หมอลำเรื่อง  ขูลูนางอั้ว จาการแสดงของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 / 10  วิชาภาษาไทย วัฒนธรรมท้องถิ่น

แม่ยกนางอั้วให้ขุนราม       ขูลูนางอั้วพร้อมเพื่อน     แม่ไม่ยอมยกนางอั้วให้ขูลู

         กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีเจ้าเมืองกาสีและเจ้าเมืองกายนครเป็นเพื่อนรักกันมาก ได้ไปเยี่ยมเยือนกันและได้เคยให้คำมั่นสัญญากันไว้ว่า ถ้ามีลูก จะให้ลูกมาแต่งงานกัน 

          ต่อมาไม่นาน มเหษีทั้งสองเมืองก็ตั้งครรภ์พร้อมกัน  พระมเหษีเจ้าเมืองกายนครได้เสด็จไปเยี่ยมมเหษีเมืองกาสี

         ทั้งสองได้เข้าไปเดินเล่นในสวนส้มเกลี้ยง ของเมืองกาสี เกิดเห็นส้มเกลี้ยง อยากจะเสวยเหมือนผู้หญิงที่มีครรภ์ทั่วไป จึงขอเสวยจากพระนางเจ้าเมืองกาสี แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ เพราะมเหษีเจ้าเมืองกาสี ไม่อยากให้กิน หวง เลยบอกไปว่ามันยังไม่สุก กินยังไม่ได้

        พระมเหษีเจ้าเมืองกายนคร มีความแค้นใจพระมเหษีเจ้าเมืองกาสีมาก ที่ไม่ยอมให้กิน เพราะคนเราเมื่อแพ้ท้องแล้วไม่ได้กิน ตามปากอยาก อารมณ์จะขุ่นมัวทันที เลยคิดไม่อยากจะเป็นมิตรด้วยแล้ว

          นางอั้ว                        ท้าวขูลู                         นางอั้วขุนราม

        ต่อมาไม่นาน  มเหษีทั้งสองก็คลอดลูกออกมา  เจ้าเมืองกาสีก็ได้พระโอรส ได้พระนามว่า  ท้าวขูลู  ส่วนเจ้าเมืองกายนครก็คลอดออกมาเป็นธิดา ให้ชื่อว่า นางอั้ว  และเจ้าเมืองทั้งสองเมืองต่างก็บอกลูกของตนว่า มีคู่หมั้นแล้ว  อย่าไปรักใคร

        เมื่อท้าวขูลูเมืองกาสีมีพระชันษาได้ 18 ชันษา ก็ได้มีโอกาสส่งเครื่องราชบรรณาการไปเยี่ยมเมืองกายนคร ซึ่งมีธิดาแสนสวยชื่อนางอั้ว เมื่อทั้งสองได้มีโอกาสพบกัน ก็เกิดรักกันขึ้นและสัญญาว่าจะรักกันตลอดไป และจะรีบมาจัดการแต่งงาน

 ได้รางวัลจากอาจารย์ที่ชม  นางอั้วแสดงได้สมบทบาท คร่ำครวญก่อน ลาตายทำให้คนที่ชมร้องไห้ตามด้วยสงสารในความรักของนาง

       แต่นางอั้วต้องมีความเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อมารู้ทีหลังว่า พระมเหษี แม่ของนางเอง จะให้นางแต่งงานกับขุนราม  แต่นางอั้วไม่ได้รัก และมีใจกับขุนรามเลย แต่แม่ของนางอั้วก็ไม่สนใจ ไม่ยอมเช่นกัน  นางอั้วจึงบอกว่า ได้รักกับท้าวขูลูเมืองกาสีแล้ว  และสัญญาว่าจะแต่งงานกัน แต่แม่ของนางอั้วก็ไม่สนใจ เพราะแค้นที่ตอนมีท้องขอกินส้มเกลี้ยงก็ไม่ได้กิน  จึงไม่อยากได้มาเป็นดองด้วย

นักเรียนลงทุนการแต่งตัว แม้แต่กลอนลำ มีความสามารถยิ่ง

       ฝ่ายนางอั้วนั้น มีความรักกับขูลูเป็นอย่างมากแล้ว ไม่อยากจะไปแต่งงานกับคนอื่น ถ้าแต่งงานกับคนอื่น จะฆ่าตัวตาย  ในที่สุดเมื่อจำเป็นจะต้องแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รักคือขุนราม จึงคิดฆ่าตัวตาย  ก่อนที่นางจะฆ่าตัวตายนั้น  นางได้สั่งเสียกับพญาแถนให้ไปบอกขูลูด้วยว่า เกิดมาชาติใด ก็ขอให้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กัน อย่าได้ร้างตายจากกันไปเหมือนชาตินี้เลย ให้ได้พบกันทุกชาติไป  เมื่อนางได้สั่งเสียกับพญาแถนแล้ว นางก็กลับมาผูกคอตายไป                      

        เมื่อพญาแถนได้เอาคำสั่งเสียของนางอั้ว มาบอกท้าวขูลู ในเรื่องที่นางอั้วถูกบังคับให้แต่งงานกับคนอื่น นางรับไม่ได้ และได้ผูกคอตายไปแล้ว  เมื่อท้าวขูลูได้ฟังเรื่องราวที่พญาแถนมาบอก  รู้สึกเสียใจมาก เมื่อไม่มีนาง ชีวิตนี้ก็อยู่ไม่ได้ จึงขอตายตามนางอั้วไป โดยเอามีดแทงตนเองตายตาม  ส่วนขุนรามนั้น ก็ถูกธรณีสูบตามหลังต่อมา

    พี่น้องGTKที่รักทุกท่านคะ  เพื่อคะแนน นักเรียนลงทุนมากเลย

และแสดงให้เห็นแววความสามารถของแต่ละคน พรแสวงพรสรรค์

   พี่น้องคะการแสดงได้จบลง ทิ้งประสบการณ์ที่มีหลากหลาย ช่วยกันจนจบ  ใครมีความสามารถอะไร ตามความสามารถ มีแววแตกต่างกันไป  โดยเฉพาะการขับร้องหมอลำเด็กเก่งมาก ขอชื่นชม และเด็กมีความจริงใจแสดงกันจริงๆจังๆ ทั้งที่มีคนดูเพียงชั้นตนเองเท่านั้น  ลงทุนการแต่งตัว โดยที่คุณครูภาษาไทย ก็ไม่คาดคิดว่า เด็กจะทำได้และลงทุนกันถึงขนาดนี้  นอกจากนี้ บทกลอนลำยังช่วยกันแต่ง

   และนี่ก็เป็น สรภัญญะ ที่นักเรียนได้ฝึกเขียนแล้วนำมาอ่าน เป็นชื่อผู้กำกับการต่างๆ  ที่ได้ช่วย กันกำกับจนงานนี้เสร็จลงได้ด้วยดี 

บัดนี้ซิได้กล่าว  เป็นเรื่องราวคนซุมนี้

มอหกทับสิบนี้          จุ้มเฮามีกันสิ่คน  กันสี่คน

คุณเจษราภรณ์           แม่บังอรหน้าฉงน

ชินพันธ์อีกหนึ่งคน      ไม่ซุกซนคนใฝ่ฝัน

ส่วนคุณพงศ์เทวัญ     ดูแลงานด้วยสร้างสรรค์

รัชภูมิอีกหนึ่งนั้น   ได้ช่วยกันสร้างสรรค์มา สร้างสรรค์มา

สี่คนซุมเฮานี่              ชอบทำดีใฝ่ศึกษา

ตั้งใจวางแผนมา          จึงค้นคว้าวิทยาคม    

นายพงศ์เทวัญ  มุงคุณคำชาว  อายุ 17 ปี ลูกดิฉันเอง รายชื่อเพื่อนๆช่วยกัน ผู้กำกับ ตลก  หมอลำ  ฟ้อนรำ ตามความสามารถ

ยังมีอีกนะคะ  ติดตามได้ในบทต่อไป  เดี๋ยวมันหายแวบ พอแล้วคะ