คำเตือน
บันทึกนี้ไม่เหมาะกับเยาวชนอายุต่ำกว่า ๑๓ ปี
หรือบุคคลที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นนิสัย
คนไทยเราช่างเปรียบเปรยได้ถูกใจผมนัก เปรียบการอุจจาระเป็นการถ่ายทุกข์ ห้องส้วมที่บรรยากาศไม่น่าอภิรมย์นักก็เรียกว่า..สุขา
ช่วงนี้ผมมีอาการที่จำเป็นต้องส่องกล้องตรวจดูดูความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีนัดทำเมื่อวาน...วันศุกร์สุดท้ายของปี วันคริสต์มาส ให้มันได้อย่างนี้สิ
และเพื่อให้ลำไส้โล่งสะอาด ไร้สิ่งแปลกปลอมมาบดบังเยื่อบุลำไส้กระจ่างใสอมชมพู จึงต้องมีการเตรียมลำไส้ให้พร้อมด้วยการรับประทานยาระบายก่อนล่วงหน้า ซึ่งก็มีขั้นตอนมากมายน่าสนใจดังนี้
ก่อนล่วงหน้า ๑ วัน จะต้องรับประทานอาหารกากน้อยตลอดทั้งวัน เพื่อลดกากในลำไส้ นั่นก็หมายถึง ต้องงดผักและผลไม้ทุกชนิดตลอดวันพฤหัสที่ผ่านมา ต้องรับประทานข้าวต้มกับเนื้อสัตว์ละเอียดๆเท่านั้น ผมก็เลยใช้วิธีซื้อข้าวต้มปลาที่ชอบมาสามถุงแต่เช้า แล้วก็จัดการมันมื้อละถุง
ความที่เป็นคนขาดผลไม้ไม่ได้สักวัน ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่มีอาการ..อยาก..ผลไม้ แต่ที่ไหนได้ พอตกเย็นผ่านแผงผลไม้ที่ต้องแวะเป็นประจำ ท้องมันก็ร้องเรียกอย่างออกนอกหน้า มองเห็นส้มสุกลูกไม้ลอยตามมาหลอกหลอนจนถึงบ้าน กลับมาถึงบ้าน น้องแม่บ้านก็รู้ใจปอกผลไม้หลากชนิดจัดเรียงในจานแช่ตู้เย็นไว้แบบยั่วน้ำลายสุดๆ ผมต้องยืนอ้อยอิ่งทำใจอยู่หน้าตู้เย็นพักใหญ่ ก่อนตัดใจหักดิบ
วันศุกร์ ผมต้องลาป่วย เนื่องจากกระบวนการต่อไปนี้
๖ โมงกว่า ผมรับประทาน Swiff Solution หรือ สารละลายโซเดียมฟอสเฟต ๔๕ ซีซี ยาระบายกลุ่ม osmotic laxatives เนื่องจาก เกลือโซเดียมสามารถดึงน้ำจำนวนมากให้อยู่ในลำไส้ของเราจนกระทั่งถ่ายออกมาเป็นอุจจาระเหลว รสชาติของมันต้องบอกว่าเหมือนดื่มน้ำส้มสายชูเพียวๆใส่เกลือ เลยต้องรีบกรอกน้ำลงคออีกสองแก้วใหญ่
ผมลงไปนั่งสมาธิหน้าหิ้งพระที่บ้าน ตั้งใจทำจินตภาพว่า ตัวยาเปรียบเสมือนสายน้ำแรงๆฉีดชะล้างลำไส้ซึ่งเหมือนท่อประปา ไปชะล้างสิ่งสกปรกหมักหมม สารพิษ ความชั่วร้าย นิสัยไม่ดีและความทุกข์ออกมา เตรียมพร้อมจะถ่ายมันออกจากตัวในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
๑๐ กว่านาทีหลังรับประทานยา ผมได้ยินเสียงท้องร้องดังจ๊อกกกกกก เป็นครั้งแรก พอไหว..พอไหวน่า ผมยังนิ่ง สักพักเสียงในท้องก็เปลี่ยนเป็นลั่นโครกคราก ทนนั่งจินตภาพต่อไปได้ไม่ถึง ๑๐ นาที ความรู้สึกว่าหลังบ้านกำลังถูกข้าศึกซุ่มโจมตีก็มาถึง คงได้เวลาแล้วสินะ ขอให้ถ่าย..ทุกข์ ลอยไป ลอยไป
ทัพหน้าของข้าศึกระลอกแรกนี้ เป็น สับปะรดกวน ลักษณะนุ่มกำลังดี ดีกว่าการถ่ายอุจจาระทุกวันที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเดือน เป็นสัมผัสนุ่มๆ ไม่ระคายเคืองเยื่อบุอันบอบบางบริเวณนั้นเลย
ออกจากสมรภูมิแรกได้ไม่ถึงสิบนาที คราวนี้ผมรู้สึกถูกทัพหลวงโจมตีอย่างหนัก เข้าให้แล้ว ต้องกลับเข้าไปตะลุมบอนกันในห้องส้วมอีกครั้ง อืมม..ครั้งนี้เป็น น้ำข้าวเหนียวทุเรียน จำนวนมาก
หลังจากนั้น ผมถ่ายเพิ่มอีก ๔ ครั้งใน ๒ ชั่วโมง จนกลายเป็น น้ำกะทิ ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น น้ำโซดาพรายฟอง ซึ่งไม่มีอยู่ในเกณฑ์ของ The Bristol Stool Form Scale
๑๐ โมงตรง ผมรับประทานยายกที่สอง อีก ๔๕ ซีซี ซึ่งก็ทำให้ผมต้องเข้าห้องส้วมเพิ่มอีก ๕ หน
ตั้งแต่ ๖ โมงเช้า ผมได้รับอนุญาตให้รับประทานได้แต่ clear liquid คือ น้ำหวานหรือน้ำผลไม้ที่ไม่มีกาก จนถึง ๑๑ โมงตรง น้องหมอที่จะส่องกล้องผมกำชับว่า น้ำเต้าหู้ก็ไม่ได้นะคะ..อาจารย์ ผมก็ดื่มแต่น้ำผสมน้ำหวานจำนวนมาก มากแทน
๑๑ โมงเป็นต้นไป ผมต้องงดทั้งอาหารและน้ำ เพื่อรอเวลาส่องกล้องตอนบ่ายโมงตรง
ตลอดเวลา ผมจินตภาพว่าได้ถ่าย..ทุกข์ ได้ชะล้างสิ่งสกปรกหมักหมม สารพิษ ความชั่วร้าย นิสัยไม่ดีและความทุกข์ออกไป
สวัสดีค่ะคุณหมอ
สวัสดีปีใหม่ครับ...ท่าน เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี
สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี
อาจารย์จะไปตรวจลำไส้หรือคะ...เป็นกำลังใจให้ค่ะตรวจแล้วเป็นอย่างไรขณะตรวจใช้ยาระงับความรู้สึกรึเปล่า..เจ็บมั๊ยคะเคยเห็นคุณหมออธิบายคนไข้ว่าเจ็บมากขณะใส่อุปกรณ์การตรวจ..เล่าต่อนะคะ
นึกว่าคุณหมอ มาแนะนำ เมนู สุขภาพ เพื่อลำไส้ ใสสะอาด
สับปะรดกวน น้ำข้าวเหนียวทุเรียน น้ำกะทิ และตบท้ายด้วย น้ำโซดา...อืม..เมนูสุขา...
สวัสดีปีใหม่ครับอาจารย์
เล่าซะผมเห็นภาพเลยนะครับนี่...ผมว่าบันทึกนี้เป็นบันทึกที่อ่านสนุกที่สุดบันทึกหนึ่งที่อาจารย์เขียนมาเลยครับ
ขอให้อาจารย์หายเร็ว ๆ นะครับ
สวัสดีค่ะ
ขอให้ "ถ่ายทุกข์" เหลือไว้เพียง "ความสุข" นะคะ
ทั้ง สับปะรดกวน น้ำข้าวเหนียวทุเรียน The Bristol Stool Form Scale ... อืม...เห็นภาพเลยค่ะ
รออ่านต่อค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะอาจารย์
ปีใหม่นี้ขอให้อาจารย์มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงยิ่งๆขึ้นนะคะ
พึ่งจะกินซาลาเปาหมูสับเสร็จมาสองลูก 555 แถมอ่านแล้วนึกภาพตามไปทีละช็อตอีกต่างหาก แต่สงสัยอย่างนึงว่าวิสัยการกินของอาจารย์ก็กินผักและผลไม้แล้วทำไมยังมีปัญหากับลำไส้อีก ตัวเองปกติกินผักเยอะแต่ผลไม้น้อยยังไม่มีปัญหาเลย ระบบขับถ่ายปกติสุขดีมาแต่เด็ก
โค้ดลับอะไรกัน ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ แต่ไม่กล้าถาม ; P ไว้ไปถามมะปรางดีฝ่า จะได้รู้ว่ามุกไรกัน
เพิ่งเข้ามาอ่านบันทึกค่ะ ^^ ไม่ทราบว่าอาจารย์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีนะคะ ^^
มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเตรียมลำไส้ให้คนไข้ โดยการให้กินยา swiff บ่อยเลยค่ะ เมื่อก่อนเคยให้คนไข้กินแบบเพียวๆเหมือนกัน แต่ก็เจอปัญหาว่า บางคนกินแล้ว อาเจียนพร้วดเลย ต่อมาจึงทราบว่าต้องผสมน้ำ 45 cc นี่ต่อ 2 แก้ว (แบ่งครึ่งผสม) ต่อมาก็มีวิธีการกินที่ลดความทรมานลงค่ะ นั่นคือให้ผสมกับน้ำหวานเฮลบลูบอย อาจจะเป็นน้ำแดงหรือน้ำเขียว คนไข้บอกว่าถ้าหากแช่เย็นแล้วจะยิ่งกินได้ง่าย (อร่อยขึ้น) จึงมักละลายน้ำหวาน (ใส) ใส่ตู้เย็นให้เย็นเจี๊ยบๆ (แต่บางคนไม่ชอบกินของเย็นๆก็จะละลายเป็นน้ำอุ่นให้) จากนั้นก็จะผสมกับ swiff ในปริมาณ 20-25 cc ต่อน้ำหวาน 1 แก้ว (200 cc) โดยให้ทะยอยกินใน 1/2 - 1 ชม. ซึ่งปรากฏว่าคนไข้กินได้ดีขึ้น และกินได้หมดโดยไม่ต้องอาเจียนออกมา (เคยสัมภาษณ์คนกิน เขาบอกว่าเหมือนเอาอะไรมาลวกคอเลย มันทรมานมากๆ ถ้าหากกินเพียวๆ)
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ ขออำนาจคุณพระรัตนตรัย โปรดดลบันดาลให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ