วันนี้คุณอ่านหนังสือแล้วหรือยัง???


ยังไงหนังสือก็ Never Die



วันนี้คุณอ่านหนังสือแล้วหรือยัง คำพูดนี้ผู้เขียนดัดแปลงมาจากโฆษณานมชิ้นหนึ่งเพื่อเตือนใจตัวเอง
เพื่อให้ทุกวันอย่างน้อยก่อนนอนสักยี่สิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมงจะต้องจัดเวลาไว้อ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็น
ประเภทไหนก็ตาม บางครั้งก็นิทาน ประวัติศาสตร์ นิยาย ตำราด้านอาร์ต หรือแม้กระทั่งไบเบิล ฯลฯ 
อะไรก็ได้ขอให้ได้อ่าน เพราะมีความเชื่อส่วนตัวว่าทุกครั้งที่เราอ่านหนังสือ เราจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ
เติมเข้ามาในสมอง
แม้ในระหว่างวันที่ทำงานบ่อยครั้งที่ต้องหยิบหนังสือขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ
อ้างอิงในงานที่ทำ หรือเมื่อติดปัญหาอะไร หลายครั้งหนังสือที่อยู่ใกล้มือก็เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาได้
ถึงแม้ทุกวันนี้หนังสือที่อ่านส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับวิชาชีพของตัวเองก็ตาม แต่ก็ยังรู้สึกดี
ที่ได้อ่านไม่งั้นรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปบางอย่าง

และด้วยความเชื่อว่าการอ่านหนังสือเป็นการติดอาวุธทางปัญญานี้เองทำให้ผู้เขียนพยายามผลักดัน
ให้หลานชายสุดที่รักอ่านหนังสือ แรกๆ ก็ไม่อ่านเพราะยังเล็กไป อ่านไม่ออก ดูแต่ภาพไปก่อน 
เราก็พยายามซื้อหนังสือที่ดึงดูดใจ เหมาะกับวัยของเด็ก มีสีสัน ภาพประกอบ และเรื่องราวที่เด็ก
เข้าใจได้ง่าย ค่อยๆ เริ่ม จากหนึ่งเป็นสองเป็นสิบและตามมาอีกหลายๆ สิบเล่ม จนลามไปถึง
Encyclopedia ที่เป็นชุดสำหรับเด็ก ตอนนี้กลายเป็นภาพที่คุ้นตาที่ยามว่างเขาก็จะนอนเอกเขนก
ที่โซฟาอ่านหนังสือ และมีอีกหลายเล่มที่เลือกมากองอยู่ด้านข้าง แม้ยามเข้าห้องน้ำ (อันนี้ย่าบอกว่า
เหมือนอาสองคนเปี๊ยบ ถอดแบบกันมา) ไม่ว่าข้าศึกจะบุกมารวดเร็วแค่ไหนก็ต้องคว้าหนังสือติดมือ
เข้าไปหนึ่งเล่ม นับว่าแผนการผลักดันนี้ผู้เขียนและน้องชายร่วมกันทำได้สำเร็จ หลานชายเริ่มอ่าน
หนังสือจนติดเป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังทำให้เขาอ่านหนังสือได้คล่องขึ้นจนเราสังเกตุได้
เมื่อเทียบกับเพื่อนในรุ่นเดียวกัน เมื่ออ่านคล่องก็จะสนุกในการอ่าน...

เคยได้ดูรายการจุดเปลี่ยนเมื่อนานมาแล้วเกี่ยวกับการอ่านหนังสือของเด็กไทย ในรายการเขาลอง
สุ่มตัวอย่างสำรวจ ปรากฏว่าครอบครัวที่พ่อแม่นิยมการอ่าน มีฐานะที่พร้อมกว่า ลูกมักจะติดนิสัย
ในการอ่านเนื่องจากได้รับการส่งเสริม
แต่ในทางกลับกัน ครอบครัวที่เน้นดูทีวี ไม่อ่านหนังสือ
หรือฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี เด็กจากกลุ่มตัวอย่างนี้ในอายุเท่าๆ กันจะอ่านหนังสือได้น้อยกว่ากลุ่มแรก
เป็นอย่างมาก
รวมถึงความรู้รอบตัวก็พลอยน้อยตามลงไปด้วย น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์นี้
เป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าคนกลุ่มแรกนั้นในสังคมมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มหลังมากทีเดียว เป็นเรื่องน่าแปลก
ที่บางครอบครัวพร้อมในเรื่องเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ส่งเสริมให้เด็กรักการอ่านหนังสืออยู่ดี กลับปล่อยให้เด็ก
ไปเรียนรู้เอาจากทีวี ซึ่งกลุ่มนี้ก็มีเยอะมากอีกเช่นกัน


มาถึงกลุ่มผู้ใหญ่บ้าง ผู้ใหญ่ในสังคมทุกวันนี้อ่านหนังสือมากแค่ไหน ส่วนใหญ่ที่อ่านก็คือหนังสือพิมพ์
นิตยสาร หรือไม่ก็ไม่อ่านเลย ดูแต่ทีวีเพราะเป็นความบันเทิงที่มีคนกรองมาให้เสร็จ ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้น
ของผู้ใหญ่ที่ไม่อ่านหนังสือ มาจากการที่เมื่อก่อนก็เป็นเด็กที่ไม่ได้ถูกปลูกฝังให้อ่านหนังสือมาก่อนหรือเปล่า
คือวนเป็นงูกินหาง คิดแล้วปวดตับ (ขอยืมคำพูดของอ. Wasawat Demarn มาค่ะ)

เดี๋ยวนี้มีคนบอกว่าหนังสือขายได้ลดลงเพราะพฤติกรรมการบริโภคของคนอ่านหนังสือเปลี่ยนไป
คือหันไปอ่านจากอินเทอร์เน็ตแทน
เมื่อพุธที่แล้วระหว่างทานอาหารเย็นได้มีโอกาสคุยกับ
คุณประทิน บูรณบรรพต (อดีตประธานบริษัทไทยฟูจิซีร๊อกส์) คุณอาประทินบอกว่าตั้งแต่สมัย
ยังไม่เกษียณก็ไม่เชื่อเรื่อง Paperless ทั้งที่ตอนนั้นในองค์กรและสังคมภายนอกฮิตมาก
ท่านว่ายังไงคนเราก็ยังถนัดในการอ่านหนังสือมากกว่าการอ่านผ่านจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ใหญ่ในโต๊ะหลายคน
ก็เห็นด้วยว่ายังไงคนก็ยังชอบอ่านหนังสืออยู่ดี เพราะด้วยเรื่องของความรู้สึกที่เคยชิน และการอ่านผ่าน
จอคอมนานๆ เป็นการทรมานสายตา ไม่สามารถอ่านได้นานต่อเนื่องเหมือนหนังสือและมีข้อจำกัด
ในการพกพา ซึ่งหลายๆ ข้อที่ท่านพูดมาเราก็เห็นด้วย ว่ายังไงหนังสือก็ Never Die ไม่สามารถ
แทนที่กันได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์

ขอจบทิ้งท้ายด้วยคำว่า "วันนี้คุณอ่านหนังสือแล้วหรือยัง"

ปล. หนังสือที่คุณชอบอ่านเป็นแนวไหนกัน ลปรร.กันได้นะคะ

..
คำสำคัญ (Tags): #การอ่าน#หนังสือ
หมายเลขบันทึก: 160020เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2008 17:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (49)

สวัสดีค่ะ

อ่านจบ ก็บอกว่า ใช่เลย  ยังไงหนังสือก็ Never Die ค่ะ

ในครอบครัวพี่เอง ลูกพี่ทำงานด้านตัวเลข ด้านเอกสาร ต้องใช้คอมพิวเตอร์เกือบตลอดเวลา แต่ความที่เขาติดการอ่านมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ คุณตา พ่อแม่ ทำให้เขา ยังมีอ่านหนังสือมากมาย ทั้งที่เกี่ยวกับวิชาชีพ และไม่เกี่ยว ก่อนนอนกับเข้าห้องน้ำ ต้องอ่านประจำ

ปัจจุบันมีสื่อมากมายหลายประเภทที่เป็นช่องทาง ให้เราได้รับข้อมูลข่าวสาร แต่หนังสือพิมพ์ ก็เป็นสื่อที่เราคุ้นเคยมานาน ง่ายต่อการพกพา ยังไงสังคมก้คุ้นเคยมากที่สุดค่ะ ชาวบ้านไกลๆ ยังอ่านหนังสือพิมพ์มากที่สุด

แต่ถึงยังนั้นก็ดีนะคะ หนังสือพิมพ์มีคู่แข่ง ทั้งจากภายในตลาดหนังสือพิมพ์ด้วยกันเอง และแข่งแบบข้ามตลาด...Cross Market Competition....เลยต้องปรับตัว มีการเสนอบทละครบ้าง ทำนายโชคชะตา เพื่อดึงดูด ความสนใจ บางแห่งใช้หลัก ของการรักษาจุดยืน ในการเป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพ

พี่เอง อ่านหนังสือพิมพ์ได้ทุกฉบับ แต่ชอบและเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ ที่เขามีจุดยืนว่า เป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพค่ะ เพราะเห็นว่า การเป็นสื่อกลางในสังคม ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยค่ะ

ยกเว้น ไม่อ่านนิยาย หริอพวกข่าว ตบตีกัน เห็นแต่พาดหัวข่าว ก็เดาเรื่องได้แล้ว

ส่วนหนังสือแมกกาซีนต่างๆ   ลูกเป็นสมาชิกเยอะ จนอ่านไม่หมด ตั้งแต่ การเมือง แฟชั่น การเงิน ท่องเที่ยว ตกแต่งบ้าน จนถึงพวก life style ต่างๆค่ะ  อ่านหลายอย่าง ค่ะ แต่ไม่จบซักเล่มเลย มันมากเกินไปจริงๆๆๆๆ

ไม่งั้นไม่ต้องกินข้าวแล้วค่ะ หมดเวลา อิๆๆๆ

 

 

ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับอาหารค่ะ ชอบทดลองทำอาหารสูตรใหม่ๆแปลกๆ เพราะที่บ้านมีแขกบ่อย หาไม่เราจะต้องทานซ้าซาก ใหม่สำหรับแขก แต่เราทานทุกครั้งที่มีแขก คงจะแย่นะคะ

และตอนนี้อ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และศิลป สถาปัตยกรรมเขมร น่าสนใจมากเลยค่ะ

จะบอกให้ว่าตอนเป็นเด็กอยู่บ้านนอก แกะถุงกล้วยแขกอ่านจริงๆด้วยนะ

ขอบคุณที่เอสเอ็มเอสไปหาเรื่องใส่ภาพในบันทึกไม่ได้นะคะ วันนี้ยังไม่ได้เขียนบันทึกใหม่เลย คนงานมาซ่อมท่อน้ำซะค่อนวันค่ะ

P  พี่ศศินันท์

ตลกดีที่คิดตรงกันว่ารับ magazine มากไปถ้าอ่านหมดก็ไม่มีเวลากินข้าวแล้วค่ะ แต่ก่อนรับเยอะจริงๆ ทั้งไทยทั้งฝรั่ง หนังสือพิมพ์สองฉบับ นิตยสาร 5 ยังไม่รวมหนังสือที่ซื้อมาต่างหาก ในที่สุดก็อ่านไม่ทัน ต้องตัดใจเลือกลดหนังสือพิมพ์เหลือ 1 นิตยสารเหลือ 2 ค่อยมีเวลากินข้าวขึ้นมาหน่อย เอิ๊กๆ

นิยายหนูกลับอ่านบ้างค่ะ แต่เป็นเรื่องๆ ไป บางครั้งก็อ่านเพราะชอบสไตล์ของคนเขียน อย่างทวิภพ เพชรพระอุมา harry potter, gone with the wind, มังกรหยก ฯลฯ เรียกว่าอ่านแบบสหประชาชาติค่ะ บางครั้งก็ได้รู้อะไรแปลกใหม่จากนิยายพวกนี้บ้างเหมือนกัน ผ่อนคลายดีไม่ซีเรียส

แต่ที่อ่านเยอะแบบจริงจังก็เป็นพวกวรรณกรรมไม่ว่าชาติไหนก็อ่านหมด ถ้าเขาแปลมาเป็นภาษาที่เราอ่านได้นะคะ ชอบมากๆ ทั้งวรรณกรรมทั่วไป และวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ส่วนที่อ่านเพราะจำเป็นก็พวก text book ด้านการออกแบบ หนังสือทางเทคนิคต่างๆ ค่ะ

อ้อ ลืมไป ถ้าเป็นหนังสือเล่มๆ แต่ก่อน ตอนเด็กๆ ชอบอ่านการ์ตูน และหนังสือนิยายของพนมเที่ยน และหนังสือวรรณคดีประกอบเรียนต่างๆ   ส่วนแมกกาซีน อ่านของคุณพ่อ เช่น พวก รีดเดอร์ไดเจสท์ อะไรพวกนี้

มาวันนี้ ชอบอ่านหนังสือธรรมะค่ะ ชอบมากๆ

มีคนให้ หนังสือ ปรัชญาตะวันออก และพา พระลามะมาที่บ้านด้วย ท่านมาเยี่ยมและให้พรอย่างดี เคยมีโยคี มาพักที่บ้านด้วย น้า......

หนังสือที่ท่านทะไลลามาแต่ง  เรื่อง The Art of Happiness และ The Dalai Lama’s Book of Wisdom ก็ดีค่ะ 

ตอนนี้ ชอบมองโลก ให้มันช้าๆลง แต่ คิดอย่างสงบมากขึ้นค่ะ ดีกับเรา ดีกับโลก

คุณนายดอกเตอร์

อาจารย์คะ เหมือนๆๆกันเลย หนังสือทำกับข้าว เต็มไปหมด หมายมั่นปั้นมือจะทำ แต่ ลงท้าย ให้แม่ครัว ทำทุกที

พุดถึงเรื่องทำกับข้าวทีไร มีแต่คนมองหน้า แบบไม่เชื่อสายตาค่ะ

เป็นไปได้ไงเนี่ย....ต้องฮึดสู้บ้างแล้ว

P  พี่นุช

555 อย่างงี้แขกชอบค่า เป็นเครื่องรับประกันว่าไปหาพี่แล้วมีของอร่อยให้กินแน่นอน
หนังสือประวัติศาสตร์นี่ก็อ่านเหมือนกันค่ะ ส่วนใหญ่อ่านฟรีเพราะน้องซื้อมา มีเยอะอยู่แล้วเลยไม่ต้องลงทุนเอง : )
พี่เหมือนคนที่หนูรู้จักคนนึงเลยที่แกะถุงกล้วยแขกอ่าน รายนั้นนี่อ่านแม้กระทั่งโฆษณาและพวกบทความย่อๆ ในแผนที่ที่เขาแจกตามที่ท่องเที่ยว

ที่ส่ง sms ไปเพราะเป็นห่วงสองอย่างค่ะ 1.ห่วงพี่ว่าจะใส่ภาพไม่ได้ 2.ห่วงว่าตัวเองจะอดดูภาพ เพราะกำลังสนใจอยากจะไปเที่ยวเลยอยากดูภาพประกอบการอ่านข้อมูล เขาเรียกว่ามี hidden agenda ค่ะ แต่เป็นไปในทางดี อิ อิ

วันนี้ยังไม่ได้อ่านค่ะ ^ ^

บางวันได้อ่าน บางวันไม่ได้อ่าน.. แบบว่าอ่านนิดนึง หน้า ๒ หน้า ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยๆ ค่ะ

ตอนนี้ที่อ่านเยอะคือหนังสือธรรมะ คล้ายๆ กับคุณพี่ศศินันท์ แต่็ก็เป็นการหยิบอ่านตามวาระและโอกาสที่มีจ๊ะ

ส่วนหนังสือที่ใช้สอนบ้าง ค้นคว้าบ้าง ก็จะอ่านโน่นนิดนี่หน่อยไปเรื่อยๆ น่ะ ไม่ค่อยได้มีเวลาอ่านเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่เลย แต่ตอน Harry Potter ออกแต่ละเล่มก็จะหาเวลาอ่านก่อนนอนตลอดจนจบ ^ ^

สวัสดีจ้ะน้องแก้มยุ้ย

เดินตาม อ.กมลวัลย์มาบอกว่าอ่านแล้วจ้ะ วันนี้อ่านเรื่องคินดะอิจิ ยอดนักสืบตอน 10 คฤหาสน์เขาวงกต เพิ่งจบไป ( หลังจากอ่านมา 2 วัน ^ ^ ความเร็วในการอ่านลดลงเยอะเลย ) 

ห้องสวยดีนะจ๊ะ สีสบายตาดี มีดอกไม้สีสดอยู่ด้วยสดใสเชียว ดูๆแล้วอ่านหนังสือหลายแนวดีจังเลย เข้าท่าแฮะ ^ ^

สวัสดีจ้า

  • ชอบไม่ชอบ  ก็อ่านจนสายตาเสียไปเลย
  • แหะ ๆ  ตอนเด็ก ๆ เคยมีความฝันว่าอยากมีบ้านเป็นห้องสมุด
  • พอโตมาเลยรู้ว่า
  • หนังสือมากไปจะทำให้เราไม่มีที่อยู่  อิอิ
  • ตอนนี้เพลา ๆ การซื้อหนังสือลงไปเยอะแล้วค่ะ แหะ
  • กลัวล้มละลาย
P  พี่ตุ๋ย

การอ่านหนังสือมันแล้วแต่เราจัดเวลาค่ะ อ่านอะไรก็ได้ถ้าคิดว่าดีมีประโยชน์ หรืออ่านแล้วผ่อนคลาย ให้ความสนุกสนานก็ไม่ผิด ดีทั้งนั้น ยกเว้นอ่านหนังสือแนวฆาตกรรม (อันนี้เฉพาะสำหรับหนูนะ) อ่านแล้วมันฝังใจชอบเก็บเอาไปฝันเรื่อย เลยไม่ชอบอ่านแนวนี้ค่ะ

เจอสาวกแฮรี่อีกคนแล้ว "เอ็กซ์เป็กโตรพราโตรนุม" ไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์หนูจะเป็นอะไร อยากให้เป็นกระต่ายค่ะ ^ ^ ไม่ชอบอะไรที่ตัวใหญ่ๆ หรือเป็นปลาทองก็ไม่เลว อิ อิ อ่านแล้วอินค่ะ สำหรับแฮรี่พอตเตอร์นี่ได้มาปุ๊บอ่านปั๊บ อ่านแบบม้วนเดียวจบ ล่าสุดซื้อตอนเย็นอ่านจบตีสามคืนนั้นเลย : ) เวลาอ่านหนังสือไม่จบเล่มรู้สึกว่ามันคอยรบกวนจิตใจ แต่มีเพื่อนบางคนโรคจิตสุด ชอบเปิดอ่านตอนจบก่อน หนูว่ามันเสียอรรถรสหมดเลยอ่ะ ขนาดก่อนที่หนังสือออกมา ไม่ยอมตามข่าวเลย กลัวรู้เรื่องก่อนจะหมดสนุก

และเป็นธรรมเนียมส่วนตัวว่า ถ้าต้องอ่านหนังสือที่มีภาคต่อ เวลาก่อนจะอ่านเล่มใหม่จะย้อนอ่านเล่มเก่าๆ ก่อนเพื่อให้เกิดอารมณ์ต่อเนื่อง คือหนูอ่านหนังสือเร็วอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาค่ะ น้องบอกว่าบ้ามากอ่านเข้าไปได้ไง non-stop ทั้งวันทั้งคืน ก็มันหนุกอ่ะ
  • ขอยอมรับว่าอ่านจาก internet มากว่า จากหนังสือค่ะ
  • เหตุผลเพราะสามารถเลือกอ่านได้ไม่จำกัดแล้วก็เสียเงินไม่มาก
  • และพิมพ์ออกมาเก็บสำหรับเรื่องที่จำเป็นต้องใช้ค่ะ
  • ส่วนหนังก็จะเลือกซื้อมาก แค่หนังเก่าๆที่สะสมไว้ก็จะไม่ที่เก็บแล้วค่ะ อาชีพครูบาอาจารย์ก็เป็นอย่างนี้ล่ะ
  • ลูกๆทั้ง3คนก็ชอบหนังสือทุกคนตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆส่วนใหญ่เป็นนิทานเด็กภาพสวยงาม และการ์ตูนวอลดีสนี โตมาชอบกันคนละแนวก็มีหนังสือกันเยอะจริงๆขนาดบริจากไปเป็นระยะๆก็มีใหม่มาเพิ่มเป็นประจำ
  • วันนี้อ่านหนังแล้วค่ะหหนังที่ครูบาฯท่านส่งมาให้ค่ะ
P พี่เบิร์ด

คินดาอิจินี่ใช่แนวเดียวกับโคนันหรือเปล่าคะ หนูอ่านแต่โคนัน อ่านมานานมากแล้ว ถ้าพี่ชอบแนวนี้หนูแนะนำเล่มนึง ซื้อเพราะชื่อ แต่อ่านแล้วก็แปลกดีค่ะ เป็นแนวที่ไม่พบบ่อยนัก เดาเรื่องยากเพราะตัวละครไม่ค่อยแสดงความรู้สึก อ่านแล้วบางตอนรู้สึกมันเงียบๆ วังเวงชอบกล แต่ไม่ได้น่ากลัว แนวชีวิตแบบคนญี่ปุ่นสมัยนี้เลย "ความลับ" ฮิงาชิโนะ เคโกะ เป็นคนเขียน
P  หมอกุ้ง

การซื้อหนังสือเยอะๆ ทำให้เป็นโรคได้ใช่มะ เป็นโรคทรัพย์จางไง เราเวลาขนซื้อหนังสือตามงานเยอะๆ ทีไรก็รู้สึกตัวเบาหวิว เหมือนจะเป็นลมยังไงก็ไม่รู้ อาการนี้จะเกิดมากในช่วงสัปดาห์หนังสืออ่ะ แต่โดยทั่วไปก็ซื้อนอกงานด้วย เวลาไปห้างทีไรก็อดแวะร้านหนังสือไม่ได้ ช้อปเผื่อหลานด้วยค่ะ

แต่การซื้อหนังสือเยอะทำให้เรามีโอกาสได้บ้านใหม่นะ เพราะว่าซื้อเยอะตู้ไม่พอใส่ก็ซื้อตู้เพิ่ม พอตู้เยอะก็ต่อขยายห้อง พอในที่สุดห้องจุไม่พอเราก็ต้องซื้อบ้านใหม่ไงล่ะ ^ ^

ปล. ข่าวล่าสุดจากน้องชายเมื่อกี้ว่าเราอดกินยาคูลท์แระ สาวยาคูลท์ที่มาส่งร้านแถวบ้านถูกรถชน เศร้าเลยสงสารเขาอ่ะ ไม่เกี่ยวกับหนังสือแต่อยากจะบอกง่ะ T_T
P  อ. Linhui

หนูมีตู้หนังสือที่เก็บเฉพาะหนังสือเก่าด้วยค่ะ เปิดออกมาทีไรจะเป็นลม ต้องคอยเปิดไว้ให้กลิ่นระบายไปบ้าง เหม็นอับหนังสือเก่าตุๆ หนูชอบได้หนังสือฟรีจากโรงพิมพ์ เพราะบางทีเวลาไปตรวจงานก็เห็นเขาพิมพ์หนังสือเด็ก นิทาน หรือหนังสือต่างๆ อยู่ ก็บอกเซลล์ว่าเก็บไว้ให้สักเล่มสิ เขาก็เก็บให้เพราะรู้ว่าเราชอบอ่านหนังสือ และมีหลานเล็กๆ บางทีรวมไว้นานๆ ก็ยกมาให้ที ครั้งหนึ่งเป็นกล่องใหญ่ทีเดียว เป็นธรรมดาของโรงพิมพ์ว่าต้องมีจำนวนเผื่อเหลืออยู่แล้วเลยประหยัดไปบ้างเหมือนกันค่ะ

-ถ้าเราจะเชิญชวนให้คนไทยชอบอ่านหนังสือ....คงต้องให้ตัวเองชอบอ่านก่อนนะคะ...อย่างน้อยนวนิยายหรือการ์ตูนก็ยังดี...

- บางครั้งเราจะสังเกต...หากเรานั่งอ่านหนังสือ...คนข้างเคียงเราเขาก็มัวแต่คุยกัน....นี่แหละน้องซูซานจ๋า...เราจะเชิญชวนเขาอย่างไรดี.....

P  ครูหล้า

ถ้าเอาแบบโหดก็ต้องเอา Text book เล่มขนาดน้องๆ สมุดโทรศัพท์เบิ้ดกลางกระโหลกไปหนึ่งทีแล้วบอกว่าเงียบๆ หน่อย คนจะอ่านหนังสือ แต่อันนั้นคนรอบข้างก็อาจจะเสียชีวิตได้ 555

วิธีของหนูสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือที่อยู่รอบข้างก็คือ หันไปคุยกับเขาเลยแล้วเล่าเรื่องสนุกๆ ที่เราได้อ่านมา เล่าแบบเหมือนพรีวิวหนังตัวอย่าง เลือกเฉพาะส่วนที่น่าจะดึงดูดความสนใจเขาได้ แล้วก็ปล่อยให้คาใจไม่เล่าผลสรุป ส่วนใหญ่ก็จะเอ่ยปากยืมเราเองเพราะทนไม่ได้ มันเป็นอุปนิสัยพื้นฐานของมนุษย์มั้งคะ คือถ้าคาใจอะไรก็อยากจะรู้ให้ได้ เริ่มจากพวกหนังสืออ่านเล่นก่อนก็ดี สร้างสะสมไปเรื่อยๆ ก็น่าจะเพิ่มนิสัยชอบอ่านขึ้นได้บ้าง

ยังไม่ได้อ่านหนังสือ  อ่านแต่ตัวหนังสือในบล็อกนี่ไง

 

วิธีให้หลานนิสัยรักการอ่านอีกอย่างคื เปิดอ่านนิทานให้หลานฟัง หรือเล่าเรื่องในหนังสือบางเล่มที่น่าสนใจให้ฟัง แล้วเขาจะไปอ่านต่อค่ะ

พี่ใช้วิธีนี้....ในการเลี้ยงดูเด็กที่บ้าน

ตอนนี้เธอ...หาซื้อหนังสือเองแล้วค่ะ

  • สวัสดีครับ..มาเยี่ยมครับ
  • ผมโชคดีที่มักจะได้รับหนังสือจากสำนักพิมพ์  จากหน่วยงานที่ไปบรรยาย  จากวัดหรือพระที่เราไปทำบุญ จากเพื่อนฝูงที่บางทีไปเจอหนังสือดีๆก็ซื้อมาฝากเราด้วย  จากเพื่อนนักเขียนที่รู้จัก เวลาออกหนังสือใหม่มาทีก็จะส่งมาให้เราอ่าน อยู่บ่อยๆ   (แล้วให้ช่วยวิจารณ์ด้วย)  บางทีก็ซื้อเอง หนังสือที่ผมอ่านจึงหลากหลายมากทั้งที่ชอบและไม่ได้ชอบ  แต่ก็อ่านได้  รวมทั้งหนังสือจากกูรูท่านต่างๆก็ให้ข้อมูล และเนื้อหาที่น่าสนใจมากครับ   
  • ผมก็อยู่ในกลุ่มชอบอ่านหนังสือเหมือนกันครับ ..เพียงแต่ว่าถ้ามีเวลามากพอก็ได้อ่านหลากหลายหน่อยครับ  
  • หนังสือมีมากเสียจนคนข้างๆ  แซวว่า..ถ้าตายคงไม่ต้องซื้อฟืน!!!!"...แป่วววว

แวะมาบอกว่าสังสัยผู้พิทักษ์ของพี่น่าจะเป็น ลิง อ่ะ ^ ^  เพราะสมัยก่อนอาโกวบอกว่าพี่เกิดวันลิง เวลาลิง และปีลิง 555555 แล้วก็เรื่องอ่านทบทวนเล่มเก่าก่อนอ่านเล่มใหม่พี่ก็เป็นเหมือนกัน..ไม่งั้นเล่มใหม่อาจไม่สนุกโดยเฉพาะกับเรื่อง series ที่มี detail เยอะๆ  พี่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบหนังสือชุดนี้นะ ไปซื้อเล่มแรกมาอ่านตอนออกสู่ตลาดพักหนึ่งแล้ว พออ่านแล้วรู้สึกเลยว่าคนเขียนมีจินตนาการเยอะดี ภาษาที่ใช้ก็ไม่ยาก เขียนอธิบายดี ทำให้เราเห็นภาพครบ ทั้ง platform 9 1/2 (จำเบอร์ไม่แม่นเสียแล้ว) หรือ diagon alleyฯลฯ หลังจากนั้นก็เลยจองเล่มต่อมาทุกเล่ม ^ ^ สนุกดี

อ้อ เพลง the way you look tonight เป็นเพลงที่ชอบมากเลย ยิ่งเล่นแบบ jazz นิดๆ เนี่ย dreamy ดีจัง

P  พ่อครูบาฯ

อ่านในบล็อกก็นับว่าอ่านเหมือนกันค่ะ บางวันหนูก็อ่านบนเน็ตมากกว่าอ่านหนังสือเหมือนกัน : )
P  พี่อุบล

เปิดนิทานให้ฟังนี่ไม่เคยทดลองใช้ แต่วิธีเล่าแล้วให้ไปอ่านต่อเองอันนี้น่าสนใจค่ะ เพราะปกติทำกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ยังไม่เคยลองใช้กับเด็ก แต่น่าจะได้ผลเหมือนกันเพราะความอยากรู้อยากเห็นนี่เด็กคงไม่แพ้ผู้ใหญ่ค่ะ
P  อ.พนม

เดี๋ยวนี้วัดเขาใช้เตาไฟฟ้าแล้วค่ะ กดปุ่มเดียวบึ้ม 555 มีเยอะก็เก็บทำห้องสมุดเลยค่ะ หรือไม่ก็บริจาคที่เราไม่อ่านแล้วไปให้คนอื่นอ่านต่อ ตอนนี้หนังสือหนูก็เยอะ มีหลายตู้ใหญ่เลยกลัวจะไม่รู้ว่าตัวเองมีหนังสืออะไรบ้าง กำลังเก็บ database หนังสือที่ตัวเองมีทำลงในคอม จัดหมวด ใส่ชื่อคนเขียน คนแปล ใส่รูปปกลงไปและพิมพ์รายละเอียดไว้เล็กน้อยเพื่อให้รู้ว่าหนังสือเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ทำเบอร์ติดไว้ด้วยค่ะจะได้สะดวกต่อการหาข้อมูลของเราเอง สะดวกดีนะคะ วันก่อนจะหาหนังสืออ้างอิงเล่มนึง นึกออกแต่เรื่องราวว่าเกี่ยวกับอะไรแต่จำชื่อไม่ได้ ก็ไปดูในคอมแล้วค่อยไปหา
P  พี่ตุ๋ย

อย่างนี้ผู้พิทักษ์ของพี่น่าจะเป็น Triple monkey ปิดหูปิดตาปิดปาก ...อ่ะนะ เก๋ไม่หยอกเชียว เรื่องแฮรี่พอตเตอร์นี้คนเขียนจินตนาการสูงดีค่ะพี่ หนูว่าตอนเขาเขียนต้องทำ family tree แน่ๆ ไม่งั้นจะจำตัวละครไม่หมด แถมบางคนอาจจะโผล่มารอบเดียวแล้วหายไปเลย หรือไม่ก็เกิดอาการสับสนญาติได้ ถ้าเป็นหนูต้องทำแน่ๆ ไม่งั้นงงตายเลย

Platform 9 3/4 ค่ะพี่ 1/2 นี่มันเยื้องไปหน่อยนึงอาจจะวิ่งชนเสาได้ ^ ^ Diagon Alley นี่ทางเข้าในหนังสือเราคิดไว้อย่างหนึ่ง แต่พอดูหนังกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง เรียกว่าหนังสือนี่เวลาอ่านแล้วนึกภาพมันขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคน อาจจะบรรเจิดไม่เหมือนกันก็ได้ หนูอ่านทั้งเล่มอังกฤษ ไทย แล้วก็ดูหนัง อยากเปรียบเทียบว่ามันต่างกันยังไง ผลออกมาว่าความรู้สึกไม่เหมือนกันเลยค่ะ

วันนี้ตื่นเช้ามาตอบได้เพราะลืมปิดโทรศัพท์ มีคนโทรมาผิดตั้งแต่ 7 โมงเศษ 3 รอบ พูดไม่รู้ฟัง บอกโทรผิดก็จะโทรใหม่อยู่นั่น เซ็งเป็ด เลยตื่นมาดูการ์ตูนเป็นเพื่อนหลาน นี่ตาจะปิด เมื่อคืนอ่านเล่มที่เอารูปมาลงน่ะพี่ The Animatior's Survival Kit เจ๋งดีค่ะ ได้รู้ประวัติ Animation รุ่นแรกๆ ของโลกด้วย ไม่น่าเชื่อว่ามีมาตั้งแต่ยุคหิน อียิปต์ กรีก ฯลฯ อ่านไปได้แค่ราว 30% เดี๋ยววันนี้จะอ่านต่อ ถ้าจบแล้วอาจจะเอามาเล่าให้ฟังกัน
P  พี่ตุ๋ย

เราชอบเพลงเดียวกันเลยนิ น้องจำได้เพราะเคยเอาคลิปเพลงนี้มาลงทีหนึ่งแล้วพี่บอกว่าชอบ อันนี้หนูตัด Intro นำหน้าออกหน่อยให้เข้าเร็วขึ้น เพราะดีนะคะ มีหนังที่ใช้เพลงนี้ประกอบแล้วเข้ากันมากด้วยก็คือ Runaway bride เคยดูมั้ยพี่ (เรื่องนี้มีขำขันเกี่ยวกับชื่อด้วยค่ะ ตอนที่หนังมันดังๆ หนูฟัง 94.5 DJ ที่เสียงแก่ๆ เทวัณเขาบอกว่า เชิญท่านผู้ฟังรับฟังซาวนด์แทร็กจากเรื่อง "รันอะเวย์บริดจ์" หนูขำตกเก้าอี้เลยอ่ะ ตกลงเรื่องนี้มันเกี่ยวกับสะพานใช่มั้ยเนี่ย รายนี้เขาเป็นแบบนี้บ่อย บางครั้งก็ "เสียงเพลงจากนักร้องสาวเจ้าเสน่ห์ มาลัย แครี่ 555")

ดีจ้ะ

หนังสือที่แนะนำน่าสนใจจังไว้พี่ไปหาอ่านดีกว่า  ส่วนโคนันพี่ก็อ่านเหมือนกันจ้ะ มี 50 กว่าเล่มหรือเปล่า ( ชอบการ์ตูน แหะ แหะ ) แต่ที่เอามาทำเป็นหนังการ์ตูนนั้นดูไม่หมดทุกตอน ( ฉายทางช่อง 9 ) เพราะลืม ( ตามวัย ^ ^ )

  • วันนี้คุณทานน้ำปลาหวานหรือยังค่ะ
  • Naamplawaan

http://gotoknow.org/blog/remotesensing/160098

สวีสดีค่ะ น้องซูซาน

  • ป้าแดง เป็นคนชอบซื้อหนังสือค่ะ แต่ไม่ค่อยชอบอ่าน
  • เห็นด้วยเลยค่ะว่า อ่านมากรู้มาก มีวิธีคิดที่ดี
  • แต่ตอนนี้ป้าแดงความจำไม่ค่อยดีแล้วค่ะ เลยหาแต่หนังสือ ประเภทคลายเครียดมาอ่านค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

หวัดดีค่ะน้อง P

  • พี่ตามหนู่ไปหลวงพระบางด้วยนะ...จากการ blog  หน่ะ หนุกดี
  • ตอนนี้ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ...ส่วนใหญ่เป็นหนังสืออ่านคน (แบบว่าแก่แล้ว)
  • หยิบมาเมื่อไหร่...ตาปิดเฉยเลย
  • แถมถ้าจำเป็นต้องอ่าน...ก็ต้องอ่านหลายรอบ...แบบว่า...จับใจความไม่ได้
  • สงสัยต้อง re-engineering .หม่
P  พี่เบิร์ด

เรื่องนั้นน่าสนจริงๆ นะคะพี่ มันแปลกดี เป็นพล็อตเรื่องที่ไม่เคยเจอ โคนันนี่อ่านสมัยเด็ก โตมาก็มาดูการ์ตูนกับหลาน แต่มันมีการฆาตกรรม หลานกลัวเหมือนกัน หลังๆ เลยไม่ให้ดูเพราะเก็บไปฝัน คือขี้ฝันเหมือนอาเขาค่ะ : )
P  อ. Linhui

น้ำปลาหวานี่เคยกินกับมะม่วง แล้วก็ปลาดุกค่ะ จริงๆ หนูกินอาหารไทยแท้ๆ เป็นไม่เยอะ เพราะอยู่แบบบ้านคนจีนแต้ๆ กินแต่แกงจืด ผัดผัก ของทอด ของนึ่ง อาหารไทยที่กินเป็นก็พวกแกงกะทิทั้งหลาย ต้มยำ สารพัดยำ ห่อหมก แต่พอเป็นเมนูวิลิศจัดๆ ก็จะไม่เคยกินค่ะ กลัว - - " ไม่กล้าลอง อาหารเหนือที่กินเป็นก็ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ไส้อั่ว น้ำพริกอ่อง พื้นๆ มากสำหรับหลายคน อาหารอีสานก็ส้มตำ ลาบ น้ำตก ไส้กรอกอีสาน นอกนั้นก็ไม่เป็นแล้ว อาหารใต้ได้อย่างเดียว คั่วกลิ้ง อย่างอื่นกลัวสีมันค่ะ

สรุปเป็นพวกกินยาก กินรสไม่จัด ไม่เค็ม ไม่หวาน ไม่เผ็ด กินเหมือนเด็กมากกว่า เลยชอบอาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่นเพราะรสชาดมันจะกลางๆ
P  ป้าแดง

ชอบซื้อแล้วไม่ชอบอ่านนี่แปลกดีนะคะ เอาไปบริจาคให้เด็กๆ บ้างก็ได้ค่ะ ทำบุญด้วยหนังสือนี่ได้บุญนานนะคะ เพราะเขาจะได้มีความรู้ติดตัวไปจนโต ส่วนอ่านหนังสือคลายเครียดก็ไม่เห็นผิด หนังสือไม่จำเป็นต้องอ่านเอาซีเรียสซะหน่อย หนูก็อ่านการ์ตูนนะ อ่านหมดแทบทุกประเภท แต่ไม่ชอบอ่านพวกหนังสือทำนายดวง โชคชะตา กับพวกหนังสือเฉพาะกิจที่เขียนขึ้นมาตามกระแสค่ะ
P  พี่ tuk a toon

อ้าว เป็นบรรณารักษ์แต่ไม่อ่านหนังสือ หนูตีแขนแปะหนึ่งที เสียดายจัง อยู่ใกล้หนังสือฟรีเป็นหมื่นเล่ม เป็นหนูนะ อ่านกระจาย แต่อาจจะเป็นเพราะพี่อยู่กับงานที่เกี่ยวกับหนังสือทั้งวันเลยล้ามั้งคะ อ่านก่อนนอนเลยกลายเป็นหนังสือดูพี่แทน สงสัยต้องหาวิธีทำไม่ให้หลับ เอาสก็อตเทปแปะตาเป็นไงคะ อิ อิ

แต่หนูก็อ่านหนังสือเล่มหนึ่งหลายรอบนะคะ อ่านรอบแรกพรีวิวเร็วปรี๊ด แล้วก็ตามเก็บรายละเอียดด้วยรอบสอง และเก็บตกด้วยรอบสามสี่แล้วแต่จะมีเวลา

สวัสดีค่ะพี่ซูซาน

หากเด็กที่ไม่ดูทีวีเลยตั้งแต่แรกเกิด ถึง สองขวบ จะส่งผลให้มีสมาธิต่อเรื่องต่างๆได้ดีมากๆ ก่อให้เกิดบุคลิกภาพที่ดีในอนาคต

หากผู้เลี้ยงเด็กปลูกฝังการอ่านตั้งแต่วัยนี้ เช่น อ่านหนังสือง่ายๆสำหรับเด็กฟัง ทำซ้ำๆบ่อยๆครั้ง ตั้งแต่อายุขวบเศษ ประมาณ 2 ขวบกว่าๆเด็กจะอ่านหนังสือได้เอง อย่างน่าอัศจรรย์

หากให้เด็กเล่นเกมตั้งแต่วัยนี้ เพราะเพียงหวังว่า ลูกจะเก่งคอมพิวเตอร์ สามารถใช้เม้าท์ได้ดี นั่นคุณกำลังคิดผิด เพราะจะมีการหลั่ง adrenaline ฮอร์โมนแห่งความสุข จะหลั่งมากเหมือนกับการติดยาเสพติดเลยทีเดียว สายตาก็จะเสีย....ที่สำคัญเด็กจะไม่มีความสนใจหนังสือและการอ่านเลยแม้แต่น้อย (เมื่อเทียบกับความอยากที่จะเล่นเกม)

ฉะนั้นจะปลูกฝังให้รักการอ่าน ต้องเริ่มตั้งแต่แรกคลอด แต่จะให้ดี ต้องทำตั้งแต่ตั้งครรภ์...อ่านนิทานให้ลูกฟัง พร้อมกับนั่งเก้าอี้โยก หากมีการเล่นไฟฉาย ส่องที่ท้อง ส่งความรักเอื้ออาทรไปด้วย...มีงานวิจัยหลายเล่มออกมาแล้วว่า...อัฉริยะสร้างได้จริงๆค่ะ

สำหรับตัวเอง อ่านหนังสือทุกประเภทค่ะ อยากรู้เรื่องอะไร ต้องหามาอ่านให้ได้ ช่วงนี้อ่านจาก net ค่ะ สะดวกดี แต่ก็ต้องวิเคราะห์ไปด้วย ต้องรู้เท่าทันเด็กค่ะ เพราะนักศึกษามักCopy งานจาก net มาส่ง ฉะนั้นต้องอ่านจากnet ให้เยอะกว่าเด็กค่ะ

สวัสดีครับ ... :)

  •  ได้กลิ่น เอ้ย ! ได้ิยินเสียงครายย .. มาพาดพิงถึงชื่อผมด้วย อิ อิ
  • ยุ่ง ๆ ไปวันหนึ่ง มีประเด็นที่น่าสนใจเกิดขึ้นมาทันที เรื่อง "การอ่านหนังสือ" เนี่ย
  • ประเด็นนี้ผมไม่ได้เริ่มต้นสักที มีแต่สมุดบันทึก ชื่อ "หอมกลิ่นหนังสือ" ที่ http://gotoknow.org/blog/scented-book/toc
  • 34 ความคิดเห็นผ่านไปนะครับ
  • ผมอ่านหนังสือจน "ยากจนข้นแค้น" จนถึงปัจจุบันครับ
  • พ่อกับแม่ผมชอบอ่านหนังสือ ... ผมก็ออสโมซิสมาด้วย
  • เด็ก ๆ ก็เข้าห้องสมุดเมื่อมีเวลาว่าง
  • การ์ตูนไม่ต้องถาม แต่เลือกอ่านบางเรื่องครับ บางเรื่องไม่ชอบก็ไม่อ่าน
  • เริ่มซื้อหนังสือจริง ๆ ก็ตอนมัธยมครับ การ์ตูน กับ สตาร์ซ๊อคเกอร์ แต่ก็ไม่เยอะ เพราะค่าขนมไม่ค่อยมีครับ
  • เริ่มซื้อมากขึ้นก็ตอนเรียนปริญญาตรี ที่ ร้านเสียงทิพย์บุ๊คเซ็นเตอร์ พิษณุโลก นั่นไง ไม่มีตังค์ อย่างน้อยก็ต้องขี่จักรยานไปดูว่า วันนี้มีหนังสืออะไรใหม่บ้าง
  • เปิด ๆ ผ่านเล่มไหน น่าสนใจ ก็อ่านครับ แต่เล่มไหนไม่ค่อยสนใจก็ปล่อยผ่านไปก่อน
  • อ่านทุกแนว แต่ไม่โปรดจริง ๆ ก็อ่านไม่ค่อยจบ ครับ
  • สรุปกันเลยก่อน ... หนังสือสำหรับผม ชอบนำไปอ่านก่อนนอนครับ คืนใดไม่อ่านสักหน้า ก็นอนไม่หลับครับ
  • เรียกว่า หนังสือ คือ ยานอนหลับชั้นดี นี่เอง :) เย้ ๆ เอ๊ะ แล้วนี่มันมีประโยชน์หรือเปล่านี่ ปวดหัว หลับดีกว่า
ขอบคุณครับ ประเด็นนี้ "ชอบ" ครับ :)
P  อ.Little Cat

พอดีมีเพื่อนกำลังตั้งท้อง เดี๋ยวจะ copy comment นี้ไปให้เขาอ่านค่ะ เผื่อจะได้ทดลองดู เพราะบ้านนี้เขาก็ไม่นิยมดูทีวีอยู่แล้ว แต่คุณสามีชอบเล่นเกมส์ เวลาว่างกลับจากบินก็จะเล่นเกมส์ตลอด นี่เพื่อนก็เซ็งเหมือนกัน ถ้าทำแบบนี้ตั้งแต่แรกอาจจะปลูกฝังไว้ให้เป็นภูมิต้านทานเกมส์กับทีวีก็ได้ค่ะ
P  อ. Wasawat

ผู้ถูกพาดพุง เอ้ยพาดพิงตามมาอ่านเจอแล้ว 555 ชอบสำนวนนี้จริงๆ นะคะ "คิดแล้วปวดใจ" นี่ไม่ได้ฟิลด์เท่า "คิดแล้วปวดตับ" ตับมันอยู่ลึกกว่าอีกเนอะ

ตอนเด็กๆ ได้อ่านหนังสือเยอะเพราะครูใหญ่ที่โรงเรียนสมัยเด็ก คือซูซานไม่ชอบเข้าแถวตอนเช้าเลยหาวิธีเลี่ยงตลอด ครูใหญ่สนิทกันเพราะเป็นน้าของเพื่อน โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเล็กๆ แบบ family ครูใหญ่พึ่งกลับมาจากอเมริกาตอนหนูป.4 คงมารับช่วงกิจการต่อ 

"หนูถามว่าเข้าแถวไปได้ประโยชน์อะไร ถ้าไม่ยืนตรงเคารพธงชาติเราจะไม่รักชาติหรือ หรือยืนสวดมนต์เป็นแถวแล้วเด็กจะซาบซึ้งในธรรมะ เป็นคนดีของสังคม ทำสมาธิกลางแดดครูยืนใต้ร่มไม้ แล้วเด็กจะมีสมาธิที่ไหน ร้อนมากๆ เข้าห้องไปก็เรียนไม่รู้เรื่อง" เขาเข้าใจเรา แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่คนส่วนใหญ่ปฏิบัติ เลยมอบงานอย่างหนึ่งให้คือ ไม่อยากเข้าแถวก็ต้องอ่านหนังสือ จากนั้นเลยมีหน้าที่อ่านหนังสือในห้องสมุดเช้า กลางวัน แล้วมาสรุปให้ครูฟังตอนเย็น ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ ได้สิทธิพิเศษไม่ต้องเข้าแถวยืนตากแดดเหมือนเพื่อน แต่ต้องแลกมาด้วยการอดเล่นและมีงานต้องทำ รวมถึงวันเสาร์ตลอดทั้งวันด้วย ได้หยุดแค่วันอาทิตย์ และแถมด้วยความเหม็นขี้หน้าจากครูผู้น้อย หาว่าเราเป็นเด็กเส้น ซึ่งหนูไม่สนยอมแลกกับทุกอย่างเพราะรู้สึกทำแล้วมีความหมายกับชีวิตมากกว่า ทำมาตั้งแต่ป.6 จนจบ ม.3

สวัสดีคะ พี่แก้มยุ้ยของมะปรางเปรี้ยว

วันนี้ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลยคะ มะปรางมีหนังสือต้องอ่านเยอะเลย

หนังสือที่อ่านประจำเป็นหนังสือเกี่ยวกับงานที่ทำด้าน usability  หนังสืออ่านเล่นทั่วๆ ไป และนิตยสารอีกนิหน่อยคะ

P  มะปรางน้องรัก

จัดคิวอ่านสิน้อง ทีละเล่มอย่าไปดูจำนวนรวม เดี๋ยวก็หมดเองแหล่ะ
555 ต้องอ่านหนังสือเพื่อทำงานเหมือนกันเลย เดี๋ยวนี้นิตยสารพี่อ่านน้อยลง อ่านไม่กี่เล่ม ที่รับประจำก็ ศิลปวัฒนธรรม TIME, Archive บางครั้งก็อ่านไม่ทันเหมือนกัน เสียดายตังค์ง่ะ - - "

5555 แวะมาขำคุณ DJ เทวัญ พี่ก็เคยฟังเขานะ แต่ก่อนน่ะ เดี๋ยวนี้ไม่รู้ยังอยู่หรือเปล่า หรือเลิกไปแล้วก็ไม่รู้ 5555 รันอะเวย์ บริด 5555 (แต่เรื่องนี้ก็สนุกดีนะ)  อีกอย่างนะ ดีที่เขาไม่เรียก Mariah ว่าแม่"มาลัยอ้า"น่ะ 5555

สำหรับเรื่อง 9 1/2 กับ 9 3/4 น่ะ มันเป็นเรื่องของความแก่(ของความจำ) โดยเฉพาะเลยแหละ.. นานจนลืม คุ้นๆ ว่า เก้ากว่าๆ แต่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่น่ะ แต่นึกถึงตอนคนวิ่งเข้ากำแพงเพื่อเข้า platform จริงๆนะ ถ้าไม่แม่นเนี่ย อาจบาดเจ็บหนักได้จริงๆ อิอิ

P  พี่ตุ๋ย

รายการเพลงนี้เขาเลิกไปแล้วค่ะ แต่ก่อนฟังประจำ ตอนนี้ย้ายไปฟัง 98.5 แทน โอ้ยเรื่องขำๆ เกี่ยวกับ DJ คนนี้มีเยอะจริงๆ "ท่านที่ชอบฟังเพลงเก่าก็จะได้ฟังเพลงเก่า ท่านที่ชอบฟังเพลงใหม่ก็จะได้ฟังเพลงใหม่ ท่านที่ชอบฟังกลางเก่ากลางใหม่ก็จะได้ฟังเพลงกลางเก่ากลางใหม่" แล้วจะบอกทำไมล่ะเนี่ย แถมพูดประจำเลยนะคะ 

เขาชอบตั้งฉายาให้วงต่างๆ ด้วยนะ เช่น "พบกับเพลงจากวงสกอร์เปี้ยน ไอ้แมงป่องผยองเดช" อะไรประมาณนั้นแหล่ะค่ะพี่ ยิ่งขำสุดตอนมีการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตจากผับแถวสีลมที่เป็นผับยุคโก๋หลังวัง คนนี้เขาจะหลุดอย่างแรง ถึงกับบางครั้งร้องฮี้ฮาออกมาให้เราได้ยินเลยล่ะ คึกจัด

555 ยังไม่แก่หรอก แต่เรื่องนี้มันไม่ซีเรียสเลยไม่ต้องจำไง แต่ก็อย่างว่านะ ถ้าจำเป็น 9 1/2 นี่แฮรี่ชนเสาดังโครมแน่ อ้อแล้วพี่รู้ป่าวว่าเขาจะเขียนประวัติแยกแต่ละคนที่น่าสนใจในเรื่องนี้ออกมาด้วย ได้ยินข่าวมาระยะนึงแล้วกำลังรอดูอยู่
  • hello
  • อะฮั้น อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า ยกเว้นหนังสือเรียน 555
  • คิดดูซิ เมื่อคืนยังฝันเลยว่า ยังไม่ได้อ่านหนังสือสอบ
  • หลอนจริง ๆ ทั้งที่เรียนจบมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ววว..
  • อิอิ
P  คุณ Stardust

อีนี้เขาเรียกว่าเป็นเอามาก เรียนจบแล้วยังฝันว่าไม่ได้อ่านหนังสือสอบ เป็นความทรงจำที่ตามมาหลอกหลอน เป็นเหมือนกันบางครั้งค่ะ ที่ชอบฝันในเรื่องภารกิจต่างๆ ที่เคยต้องทำ ฝันซ้ำซากทั้งๆ ที่ทำไปแล้ว

ที่ฝันแล้วเหนื่อยที่สุดคือสมัยอยู่อพาร์ทเม้นท์ตอนเรียน คือพึ่งไปเที่ยวต่างจังหวัดกลับมา หลับป่อกไปแล้วฝันว่าต้องซักเสื้อผ้าเต็มตะกร้า ซักจนเสร็จในฝันแล้ว เหนื่อยสุดๆ ตื่นขึ้นมาร้องแง.... เสื้อผ้ายังเต็มตะกร้ารอการซักเหมือนเดิม ความรู้สึกนี้แย่มาก เพราะรู้สึกว่าเราทำไปแล้วนี่นา ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ T_T sad...sad...sad
  • แวะมาบอกว่าพี่ก็มีหนังสือเต็มตู้ที่ยังไม่ได้อ่าน
  • ที่ร้ายกว่านั้น ดันซื้อหนังสือซ้ำ แบบว่าลืมว่าเคยซื้อเมื่อหลายสิบปีก่อน
  • ไม่ใช่ ๆ อิอิยัง ยังไม่หลงลืม เพราะพี่มีหลายบ้านตะหาก
  • ชอบนิยายวิทยาศาสตร์ ชอบอ่านตั้งแต่ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์
  • แล้วก็การ์ตูนญี่ปุ่น เรื่องทัช ที่พระเอกเล่นเบสบอล พี่ก็เคยมีนะ
  • แต่เสียดายที่พ่อเอาการ์ตูนญี่ปุ่น หลายพันเล่มไปบริจาคหมดแล้ว
  •  แง ทำไมพ่อไม่บอกล่วงหน้าจะได้เหมาสิบล้อมาขน
  • gone with the wind ก็มีค่ะ ที่ชอบสุดก็ชอบ แวร์ซาย แต่ไม่ชอบ รพินทร์ เพชรพระอุมามีทั้งชุด โดนแม่ว่าบ่อยๆ ว่าซื้อหนังสือจนหมดตัว แป่ว
  • กลับบ้านเมื่อเลือกตั้งก็ไปหอบหนังสือเก่าๆมาหลายเล่มวันหลังจะเอามาอวด อิอิ
P  พี่นารี

อาการซื้อหนังสือซ้ำนี่หนูเคยอยู่สองหน ช้ำใจมาก T_T เสียดายตังค์อ่ะ เป็นหนังสือด้าน Interior หนึ่งเล่ม และคู่มือ Pantone หนึ่งเล่ม แพงมากๆ เลย อยากเขกกะโหลกตัวเองว่าลืมได้ยังไง แต่ก็เป็นการบอกได้ว่า เออนะ หนังสือเล่มนี้เราก็ยังสนใจอยู่ดีถึงจะลืมว่ามีก็เหอะ

การ์ตูนตอนเด็กๆ หนูอ่านเยอะเหมือนกัน ทัชก็อ่าน กุหลาบแวร์ซาย นิคกี้ มนต์รักโยโกฮาม่า สงครามกับความรัก คำสาบฟาโรห์ และอีกบานตะเกียง เราอ่านการ์ตูนเหมือนร่วมสมัยเดียวกันเลยค่ะ ^ ^ เสียดายการ์ตูนของพี่จังเลย เป็นหนูคงร้องไห้ แต่หนูก็บริจาคพวกขายหัวเราะกับต่วยตูนไปเยอะ มีเป็นลัง ส่วนเพชรพระอุมานี่อ่านเพราะแม่เล่าให้ฟัง ชอบแต่ภาคหนึ่ง ภาคสองเสียดายตังค์ที่ซื้อ รู้สึกว่าเหมือนพนมเทียนเปลี้ยนไป๋ กลายเป็นตาเฒ่าบ้าของขลัง+บ้ากาม ตัวละครเลยสะท้อนออกมาแบบนั้น เซ็งเลย - - "

ไม่โดนแม่ดุเรื่องซื้อหนังสือ เพราะแม่ก็ชอบมายืมไปอ่านด้วย ฟรีไม่ต้องลงทุนค่ะก็เลยไม่ว่ากัน
  • ไม่อ่านการ์ตูน อ่านได้แต่เฉยๆ ครับ
  • อ่านหนังสือหนักๆเสียส่วนใหญ่ หรือสารคดี
  • แต่มาทำงานบริหารนี่เวลาหมดไปกับการทำรายงาน
  • และคิดหาทางผลักดันงานให้สำเร็จ
  • หนังสือชอบมีมาก
  • เวลาอ่านก็คือนั่งห้องน้ำ มีหลายเล่ม
  • หรือหัวเตียง
  • พี่ใช้วิธีสนับสนุนลูกสาวอ่านหนังสือ คือ ให้เงินเธอไปซื้อหนังสือตอนปิดเทอม อยากอ่านอะไรเอาเลย แม้จะมีการ์ตูนติดมาบ้างก็ โอเค โชคดี เธอก็ชอบอ่านเหมือนกัน โดยเฉพาะวัยรุ่นตามสมัยนิยม เช่น แฮรี่ พอตเตอร์ เล่มหนาตึบเลย ดาร์วินซี่โค้ด อะไรทำนองนี้ หรือบางทีเราเห็นหนังสือดีดี ก็ซื้อฝากเธอ ครับ
  • ควรอ่านครับ

P  พี่บางทราย

อันนี้มันแล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคลค่ะ หนูอ่านการ์ตูนเยอะนะ แต่เลือกอ่านที่เนื้อเรื่องและลายเส้น การ์ตูนญี่ปุ่นที่อ่านก็เป็นรุ่นเก่าหน่อยที่เป็นซีรี่ส์ บางครั้งไม่น่าเชื่อว่าเราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเขาหลายๆ อย่างผ่านการ์ตูน ทั้งการใช้ชีวิต อาหารการกิน ถึงจะไม่ลึกแต่ก็ดีกว่าไม่รู้ซะเลย ส่วนการ์ตูนฝรั่งนี่ชอบดูลายเส้น เทคนิคการวาด เขาเก่งเรื่องอนาโตมี่ แสงเงา และการแสดงอารมณ์แบบเรียลลิสติก เห็นมั้ยคะ ว่าหนูได้อะไรจากการ์ตูนที่สมัยเด็กๆ ผู้ใหญ่ชอบว่า ^ ^

แต่เราเหมือนกันเรื่องที่สิงสถิตย์ของหนังสือนะคะ น่าสงสารหนังสือที่ต้องไปสูดกลิ่นห้องน้ำบ่อยๆ อิ อิ แต่เป็นเวลาแสนสุขส่วนตัวที่มีสมาธิสูงค่ะ ใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ดี

ตอนนี้หนูว่าแผนการส่งเสริมการอ่านที่ลงทุนกับหลานนี่ได้ผลแล้วค่ะ ตอนนี้ร้องขอซื้อเอง เมื่อวันเสาร์พาไปร้านหนังสือ เขาทิ้งหนูเลย ไปเลือกหนังสือที่ตัวเองอยากได้ เป็นพวกสารคดีที่เขียนบรรยายด้วยภาพการ์ตูน กับรามเกียรติฉบับการ์ตูน หนูดูแล้วใช้ได้ทีเดียวทั้งเนื้อหาและภาพ มีการตรวจข้อมูลโดยนักวิชาการด้วยนะ 555 เลือกมา 7 เล่ม เยอะกว่าอาเขาอีก แต่ไม่ยอมช่วยจ่ายตังค์เลยอ่ะ : (

วันนี้กลับมาก็ชื่นใจ เห็นเขาเอา encyclopedia วิทยาศาสตร์ที่ซื้อไว้เมื่อนานแล้วมาอ่าน ใช้ได้ๆ ไม่เสียความตั้งใจของเรา ตอนหนูควักตังค์ซื้อชุดนี้แม่ยังปรามว่าเกินไป หนังสือมันเป็นชุด หลายสิบเล่ม ราคาหลักหมื่น แต่หนูว่ามันเป็นการลงทุน ทีซื้อขนม ของเล่น เกมส์ หนัง และอื่นๆ ตั้งเยอะยังทำได้ แค่นี้ไม่เยอะหรอก อยู่ได้นาน อยู่ทน เอามาอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ มีประโยชน์ในการพัฒนาสมองหลานเราด้วย ลงทุนวันนี้ถ้าหลานโตขึ้นแล้วเอาความรู้นี้ไปใช้ประโยชน์ได้ก็นับว่าคุ้มแล้ว

สวัสดีค่ะคุณ Little Jazz \(^o^)/

วางแผนติดอาวุธทางปัญญา ให้ลูกหลานเหมือนกันค่ะ ลูกสาวเกิดมา อ้อๆแอ้ๆเรียกแม่ยังไม่ได้ พี่ (มั้ง) ก็ยอมเป็นราชาเงินผ่อนค่ะ ผ่อนหนังสือเป็นชุด ๆ (ที่เค้ามักจะ(แอบ)มาเดินขายในสำนักงาน)รอให้ลูกโตมาอ่าน หนังสือมีภาพสวยๆ งาม ๆ บางทีก็สามมิติ มีเสียง มีเกม มีเชือกให้ดึง หรือถุงใส่นิ้วแปลงร่างเป็นขาเป็นแขนในตัวเอกของหนังสือ ...เพื่อลูก เรายอมนะคะ แล้วก็ยอมอดหลับอดนอนอ่านดังๆ ดัดเสียงเป็นหนู(มิกกี้) เป็ด(โดนัล) ไก่ อะไรต่อมิอะไร ให้ลูกได้ความรู้สึกที่ดีกับหนังสือ...

พอโตมาอ่านออก เขียนได้ ก็ไม่เร่งรัดลูก เค้าอยากอ่านหนังสือแนวไหน เริ่มอยากอ่านช้ากว่าเพื่อนๆ ก็ให้ยินยอม เค้าเริ่มต้นจากการ์ตูนหนูหิ่น มหาสนุก ขายหัวเราะ (แต่ผ่านเซ็นเซ่อร์แล้ว) ค่ะ เล่มละ 12 บาท อดทนยอมให้อ่านประมาณ 2-3 ปี ใครเห็นใครก็หัวเราะพี่ เพราะบางคนเค้าให้ลูกอ่านอะไรที่มันยาก ๆ เลย แต่ในที่สุดก็เห็นพัฒนาการชัดเจนของลูกสาวค่ะว่าเขาชอบอ่านหนังสือแนวไหน แต่พี่ก็มีเรื่องทะเลาะกับหนังสือเพราะลูกสาวเหมือนกันค่ะ (เฮ้! หนังสือไม่ใช่คนนะ ยังทะเลาะด้วยได้เหรอ)...ก็แย่งความไว้เนื้อเชื่อใจจากแม่ไปช่วงหนึ่งน่ะค่ะ ตอนนี้กลับเป็นมาปกติแล้ว ^^

อยากบอกว่าเข้ามาอ่านเรื่องดีดีในบล็อกคุณ Little Jazz \(^o^)/ บ่อยมากเลยค่ะ ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสมาชิก

ทุกวันนี้ดูทีวีน้อยลง..
คุยโทรศัพท์น้อยลง

เพื่อให้ชีวิต
ได้มีเวลาได้อ่านหนังสือมากขึ้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท