พระบรมมหาราชวัง กับมุมธรรมดาที่มองข้ามและบางมุมที่ไม่เคยเห็น


ในความคิดของผุ้เขียนนั้นวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของประเทศไทย และไม่แพ้สิ่งมหัศจรรย์ใดในโลก อยากจะบอกว่าทำไมต้องรอให้ฝรั่งต่างชาติมาจัดอันดับหรือขึ้นทะเบียนโบราณสถานของเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ก่อน แล้วคนไทยจึงค่อยตระหนักได้ว่าสิ่งนั้นมันสำคัญ และมหัศจรรย์อย่างที่เขาบอก

จากบันทึกของ คุณSasinanda เรื่อง  เรารักกรุงเทพฯ.......เมืองที่เรารัก ....กรุงเทพฯมหานคร ฯ The City of Angels ...ซึ่งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากที่สุดเมืองหนึ่งของโลก อายุ 225 ปีแล้วค่ะ 

หลายท่านได้เข้าไปพูดคุยลปรร.เกี่ยวกับกรุงเทพฯ ในหลากทัศนะ จนมาถึง comment หนึ่งที่ คุณConductor จุดประกายเกี่ยวกับการนำภาพของกรุงเทพฯ มาเล่าเรื่อง โดยการจัดทำเป็นสไลด์เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว ทำให้ผู้เขียนคิดที่จะนำเรื่องราวของกรุงเทพฯ ในบางมุมที่น่าสนใจมาขยายความ เพราะบางเรื่องนั้นภาพสามารถเล่าเรื่องได้แต่ไม่สมบูรณ์ หากได้เพิ่มเติมประวัติหรือเนื้อหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาพเข้าไปจะทำให้เล่าเรื่องได้ดียิ่งขึ้น

โดยผู้เขียนขอนำสถานที่ที่คนกรุงเทพฯ ทั้งหลายคิดว่ารู้จักกันดีอยู่แล้ว คือ "พระบรมมหาราชวัง" มาตีแผ่ในบางมุมเฉพาะที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป หรือบางมุมที่ทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปเห็น ภาพอาจจะจำนวนน้อยสักนิดแต่เรื่องราวไม่น้อยอย่างภาพเลย เชิญชม ณ บัดนี้

.....................................................................................................................

"ลั่นถันหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท"



ลั่นถันคือตุ๊กตาถ่วงเรือสินค้า (อับเฉา) ในสมัยรัชกาลที่สามที่นิยมนำเข้ามาประดับตกแต่งวัดวาอารามและพระราชวัง

ลันถันเมื่อมาอยู่หน้าทางเข้าประตูก็มีฐานะเหมือนทวารบาล ซึ่งทวารบาลนี้น่าจะมีที่มาจากตำนานการไปเชิญพระไตรปิฎกของพระถังซัมจั๋ง อันกล่าวถึงสองขุนพลคู่พระทัยของถังไท่จงฮ่องเต้ คือซินซิโป้และฮ้วยซี้จง ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าหน้าประตูป้องกันวิญญาณของเจ้ามังกรมาตามทวงชีวิตคืน (เรื่องรายละเอียดหาอ่านเอาเองเพิ่มเติมจากประวัติเรื่องพระถังซัมจั๋ง)

ต่อมาจึงนิยมเขียนภาพหรือสร้างประติมากรรมของสองขุนพลนี้ไว้ที่หน้าประตูศาสนสถานหรือพระราชวังเพื่อป้องกันภูตผีปีศาจ ซึ่งลั่นถันตัวนี้ก็ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าหน้าบันไดทางขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท (ทวารบาลตามประตูหน้าต่างวัดก็สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลและคติความเชื่อมาจากเรื่องเดียวกัน)

.....................................................................................................................

"ประตูหูช้าง ด้านทิศตะวันออกของพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ"


ประตูนี้เป็นประตูรูปทรงแบบโบราณ มักสร้างคู่กับกำแพงที่ไม่สูงมากนัก พบบ่อยในภาพจิตรกรรมฝาผนังตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์ โดยในภาพจิตรกรรมแสดงให้เห็นอยู่เสมอว่าประตูเป็นสีแดงหรือน้ำตาลแดง โดยไม่เคยพบเป็นสีอื่นเลย แต่ประตูที่เห็นในภาพถ่ายต่างวันเวลากัน ก็สามารถเปลี่ยนสีไปได้เรื่อยๆ แล้วแต่ความชอบของคนทาและคนสั่ง นับเป็นเหตุการณ์อันน่าแปลกประหลาด นอกเหนือหลักการที่โบราณกำหนดมา 555

ปล. ชื่อหูช้างของประตูน่าจะมาจากรูปทรงประตูที่เหมือนใบหูของช้าง

.....................................................................................................................

"พระที่นั่งสุทไธศวรรย์

พระที่นั่งนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เดิมทรงโปรดให้สร้างขึ้นเป็นพลับพลาโถง ทำด้วยเครื่องไม้ หลังคาไม่มียอด เรียกกันว่า "พระที่นั่งพลับพลาสูง" ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชดำริให้แก้ไของค์พระที่นั่งเป็นฝาก่ออิฐฉาบปูน หลังคาเปลี่ยนเป็นยอดปราสาท และพระราชทานนามว่า "พระที่นั่งสุทธาสวรรย์" ต่อมารัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนพระนามพระที่นั่งนี้อีกครั้ง กลายเป็น "พระที่นั่งสุทไธศวรรย์"

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงให้ใส่บานเกล็ดพระทวารและพระบัญชร รวมทั้งใช้ลูกกรงเหล็กหล่อลวดลายแบบตะวันตกประดับที่หย่องหน้าต่าง (เหล็กหล่อชุดนี้คงจะสั่งมาคราวเดียวกับเหล็กหล่อประดับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท) คนรุ่นเก่าๆ อาจจะจำได้ว่าในหลวงและพระราชินีทรงเสด็จออกมหาสมาคมให้ประชาชนเฝ้าที่มุขระเบียงด้านหน้า ในคราวพระราชพิธีบรมราชาพิเศก และงานอภิเษกสมรส

ภาพบนเป็นด้านหน้าที่ติดกับถนนสนามชัย ส่วนสองภาพล่างเป็นทางขึ้นสู่องค์พระที่นั่ง ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปชมได้เนื่องจากอยู่ฝ่ายใน ต้องใช้พลังวัตรระดับเทพจึงเข้าไปถ่ายรูปมาได้ ^ ^

.....................................................................................................................

"หอพระธาตุมณเฑียร"


หอพระธาตุมณเฑียรสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นอาคารที่อยู่เขตพระราชฐานชั้นใน ภายในประดับตกแต่งด้วยภาพเครื่องตั้ง เครื่องมงคลอย่างจีน อันเป็นที่น่าสังเกตุได้ว่า คติพระราชนิยมจีนมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 แล้ว ไม่ใช่เริ่มในสมัยช่วงรัชกาลที่ 3 อย่างที่เคยปรากฏในแบบเรียนหลายๆ เล่ม

ภาพนี้เป็นภาพภายในหอพระธาตุมณเฑียร ภายในมีบุษบกซึ่งประดิษฐานพระบรมอัฐิของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 3 พระบรมอัฐิของพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 2 และพระพันปีหลวงในรัชกาลที่ 3 

นอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องแก้วคริสตัลแกะลายแบบฝรั่งตั้งประดับอยู่บริเวณช่องแสงตามกำแพง รวมถึงโคมแก้วคริสตัลสวยงามจำนวนมาก ภายในครอบแก้วที่แท่นบูชามีทั้งพระพุทธรูปทองคำจริงๆ ต้นไม้เงินต้นไม้ทองที่ทำจากเงินและทองคำแท้ๆ ซึ่งหาคนทำยากในสมัยนี้ (ภาพนี้ก็ต้องใช้พลังขั้นซุปเปอร์เทพจึงจะได้มาเช่นกัน)

.....................................................................................................................

"หอพระแก้ว" (ศาลพระภูมิประจำพระบรมมหาราชวัง)



หอพระแก้วตั้งอยู่ติดกำแพงวังด้านทิศตะวันออก ด้านท้ายวัดพระแก้ว แต่อยู่ส่วนฝ่ายในใกล้พระที่นั่งไชยชุมพล หอพระแก้วนี้คือศาลพระภูมิประจำพระบรมมหาราชวัง สันนิษฐานว่าด้านในคงมีเจว็ดตามประเพณีโบราณ ที่ในศาลพระภูมิจะต้องมีเจว็ด (รูปร่างคล้ายใบเสมา อาจสูงชลูด ขนาดพอดี หรือเตี้ยป้อมก็ได้ และมีรูปเทวดายืนถือพระขรรค์ประดับอยู่บนเจว็ด) ปัจจุบันนี้เจว็ดเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เพราะมีศาลพระพรหมเข้ามาแทนคติความเชื่อเดิม

ปล. ประติมากรรมในรูปทั้งเล็กและใหญ่ดูจะเป็นของใหม่ไปเสียทั้งหมด ยกเว้นรูปปั้นพระฤาษีมีเค้าโครงว่าน่าจะเป็นของเก่าแต่อาจผ่านการบูรณะมาแล้ว ส่วนตั่งที่รองรูปปั้นพระฤาษีก็น่าจะเป็นของเก่าอายุร่วมร้อยปีเศษ

.....................................................................................................................


ในความคิดของผุ้เขียนนั้นวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของประเทศไทย และไม่แพ้สิ่งมหัศจรรย์ใดในโลก
อยากจะบอกว่าทำไมต้องรอให้ฝรั่งต่างชาติมาจัดอันดับหรือขึ้นทะเบียนโบราณสถานของเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ก่อน แล้วคนไทยจึงค่อยตระหนักได้ว่าสิ่งนั้นมันสำคัญ และมหัศจรรย์อย่างที่เขาบอก...

สุดท้ายนี้อยากจะเชิญชวนคนไทยหันมาดูศิลปะที่น่าภาคภูมิใจของเรา ของบางอย่างที่เราคิดว่ารู้จักดีแล้ว แต่อันที่จริงอาจจะรู้เพียงผิวเผินเท่านั้น บางมุมของพระบรมมหาราชวังที่หยิบยกมาเขียนให้อ่านกันในวันนี้ก็เป็นแค่เสี้ยวของสิ่งที่อยากนำเสนอ และยังมีอีกมากที่อาจจะนำมาเล่าสู่กันฟังในอนาคต

หมายเลขบันทึก: 127910เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2007 01:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:20 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (51)

สวัสดีค่ะ

สวยงามจริง ๆ น่าทึ่งมาก ๆ ค่ะ

ขอบคุณค่ะ จริงๆ แล้วภาพที่สวยๆ มีเยอะ แต่เป็นภาพทั่วๆ ไป ภาพพวกนี้ไม่จัดว่าสวย แต่จัดว่ามีเรื่องราวที่แปลกพอที่จะเอามาเล่า หรือเป็นภาพที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้สังเกตุเวลาไปเที่ยวพระบรมมหาราชวัง และภาพบางส่วนที่นำมาเสนอก็เป็นภาพที่คนนอกไม่มีโอกาสได้เห็นแน่นอนค่ะ ^ ^
สวยมากค่ะ แถมมีเรื่องราวประวัติที่คนนำมาเล่า เล่าด้วยใจ ...ดีมากๆค่ะ ยังงี้คราวต่อไปไปดูจะได้เข้าใจมากขึ้น ซาบซึ้งกับศิลปวัฒนธรรมของชาติเรามากขึ้น...ขอบคุณค่ะ
  • สวยครับ  สวยมาก  แสง มุมกล้อง และเรื่องราวที่เป็นองค์ความรู้ โอเคเลย
  • แต่เสียดาย  ที่เจ้าของหวงภาพ เน๊าะ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

พี่ทึ่งน้องซูซานจริงๆนะ มีความรู้ทางประวัติศาสตร์หลายๆอย่าง และมึความสามารถทางภาษาด้วย คราวที่แปลชื่อกรุงเทพฯ  ตัวเองจบอักษรศาสตร์ยังทำไม่ได้ขนาดนั้นเลยค่ะ

อยากให้เรียบเรียงบอกเล่าเรื่องกรุงเทพฯ  พร้อมรูปสวยๆอย่างนี้อีกค่ะ เพราะที่เล่ามาเป็นการsimplifyแล้ว ไม่หนักไปหรอก จะเป็นประโยชน์มาก เอาไว้ให้คนอื่นมาอ้างอิงได้ด้วย

ภาพข้างในวังอย่างนี้ ก็ไม่เคยเห็นค่ะ มีดีเยอะจัง น่าเอามาโชว์ประกอบเรื่องนะ ทำเหมือนmagazine on line เลย

อย่างที่ทุกคนยอมรับเป็นเสียงเดียวกันค่ะ High light กรุงเทพฯนี่ ต้องวัดพระแก้ว กับพระบรมมหาราชวังค่ะ มาเป็นอันดับหนึ่ง  อลังการจริงๆ มีสุดยอดฝีมือมาชุมนุมอยู่ที่นี่มากมายหลายท่าน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยค่ะ

เป็นเครื่องยืนยันความมีอารยธรรมเก่แก่ของชาติค่ะ

อย่างที่เล่าน่ะค่ะ ฟังฝรั่งอเมริกัน บอกว่า คนอเมริกัน ใฝ่ฝัน ว่า ชาตินี้ ขอมาปารีสสักครั้ง ดูของเก่าของเขาสักครั้งเป็นบุญตา

อยากให้เขาพูดถึงเมืองไทยอย่างนี้มั่ง ของเราสวยไม่แพ้เขาหรอกค่ะ รีบคุยกับเขาใหญ่ ว่าเคยไปเที่ยวเมืองไทยไหม ของเราก็มีวัฒนธรรมเก่าแก่นะ.........ร่ายยาวซะ ฝรั่งงง ในที่สุด เขาก็มีความรู้สึกว่า เออ ประเทศเรา ก็มีดีเหมือนกันนะ มาไม่มา ไม่รู้ แต่ขอประชาสัมพันธ์ไว้ก่อน

เคยไปมอนติคาโล มีแต่นักท่องเที่ยว มีแต่คาสิโน ประดับไฟทุกถนน เหมือนมีงานฉลอง 365 วัน

น้องซูซานค่ะ เห็นแล้ว นึกรักประเทศไทยขึ้นอีกเยอะเลย  ประเทศเรามีดี ไม่แพ้ใครค่ะ เราต้องภูมิใจในของดีของเราให้มากๆค่ะ

เคยไปเที่ยวที่โบสถ์ใหญ่ๆที่สวิสเซอร์แลนด์ ก็ตะลึงลานเหมือนกัน  สวยมากๆ  ศาสนาเป็นแรงบันดาลใจอย่างสูงของคนทุกยุคทุกสมัย ที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ประณีตวิเศษให้แก่แผ่นดินค่ะ

สมัยนี้ ศิลปินชื่อดังของล้านนาคือคุณเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่กำลังสร้างสรรค์ผลงานที่เลื่องลืออยู่ในขณะนี้ ก็เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯมานาน มีมุมรัก มุมชัง และวิจารณ์ได้อย่างเผ็ดมันมาก

ท่านได้กล่าวไว้ว่า กรุงเทพฯนี้เป็นฉบับบย่อของกรุงศรีอยุธยา อยุธยาเป็นความยิ่งใหญ่จริงๆของประเทศชาติ เป็นจิตวิญญาณของคนไทย เป็นต้นแบบของกรุงเทพฯ แต่พออารยธรรมต่างชาติเข้ามา กรุงเทพฯเริ่มสูญเสียความเป็นชาติมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น เราคนไทย ควรพยายามช่วยกันจรรโลงรักษา อารยธรรมของเราไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตามกำลังและวิธีการของตน ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับส่วนรวมนะคะ

การเขียนเผยแพร่สิ่งดีๆที่พวกเราภูมิใจ เป็นหลักฐานแบบนี้ ก็จะช่วยเป็นวัคซีนป้องกัน และกระตุ้นให้เด็กๆรุ่นใหม่ๆ ได้เรียนรู้ เข้าใจ และหวงแหนความเป็นชาติของตัวเองไว้นานเท่านานค่ะ

P ขอบคุณค่ะพี่แป๋ว

ดีใจที่มีส่วนทำให้คนชมภาพได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้น และมีคนร่วมซาบซึ้งไปกับเรา ^ ^
P คุณครูวุฒิ

จริงๆ แล้วภาพพวกนี้ไม่จัดว่าสวยเลย เพราะเป็นการถ่ายเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานเพื่อการศึกษาด้านศิลปะและด้านโบราณคดี ส่วนใหญ่ภาพที่มีมักจะเป็นภาพถ่ายเอารายละเอียด close shot มากๆ เพราะต้องการเจาะเอาตัวลายมาใช้

ซึ่งภาพที่มีอยู่ในเครื่องพวกนี้นำมาให้ชมคนก็จะงง ไม่ใช่ว่างกภาพหรอกนะคะ ไว้เดี๋ยวจะลองหาภาพที่เป็นมุมกว้างๆ ในฝ่ายในที่หาดูยากสุดๆ มาให้ชมกันพร้อมกับเล่าเรื่องด้วย รอหน่อยก็แล้วกันค่า เมื่อคืนดึกแล้วเลยค้นได้แค่นี้ ต้องค่อยๆ รื้อออกมา คือมีเยอะจัดค่ะ
P พี่ศศินันท์

มิต้องทึ่งไปค่ะ ยังไม่ชำนาญแตกฉานถึงขั้นที่จะทึ่งได้ เป็นความรู้เพียงหางอึ่งที่มีเท่านั้น

จริงๆ แล้วมันเกิดจากการอ่านหนังสือเยอะ อ่านมากก็รู้มาก และมีน้องชายจบมาทางด้านศิลปะประจำชาติและโบราณคดี (ประวัติศาสตร์ศิลปะเอเชีย) ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันภายในบ้านอยู่อย่างสม่ำเสมอ เขาเรียนอะไรมาก็มาเล่าให้ฟัง อ่านเจออะไรดีก็เอามาให้เราอ่านด้วย (ร้อนวิชา 555) บ่อยครั้งที่มีส่วนช่วยเขาแปลข้อมูลจากหนังสือต่างประเทศ แม่เองก็มีส่วนช่วยด้วยเหมือนกัน คือข้อมูลพวกนี้บางทีมันตีพิมพ์เป็นหนังสือภาษาต่างๆ ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน หนังสือไทยมีแต่ไม่พอเพียง ต้องใช้อย่างอื่นประกอบ

ทำให้กลายเป็นกิจกรรมของคนในบ้านไปเลย อ่านแล้วก็มาเล่า มาถกกัน มาช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูล ยังเคยขำเลยว่าบ้านอื่นเขาคุยกันแบบนี้หรือเปล่า คุณแม่เองก็มีความรู้ด้านทางประวัติศาสตร์จีนมาแลกเปลี่ยนกับลูกๆ ด้วย คือวัฒนธรรมพวกนี้มันมีการได้รับอิทธิพลข้ามกันไปมาผ่านทางการติดต่อค้าขาย พอคุยเรื่องพวกนี้มากๆ เข้า หลานตัวเล็กก็พลอยได้ความรู้ไปด้วย ดีไม่ดีเขารู้จักตัวละครในรามเกียรติ์มากกว่าเด็กม.ปลายซะอีก รู้ชื่อประวัติและบทบาทของตัวละครซะด้วย เกิดจากการฟังล้วนๆ ตอนนี้ก็เลยรักการอ่านเหมือนกัน

และกิจกรรมไปเที่ยวหลักของสองคนพี่น้องคือไปเที่ยวโบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ หรือแหล่งศิลปวัฒนธรรม ซึ่งก็ต้องหอบหิ้วเอาเจ้าตัวเล็กไปด้วยทุกครั้ง ถือว่าได้อานิสงส์เรียนรู้จากประสบการณ์จริงไปเต็มๆ ช่วยกันปลูกฝังให้เขารักศิลปวัฒนธรรม และเข้าใจอย่างถูกต้อง รู้จักวิเคราะห์ข้อมูล ที่มาที่ไป นี่ยังบอกน้องชายเลยว่า อัดความรู้เข้าไปมากๆ ระวังหลานติงต๊องไปเลยนะ แต่ก็เห็นว่าเขาชอบและเรียนรู้ได้ดีค่ะ ^ ^
นำมาให้พี่ศศินันท์ชมโดยเฉพาะค่ะ ว่าหนังสือประเภทไหนที่หนูและน้องชายอ่านกัน คนอื่นเขาเห็นก็ว่าอ่านได้ไงเนี่ย หนาขนาดนั้น



เล่มนี้กำลังอ่านอยู่ ยังไม่จบเพราะหนามาก หนังสือหนาสักสองนิ้วได้ พอๆ กับพจนานุกรมเลยค่ะ น้องชายซื้อมาอ่านก่อนและหนูขอยืมเขาอ่านต่ออีก พอดีสนใจเพราะไปเห็นที่ Alliance Française

ชื่อเรื่อง รุกสยามในพระนามของพระเจ้า หรือชื่อดั้งเดิมว่า Pour la plus grande gloire de Dieu ขอนำเรื่องย่อที่ทางสำนักพิมพ์เขียนไว้มาลงให้อ่านเล็กน้อยนะคะ

นวนิยายที่ฟื้นประวัติศาสตร์ให้กลับมีชีวิตได้อย่างสมจริงที่สุด ชวนหัว ยั่วล้อ อุดมด้วยเล่ห์กลการเมืองสุดแสบสันต์ ซุกซ่อนความสนุกทุกซอกบรรทัด

เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ส่งคณะราชทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรสยาม ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ โดยแฝงวัตถุประสงค์ในการเผยแผ่ศาสนา แสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และการทหาร เผยกลการเมืองที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนโยบายการทูต ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็จะเอาด้วยกล
แต่การณ์กลับไม่ง่าย เมื่อต้องผจญกับ “วัฒนธรรมชาติ” ในแบบเฉพาะของชาวสยาม ท่ามกลางบรรยากาศร้อนชื้น ฝูงยุงบุกประชิดจู่โจม การศึกครั้งนี้ ช่างใหญ่หลวงนัก... อีกทั้งการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างคอนแสตนติน ฟอลคอน เสนาบดีกรีก และพระเพทราชา ท่านทูตโกษาปาน ผู้นำขบวนแถวขุนนางไทย

นี่คือนวนิยายระดับเหนือชั้น ที่จะทำให้มุมมองต่อประวัติศาสตร์ของคุณเปลี่ยนไป !

พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วนั้น มองไกลๆงามราวชลอสวรรค์ลงมาบนพื้นดิน ยิ่งมองตอนกลางคืน ทั้งจากมุมบนถนนราชดำเนินก่อนขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า และมองจากแม่น้ำเวลาล่องเรือ

ครอบครัวคุณLittle Jazz น่ารักมาก ที่มีบรรยากาศการได้เรียนรู้วิชาการซึ่งกันและกันอย่างสนุกสนาน ปลูกฝังและบ่มเพาะทางศิลปะและวัฒนธรรมกันได้ดีมากเลยค่ะ

 รุกสยามในนามพระเจ้า พี่อ่านแล้ว สนุกมาก วางไม่ลง อ่านแล้วรักชาติขึ้นอีกมาก คนข้างกายนั้นเป็นคนอยุธยาแท้ๆ เขาบอกว่าในประวัติศาสตร์นั้นไม่มีฝรั่งชาติใดจะเลวเท่า อิ อิ ดีที่เขาพูดว่าในประวัติศาสตร์ พยามไม่นึกปรุงแต่งว่าเขาพูดแดกดันเราที่เรียนจบจากฝรั่งเศส อ่านเล่มนี้จบทำให้เกิดแรงบันดาลใจไปอ่านจดหมายเหตุของลาลูแบร์ต่อ

  • น้องแย้มยุ้ยถ่ายรูปสวยมาก
  • อย่างไม่น่าเชื่อ
  • ฮ่าๆๆ
  • ได้รับความรู้ดีๆๆนึกว่าลั่นถัน
  • จะมีแต่ตัวสิงโตหรืออย่างอื่น
  • ไม่คิดว่าเป็นแบบหน้าน้องแก้มยุ้ยก็มี
  • อิอิอๆๆ(ล้อเล่น)
P คุณนายดอกเตอร์

ขอบคุณค่ะสำหรับคำชมเรื่องครอบครัว คือบ้านเรามีสมาชิกอยู่แค่นี้ เวลามีอะไรก็มาแลกเปลี่ยนคุยกัน เด็กตัวเล็กตัวน้อยก็นั่งอยู่เลยพลอยได้รับรู้จนซึมเข้าไปเองด้วย ตั้งแต่สมัยพ่อยังอยู่ก็ชอบเอาวรรณคดีมาเล่าให้ลูกๆ ฟังแทนนิทานก่อนนอน เลยเป็นเหมือนธรรมเนียมของบ้านต่อมายังรุ่นหนู น้องชายเขาเล่าเรื่องรามเกียรติ์ให้หลานฟังเป็นตอนๆ ก่อนนอนด้วย น่ารักมาก

พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่สวยงามมาก ยิ่งได้ใช้เวลาเพ่งพินิจทีละส่วน แล้วก็ถอยมาดูภาพรวมก็ยิ่งงดงาม จากนั้นก็มาศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่เราได้เห็น แล้วก็ย้อนกลับไปดูใหม่อีกครั้งก็จะได้มุมมองที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าครั้งแรก และพอดูหลายๆ ครั้งก็จะเห็นจุดที่น่าสนใจในรายละเอียดเพิ่มขึ้นใหม่ตลอด เฉพาะวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง ถ้าจะดูให้ถ้วนถี่นั้น สองอาทิตย์ยังไม่พอเลยค่ะ

อิ อิ คนใกล้ๆ ตัวหนูก็อยุธยาแท้แต่โบราณทั้งตระกูลเลยค่ะ เลือดรักชาติรุนแรงเหมือนกัน ^ ^ จดหมายเหตุลาลูแบร์นั้นที่บ้านก็มีทั้งสองเวอร์ชั่น อ่านเมื่อนานมากแล้ว ถ้าอ่านแล้วมีอะไรสนใจมาลปรร. ก็ยินดีนะคะ แต่ถ้าคุณนายดอกเตอร์ได้อ่านภาษาต้นฉบับก็จะยิ่งดีใหญ่ เผื่อจะได้มาเปรียบเทียบว่ามีอะไรแตกต่างกับฉบับภาษาไทยบ้างค่ะ
P ลูกพี่ขจิต

เฉน็งไอมาเวิ่งเว้า วู่กา อย่างนั้นล่ะ (เปล่าตั้งใจหยาบนะ ยืมคำมาจากท่านสุนทรภู่อ่ะ) ถ่ายรูปแบบนี้ไม่นับว่าสวยในพจนานุกรมของเราหรอก ถ่ายเพื่อเอามาศึกษาทำงาน เดี๋ยวไว้คืนนี้จะลองค้นเอาที่สวยจริงๆ มาให้ดู เป็นภาพที่ตั้งใจถ่ายในแนวอาร์ตแล้วจะรู้ว่าสวยจริงเป็นยังไง

โอ้ยเรื่องลั่นถันนี่เล่าพอสังเขปเท่านั้น ประวัติละเอียดนี่ยาวเป็นกิโลเลย หึ มีการมาว่าน้องอีกนะว่าหน้าเหมือนลั่นถัน เค้าไม่มีหนวดเคราสักหน่อย

ชอบมะประวัติศาสตร์เขียนแบบหนุกๆ อย่างนี้ ไว้ว่างๆ จะมาเล่าเรื่องจอมโจรวังหลวงให้ฟังมั่งดีกว่า เรื่องจริงนะ เป็นเรื่องราวใหญ่โตมากทีเดียวล่ะ ชื่อนาย "ฮกเซ่ง" เกริ่นเป็นน้ำจิ้มให้อยากฟังแค่นี้ก่อนนะ ไปทำงานต่อล่ะ ^ ^

สวัสดีอีกทีค่ะ

P

เคยอ่านผ่านๆนานแล้วค่ะหนังสือ รุกสยามนี้ นานมาก อาจารย์ภาษาไทยแนะนำให้อ่านในห้องสมุด  คงต้องไปหาอ่านใหม่แล้ว

ดีจริง ครอบครัวที่มีacademic environmentอย่างนี้ หายากค่ะ เดี๋ยวหลานก็ซึมซับไป ดีไม่ดี เก่งกว่าคุณอาอีก

มาอ่านcommentของอาจารย์ยุวนุชเรื่อง อยุธยาแล้ว ต้องบอกว่า ภูมิใจนะคะ ที่ศิลปินเอกของเราอีกคน คุณ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ยกย่องว่า กรุงเทพฯนี้เป็นฉบับบย่อของกรุงศรีอยุธยา อยุธยาเป็นความยิ่งใหญ่จริงๆของประเทศชาติ เป็นจิตวิญญาณของคนไทย เป็นต้นแบบของกรุงเทพฯ

ภูมิใจ ในความเป็นคนไทยค่ะ

ฝรั่งเศสน่ะ เขาอนุรักษ์เมืองหลวงเขาอย่างดี Inner Paris รายได้จากการท่องเที่ยวมากมายมหาศาล อยากให้เมืองเอกๆของเราหลายๆเมือง ได้รับการดูแลอย่างดียิ่งอย่างนั้น บ้าง

ไม่ได้อิจฉาเขานะ ที่คนอเมริกัน ฝันถึงขนาดนั้น แต่อยากให้เราเป็นแบบนั้นบ้างค่ะ

เมื่อเดือนก่อน ไปเที่ยวอยุธยา ก็สวยงามสะอาดมากขึ้น ดูดีขึ้นค่ะ เห็นนักท่องเที่ยวพอควรเลย แม้เป็นวันธรรมดา

ประเทศเราต้องเน้นการท่องเที่ยว การบริการค่ะ ถึงจะรุ่ง

  • งดงามมากคะ...เกินจะบรรยาย
  • แต่เอรูปล่างสุดไม่ขึ้นคะ...เป็นที่เครื่องตัวเองหรือไม่นะ
  • พรุ่งนี้จะแวะมาอีกนะคะ
คุณ Naree

น่าจะเป็นที่เครื่องคุณนารีเองนะคะ เพราะดูได้ปกติทั้งเครื่อง Notebook และ Desktop ค่ะ เดี๋ยวกลับบ้านไปแล้วจะลองดูอีกทีค่ะ ถ้ายังไงลองเคลียร์ cache ที่เครื่องดูด้วยนะคะ เผื่อจะดูได้

แวะมาเก็บเี่กี่ยวความรู้อีกแล้ว ศิษย์น้อง P ความรู้เยอะดีมากเลย แถมรูปประกอบก็ดีอีกต่างหาก สำหรับพี่ถ้าไม่ได้ดูในรูปเหล่านี้ คงไม่มีโอกาสได้เห็นเลย โดยเฉพาะรูปที่บอกว่าต้องใช้กำลังภายในชั้นเทพไปหามาน่ะ ^ ^  ขอบคุณหลายที่เอามาแบ่งปันนะจ๊ะ

เวลาที่พี่ไปวัดพระแก้ว ส่วนใหญ่ก็ไปกราบหลวงพ่อแก้วเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแหละ แต่เวลาเข้าไปในบริเวณพระบรมมหาราชวัง ก็รู้สึกเหมือนกันนะว่าเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ แต่บังเอิญเราไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ค่อยรู้ที่มาที่ไปของสิ่งที่เราเห็น ก็เลยลดความสนใจไปเยอะ ^ ^   แ่ต่ก็ชื่นชมศิลปะสวยๆ นะ คิดว่าแต่ละท่านจะต้องใช้ความพยายามขนาดไหน ในการวาด การปั้น ฯลฯ ทึ่งน่ะ ^ ^

ไม่แน่ใจนะคะพี่ศศินันท์ว่าเป็นเล่มเดียวกันหรือเปล่าที่พี่อ่าน อาจจะเป็นคนละเล่มแต่ชื่อคล้ายกันมั้งคะถ้าได้อ่านตั้งแต่เป็นนักเรียน เพราะเล่มนี้ผู้เขียน Morgan Sportès  ตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาฝรั่งเศส โดยสำนักพิมพ์ Seuil เมื่อปี 1993 และฉบับแปลเป็นไทยที่ใช้ชื่อว่า "รุกสยามในพระนามของพระเจ้า" พึ่งจะจัดงานเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว คือปี 2006 เอารูปปกต้นฉบับมาให้ดูเผื่อจะคุ้นตาบ้าง

P ศิษย์พี่รอง

ก็อย่างที่บอกว่าความรู้ยังน้อยนิด มิบังอาจอวดอ้าง แค่เคยอ่านรู้มาบ้าง น้องชายเล่าให้ฟังบ้าง ก็เก็บเอามาเล่าต่อให้ได้รู้กัน ไม่ได้เชี่ยวชาญมากมายแต่อย่างใด ที่ศิษย์พี่รองได้ไปวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังบ้างนั้นก็ดีแล้ว ถึงจะรู้จะไม่รู้ก็ได้ชื่นชมกับความงาม มันดีกว่าไม่เคยไปเลยนะ บางคนเป็นคนไทยมาชั่วชีวิตก็ไม่เคยได้มีโอกาสมาชมความงดงามและยิ่งใหญ่ของสิ่งมหัศจรรย์ระดับโลกนี้ค่ะ

รุกสยามฯ พี่อ่านฉบับแปลค่ะ ภาษาฝรั่งเศสไม่สามารถใช้การได้ขนาดอ่านวรรณกรรมหรอกค่ะ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสก็จริง แต่ก็เป็นโปรแกรมInternational ใช้แต่ภาษาอังกฤษ

คุณLittle Jazz ไปอยุธยาอีกบ้างหรือเปล่า ครั้งต่อไปขอเชิญแวะเยี่ยมทำความรู้จักกันบ้าง คนใกล้ตัวเป็นคนอยุธยาอำเภออะไรคะ อยากให้พวกเลือดรักชาติเข้มข้นได้พบกันหากมีโอกาส

P
สวัสดีค่ะ
ถ้าเป็นภาษาฝรั่งเศสอย่างนี้ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ปกนี้ ที่ไปค้นที่ห้องสมุดตามอาจารย์สั่ง น่าจะคนละเล่ม  แต่มีชื่อคล้ายคลึงกัน และก็อ่านผ่านๆเพื่อเอาข้อมูลนิดหน่อยมาประกอบรายงานชาวต่างชาติที่พยายามจะมาครอบครองไทยค่ะ เรื่องลักษณะนี้ มีคนเขียนหลายท่านเหมือนกันค่ะ
น้องซูซานเก่งจริงๆนะ  เป็นนักอ่านด้วย จริงๆแล้ว จะย่อยออกมาย่อๆก็ดีนะคะ เรื่องราวคล้ายๆอย่างนี้ มีคนเขียนลงที่นิตยสารดิฉันด้วย ยังตามอ่านเขาทุกตอนค่ะ สนุกดี แต่ใจจริง อาจจะอิงนิยายด้วยหรือเปล่าไม่ทราบ  เพราะอ่านแล้วสนุกแบบมีplotเรื่องเหมือนกัน
 แต่ตอนนี้จบไปแล้ว ดีไม่ดี เขาอาจแปลมาจากเรื่องที่น้องซูซานเอามาให้ดู ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสก็ได้ 
เพิ่งรู้ว่า ที่นี่มีคนใกล้ตัว เป็นชาวอยุธยาสองคนแล้ว
บ้านคุณพ่อพี่มีของเก่าแยะ คุณพ่อไปซื้อมาจากอยุธยาบ้าง จ้างคนเขางมบ้าง เห็นแล้วเสียดายแทน  คนที่เอาของเก่าในครอบครัวมาขาย น่าจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน แต่ก็เห็นใจ ถ้าเขาไม่มีปัญหาเศรษฐกิจ เขาคงไม่เอามาขายหรอกค่ะ

 
P คุณนายดอกเตอร์

หนูก็อ่านฉบับภาษาไทยค่ะ ภาษาฝรั่งเศสนี่ยังกระจอกมาก ห่างไกลต่อการอ่านวรรณกรรมอย่างแรง
ได้ไปอยุธยาบ้างเหมือนกันแต่ไม่บ่อยเพราะขี้เกียจ คือไปตามเทศกาล เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง ปีใหม่ ไปไหว้ผู้ใหญ่และไปฝากท้องขอของอร่อยๆ กิน คุณแม่ของคนใกล้ตัวทำอาหารและขนมอร่อยมาก ขึ้นชื่อในแถบนั้นทีเดียว เขาเป็นคนอำเภอบางบาลค่ะ บ้านก็ติดริมน้ำเหมือนกัน แต่แถวนั้นยังไม่ค่อยเจริญ ไม่มีอะไร เงียบๆ เมื่อกี้พึ่งจะบอกว่าสั่งต่อเรือใหม่มาลำนึงเตรียมรับน้ำ และวันนี้เย็นก็จะกลับไปสำรวจของว่ามีอะไรต้องเตรียมต้องเก็บบ้าง นี่ก็สั่งให้เอาโรตีสายไหมติดมือกลับมาด้วย
P พี่ศศินันท์

ชอบอ่านหนังสือพวกนี้ค่ะ สนุกและได้ความรู้ดีค่ะ

สวัสดีค่ะ

P

วันนี้ไปSiam Discoveryมา มีรายการฉลองครบรอบ 10 ปี จัดรายการหลายรายการทีเดียวกัน เสียงดังมาก

ไปเดินหาหนังสือที่น้องบอก ได้แล้วค่ะที่ Asia Book เป็นแบบนวนิยาย ยังไม่เคยอ่านแบบนี้ เคยอ่านแต่แป็นแบบประวัติศาสตร์จริงๆ  แต่สับสน ชื่อ  สยามๆๆ คล้ายกัน นานมากแล้วค่ะ

เปิดดูมี 715หน้า รวมหมด อ่านไปบ้างแล้ว สนุกค่ะ

ขอบคุณที่แนะนำ แต่สงสัยน่าจะมีปรุงชูรสหน่อยๆไหม

วันนี้ ทานโรตีไสไหมหรือยังคะ

แต่ก่อนไปอยุธยาทุกอาทิตย์ แถวโรจนะ มีร้านอยู่ที่นั่นค่ะ  สวนอุตสาหกรรมโรจนะมีโรงงานอุตสาหกรรมมาก เจริญขึ้น ถนนกว้างขวาง แต่ ไม่น่าอยู่แบบริมน้ำ ผู้คนพลุกพล่านค่ะ

พี่ศศินันท์

ยังไม่ได้เลยค่ะ ต้องรอเขากลับมาพรุ่งนี้ถึงเอามาให้ ไม่งั้นก็วันจันทร์ ไม่ได้เร่งอยู่แล้ว อยากให้ใช้เวลาอยู่กับแม่นานๆ สงสารแม่เขาคงคิดถึงลูกชาย เราก็บอกว่าค้างไปเลย กินข้าวกับแม่แล้วพรุ่งนี้ให้พาไปวัดด้วย เย็นๆ ค่อยกลับมาเพื่อทำงานในวันจันทร์ ไม่มีอะไรต้องรีบกลับมาทำซะหน่อย หนมน่ะเมื่อไหร่ก็รอได้ ไม่ซีเรียส

อยุธยามีอะไรน่าสนใจเยอะ นี่ยังคุยกับน้องชายอยู่เลยว่าน่าจะยกกันไปหมดบ้าน อยากไปเยี่ยมกุ้งแม่น้ำเผา เอ้ย เยี่ยมแม่เขาสักหน่อย อิ อิ

วันนี้ฟรีเดย์เลยไปกินอาหารญี่ปุ่นกันอีกแล้ว เห็นโอโคโนมิยากิสวยดีเลยถ่ายรูปมาด้วย เดี๋ยวเอามาโพสต์ให้ดูค่ะ
นี่ค่ะหนึ่งในอาหารมื้อค่ำวันนี้ Okonomiyaki อร้อยอร่อย

คุณLittie Jazz

           อ่านแล้วเหมือนได้เที่ยวเอง ผมเพิ่งพาลูกๆ ไปพระบรมมหาราชวังและเลยไปไหว้พระแก้วมรกต เมื่อวันแม่แห่งชาติ เสียดายที่บางมุมก็ไม่ได้เข้าไป ลูกๆ อยากได้ความรู้ก็ต้องเล่าให้ฟัง ทั้งภาพทั้งเรื่องดีครับ

         ว่างๆ พาผมไปดูบางมุมของกรุงเทพฯ บ้างครับ ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯมากว่า 16 ปี แล้ว กรุงเทพฯ เปลี่ยนไปมาก ดูแคบกว่าเดิม คนมากกว่าเดิม รถเมล์ยังนรกเหมือนเดิม แต่ไม่คุ้นเลยกับรถไฟฟ้า ยังไงช่วยเล่าช่วยเอาภาพมาให้เห็นหน่อยนะครับ นึกว่าสงสารคนบ้านนอกอย่างผมก็แล้วกันครับ

P อ.กรเพชร

เดี๋ยวไว้จะลองดูค่ะว่ามีภาพของกรุงเทพฯ ในแต่ละมุมเยอะพอที่จะเอามาเล่าหรือเปล่า

รถไฟฟ้านี่มีประโยชน์ต่อคนกรุงเทพฯ มากนะคะ หลายครั้งที่หนูจอดรถทิ้งไว้แล้วนั่งรถไฟฟ้าไปเพราะรถติดมาก บ้านหนูนี่อยู่ทำเลดี มีสถานีรถไฟฟ้าบนดินกับใต้ดินขนาบสามข้าง (ด้านหลัง  ข้างซ้าย และด้านหน้า) และมีทางด่วนขนาบสองฟาก (ด้านหน้า และข้างขวา) สะดวกมาก อยู่ในรัศมีไม่เกิน 1 กม.ทั้งนั้น ด้านหน้านี่ใกล้ขนาดเดินถึง

รถเมล์ไม่ได้ขึ้นมา 12-13 ปีแล้วค่ะ น่ากลัว ยังขับนรกกันเหมือนเดิม
มื้อค่ำวันนี้จ้า ส่งตรงถึงบ้าน

แวะมาเยี่ยมน้องแก้มยุ้ยจ้ะ

  • ขอบคุณสำหรับอาหารค่ำพร้อมกับพาเที่ยวชมและชื่นชมศิลปะจ้ะ....
  • คืนนี้ห้ามน้องนอนดึกนะจ๊ะ....พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน...ไป...เข้านอนได้แล้วตัวเอง
พี่ติ๋ว เมื่อคืนเห็นแล้วแต่ง่วงเลยไปนอนตามคำสั่ง คืนนี้แอบมาเปลี่ยนโฉมใหม่ให้กับบล็อกตัวเอง ทำให้คนอื่นมาเยอะแล้ว เปลี่ยนให้ตัวเองบ้าง new look
-ชอบเรื่องแบบนี้มากเลย ขอบคุณค่ะ
  • แก้มยุ้ย..
  • พี่ชอบมากเลยนะ   สวยมากเลย
  • เวลาพี่ไปวัด  พี่ก็จะยืนดูศิลปะเหล่านี้นานมาก
  • จนคนอื่นคอยเร่งเป็นประจำ
  • ดีใจจังที่เด็กๆรุ่นอย่างซูซานชอบ
คุณหมออนิศรา

ยินดีค่ะ ไว้มีโอกาสจะหาเรื่องแนวนี้มาลงให้อ่านกันอีก
พี่ลูกหว้า

ขอบคุณนะที่ชม จริงๆ พี่กะหนูก็ห่างกันไม่กี่ปีเองอ่ะ ไม่ถึง 5 ปีเลยนะ พูดจาเหมือนคนแกร่ไปด้าย อิ อิ ^ ^

โอ้โห...เปลี่ยนทั้งล็อทเลยเหรอแก้มยุ้ย.....ดูขลังๆดี  แต่พี่ชอบหวานๆน่ะ..แบบนี้ดูเคร่งขรึม  น่าเกรงขาม  เหมาะกับพี่ใหญ่มากกว่า....ตัวเองเอาตุ๊กตาซี่...เค้าชอบ......

เออ...แต่ไม่ต้องหรอก....ตุ๊กตามันดูเด็กๆไป  นี่แหละถึงเป็นศิลปะ...เหมาะกับศิลปินเช่นน้องดีเหมือนกันแฮะ...ดูคลาสสิคดี

แหมพี่ หนูพ้นวัยเล่นตุ๊กตาไปชาตินึงแล้วอ่ะ นี่มันแบบอาร์ตๆ เข้ม ดูดีสมฐานะไง 555 เปลี่ยนยกล็อต ชุดนี้ชื่อ "ปารีสรำลึก" ชื่อโบมะ พยายามทำเลียนแบบเว็บ คือเวลาดูเมนูไหนชื่อเมนูกับรูปก็เปลี่ยนไปใต้คอนเซ็ปต์เดียวกัน ภาพที่เห็นนี่เป็นทุกมุมของปารีสเลยนะ ทั้งสถาปัตยกรรม ทั้งบรรยากาศ คือ...ทำให้คนอื่นมาเยอะแล้ว พึ่งจะมีโอกาสดูแลบ้านตัวเองบ้าง
แต่รูปตัวเองแอ๊บแบ๊วไปหน่อย เดี๋ยวจะลองหารูปที่ดูขรึมกว่านี้มาเปลี่ยน แต่ท่าจะหายาก เพราะชอบทำหน้าติงต๊องเวลาถ่ายรูป
น้องแต่งแบบไปเรื่อยๆก็ดีเน๊อะ....ทำให้พี่ได้หัดเรียนรู้ศิลปะมากขึ้น...เผื่ออารมณ์จะได้เป็นศิลปินกะเค้าบ้าง...ไม่งั้นเวลาเค้าคุยกันฟังไม่ค่อยเข้าใจจ้ะ
เปลี่ยนโทนสี background นิดนึงตามคำแนะนำของศิษย์พี่ใหญ่ ให้มีสีสันมากขึ้นไม่ขรึมเหมือนของเดิม อือ ปรากฏว่าได้ผลแฮะ ดูดีขึ้นทันใด สีฟ้าที่เปลี่ยนนี่เป็นสีโปรดทีเดียว มีเสื้อสีแบบนี้ด้วย ชอบมาก ดูมีคลาส ไม่โดดเปรี้ยงออกมา แต่ก็ดูสวยทน
  • สวัสดีค่ะ คุณซูซาน..

ชอบ ล่ะ  ^_^    ทุกสิ่งทุกอย่างของสถานที่บอกเล่าเรื่องราวและประวัติศาสตร์ความเป็นมา   กว่าจะผ่านพ้น  กว่าจะเป็นได้อย่างที่เห็นเช่นทุกวันนี้    ภูมิใจนะคะ

ช่ายแล้วคุณต้อม นอกจากภูมิใจแล้วยังหวงแหนอีกต่างหาก อยากให้ประวัติศาสตร์ถูกรักษาไว้อย่างดี แต่ไม่ใช่เก็บเข้ากรุ ควรจะอนุรักษ์แต่มีการเผยแพร่ความรู้ให้กับชนรุ่นหลังอย่างถูกวิธีและเข้าใจด้วย

น้องเล็ก

แวะมาดูลุคใหม่ไฉไลกว่าเก่า

ดูอาร์ตดีและมีกลิ่นอายคลาสิคซ่อนอยู่บ่งบอกรสนิยม

สีใสมากขึ้น ค่อยดูเป็นหญิงขึ้นมาหน่อย

มุมในวัดพระแก้ว ยังตราตรึงในหัวใจ สมัยเรียนต้องกระเตงกระดานสเก็ตซ์ หิ้วสีกระป๋องน้ำมาเขียนรูปทุกอาทิตย์

จนตีซี้กับยามหน้าประตูได้

ออกตอนประตูปิดได้หลายครั้ง ตอนเขียนรูปติดพันไม่เสร็จสักที...

เคยมีสาวๆในวังมานั่งดูตอนเขียนรูป

เอาน้ำมาให้กินด้วย...แถมยกร่มคันโตมาบังแดดให้ หากใครเคยเข้ามาวัดพระแก้ว ตอนบ่ายๆจะรู้ว่าแดดโหดเพียงใด ดีแต่มีสาวเจ้าใจดีมีไมตรี

เลยเขียนรูปจนเสร็จโดยไม่เปลี่ยนลุคเป็นนิโกรไปก่อน

 

P ศิษย์พี่ใหญ่

เจอสาวในวังตอนกลางวันประตูเปิด ดีกว่าเจอตอนประตูปิดแล้วนาเนี่ย ผมจะร่วงหมดหัวเอา เหอๆๆ แหม..ไปที่ไหนก็มีสาวๆ มาคอยปรนนิบัติพัดวีนะนั่น ไม่เบาตั้งแต่หนุ่มๆ เลยพี่เรา

ตำนานกุ๊กๆ กู๋ ในวังเยอะมากค่ะ ขนาดเมื่อไม่นานมานี่มีลุงที่เป็นตำแหน่งพนักงานชาวที่ มาเปิดประตูด้านบนตำหนักคลังช้าไป (ตำหนักนี้เคยเป็นที่อยู่ของพระองค์เจ้าหรือเจ้าจอมนี่ล่ะ อยู่ใกล้กับตำหนักพระนางเจ้าสุขุมาลย์มารศรี ส่วนนี้อยู่ฝ่ายใน) ประตูที่เคยเป็นห้องบรรทมสั่นเขย่าเองจากด้านใน ตอนเช้า 9 โมง ย้ำว่าเช้า ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่หลายคน คุณลุงบอกให้ชาววังที่มุงถอยออกไปก่อน พอเปิดปุ๊บก็มีลมสวนวูบออกทางประตู ประตูเปิดปัง สยองอ่ะค่ะ...
  • สวัสดีค่ะ  คุณซูซาน ..

เห็นด้วยจัง  ควรจะรู้อนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้ความเป็นมาของชาติ  ของโบราณสถานไทยให้ชนรุ่นหลังได้รู้ซึ้ง..ได้เข้าใจ

อื้มมม  ป.ล.  รูปนี้ดูน่าร๊ากกก แล้วค่ะ คุณซูซาน  อย่างกะเด็กสาวรุ่น ๆ แน่ะ   ตาโต แก้มป่อง  ตามเทรนด์เลย 

อ้าว คุณต้อมเปลี่ยนรูปซะแล้ว ไกลจังไม่เห็นหน้าเลย เขยิบเข้ามาหน่อยจิ รูปซูซานอันนี้ถ่ายเองนะ เล็งดูภาพของ LCD กล้องดิจิตอล ผ่านในจอคอมที่สะท้อนภาพด้วยกล้องของโน๊ตบุ๊คอีกที งงมะ ถ่ายเมื่อครึ่งปีที่แล้วเองน้าเนี่ย ถ่ายในห้องทำงานตัวเอง คิกขุมะ ตัวจริงไม่ค่อยขุ หรือโน๊ะเน๊ะเท่าไหร่หรอก แต่แก้มยุ้ยอย่างนี้เนี่ยของจริง (เราก็ยังรุ่นอยู่นะ แต่อาจจะเป็นรุ่นเดอะไง อิ อิ)

น้องเล็ก

  • ปล่อยพี่ใหญ่เธอเถอะ...ท่าทางเธอชอบให้มีสาวๆเอาใจ...ในวัด ในวา ในวัง ยังไม่เว้น...เฮ้อ...นี่ถ้ายามเป็นผู้หญิงคงเอาร่มคันโตมาบังแดดให้ซะเอง...อิอิ.....
อันนินทากาเลนี้มันไม่ดีนะพี่ติ๋ว เดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่ตามมาอ่านเจอเข้าก็รับไปเต็มๆ 555 หนูป่าวน้าพี่ติ๋วเขามาเอง ^ ^
  • สวัสดีวันสุขค่ะ  คุณซูซาน..

ให้ไกล ๆ เข้าไว้ เพราะหากเห็นหน้าจัง ๆ  คุณซูซานจะผวาอ่ะดิ   ไว้อารมณ์เบิกบานจะเขยิ๊บ เขยิบเข้าใกล้อีกนิดนะจ๊ะ  555 

เห็นด้วยว่าเราเนี่ยยังรุ่นอยู่  อิอิ  รุ่นไหนก็ไม่รู้

วันศุกร์ขอให้สุขในนะคะ 

ไม่กลัวหรอกคุณต้อม เรามีไม้กางเขนนะ 555 วันนี้บ้านเร็ว ซื้อติ่มซำกับเป็ดย่างมาให้คนที่บ้านกิน แล้วก็ได้โน๊ตบุ๊คที่เอาไปเข้าศูนย์กลับคืนมาแล้ว เพราะฉะนั้นศุกร์นี้สุขใจดีค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท