  • เรื่องนี้คงอยู่ที่มุมมองครับ
  • สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย
  • บางทีก็ต้องใส่หน้ากากค่ะ
  • เพราะได้บทเรียนราคาแพง
  • เมื่อไหร่ที่เราเผลอแสดงตัวตนที่แท้จริง เรากลายเป็นตัวประหลาดถูกเหยียบจมดิน
  • เลยกลายเป็นว่าทุกวันจะต้องเพิกเฉย
  • ไม่รับไม่ปฏิเสธ..เก็บกดมากค่ะ..อิอิ

สวัสดีครับPnaree suwan

  • เราเกิดมาเราก้มีสถานภาพติดตัวมา หน้ากากก็เหมือนสถานภาพครับ เราต้องเปลี่ยนหน้ากากวันละหลายอันตามบุคคลที่เราเกี่ยวข้องหน้ากากเป็นครู หน้ากากเป็นเพื่อน ฯลฯ
  • การเปลี่ยนแปลงหรือความขัดแย้งในองค์กรมีทุกที่ครับ วิจารณ์มากไม่ได้
  • เมื่อมีความขัดแย้งไม่ตรงกับเราคิดไว้ วิทยากรท่านหนึ่งบอกให้แก้วิกฤตใช้กลยุธ ๓ ขั้นคือ
  • ขั้นที่ ๑ อย่าต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
  • ขั้นที่ ๒ ปล่อยให้เขาทำไปไม่ต้องร่วมมือ
  • ขั้นที่ ๓ ถ้าดีก้ข้อร่วมด้วย ถ้าไม่ดีก็พุดเลย "กูว่าแล้ว"
  • ขอบคุณครับที่ให้ข้อคิดแนะนำมา

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • วันนี้มีข่าวเกี่ยวกับการต้มตุ้นลงหุ้นไปแล้วได้กำไรเท่าตัวภายในหกเดือน
  • เป็นการใส่หน้ากาไหม
  • แบบนี้ใครผิดใครถูก
  • แล้วคนที่ลงทุนจะได้เงินคืนไหม

สวัสดีครับ pu

  • ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย
  • เครื่องผมมีปัญหาเมล์ไม่รายงานการแสดงควมคิดเห้นจึงเพิ่งเปิดเจอ
  • ตอบช้าก้ต้องขออภัย
  • เรื่องต้มตุ๋นไม่ขอวิจารณ์ครับ ถูกผิดคิดเอง
  • ขอบคุณครับ
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท