อาจารย์วิมลศรี ยุกตะนันท์ เป็นอาจารย์สอนผมและเพื่อนๆเมื่อเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาศิลปหัตถกรรม วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี ซึ่งก่อตั้งและเริ่มจัดการเรียนการสอนเมื่อปี ๒๕๑๙ โดยรุ่นผมเป็นรุ่นแรก เรียน ๓ ปีระหว่างปี ๒๕๑๙-๒๕๒๑
แต่เดิมนั้น หลังจบจากโรงเรียนเพาะช่าง อาจารย์ก็ไปเป็นครูอยู่ในกรุงเทพมหานครอยู่ระยะหนึ่ง เมื่ออาจารย์สมบูรณ์ กล่ำสมบัติ ได้บุกเบิกและเปิดแผนกศิลปหัตถกรรมขึ้นที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรีเมื่อปี ๒๕๑๙ อาจารย์ก็ขอย้ายออกจากกรุงเทพฯและไปเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่แผนกศิลปหัตถกรรม วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี ซึ่งการทุ่มเทของอาจารย์ที่ให้แก่ลูกศิษย์และการพัฒนาการเรียนการสอนนั้น ผมและเพื่อนๆประทับใจและจดจำไม่รู้ลืม
อาจารย์สอนและเป็นทุกอย่างสำหรับลูกศิษย์ ทั้งเพื่อน พี่เลี้ยง ผู้ปกครองและที่ปรึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกศิษย์ในรุ่นปี ๓ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่จะต้องจบการศึกษาและออกไปสอบเรียนต่อที่เพาะช่างหรือศิลปากร อาจารย์ก็จะดูแลอย่างใกล้ชิดมากมายยิ่งกว่าสิ่งที่จะได้จากการเรียนการสอนโดยปรกติ
ในยุคนั้น จังหวัดราชบุรียังมีความเป็นชนบทอยู่มาก สิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับเพาะช่างและศิลปากรซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯเมืองหลวงของประเทศนั้น ยังนับว่ามีความห่างไกล ทว่า ก็ยิ่งใหญ่ในความรับรู้ของนักเรียนศิลปะทั่วประเทศ เหมือนกับเป็นกรุงโรมทางศิลปะของไทยเลยทีเดียว
อาจารย์ต้องการให้นักศึกษามีพื้นฐานและการเตรียมตัวที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าไปสอบเรียนต่อในกรุงเทพฯ ดังนั้น จึงไม่ได้เน้นเพียงการเรียนการสอนตามปรกติอย่างเดียว แต่พยายามแสวงหาข้อมูลและนำเอาความเคลื่อนไหวทางศิลปะของประเทศไปถ่ายทอดให้แก่นักศึกษาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถึงการแสดงงานประจำปีในงานวันเกิดของเพาะช่าง ซึ่งจะมีกิจกรรมต่างๆมากมายเหมือนเทศกาลทางศิลปวิชาการซึ่งจะเป็นที่สนใจของคนในวงการศิลปะทั้งในภาคการศึกษาและภาคธุรกิจเอกชนทั่วประเทศ อาจารย์ก็รวบรวมลูกศิษย์ทุกคนในปีสุดท้าย เดินทางไปดูงานที่กรุงเทพฯ ไปดูงานทุกสาขาที่จัดแสดงในงานวันเกิดของโรงเรียนเพาะช่าง
ขณะเดียวกัน ก็ถือโอกาสที่ท่านเคยเป็นอาจารย์ของโรงเรียนเพาะช่าง พาลูกศิษย์ให้ได้มีโอกาสเข้ากราบคารวะครูอาจารย์ของโรงเรียนเพาะช่าง รวมทั้งคนทำงานศิลปะที่มีชื่อเสียงของประเทศ ได้รับฟังการสนทนาและได้เห็นผลงานจริงของหลายท่าน ที่พวกเราได้เคยเห็นผ่านหนังสือและสื่อต่างๆในระดับประเทศ ทำให้ได้ประสบการณ์ตรง เกิดความเชื่อมั่น และมีความแจ่มชัดต่อการเตรียมความสนใจตนเองเพื่อการสอบศึกษาต่อทั้งเพาะช่างและศิลปากร
อาจารย์วิมลศรี ยุกตะนันท์ พานักศึกษาปีสุดท้าย ของแผนกวิชาศิลปหัตถกรรม วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี ไปศึกษาดูงานทางศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่างเพื่อให้นักศึกษาได้มีข้อมูลสำหรับเตรียมตัวสอบเรียนต่อและเลือกสาขาเฉพาะทางตามความสนใจ ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขต่างๆของตนอย่างดีที่สุด ภาพประกอบวาดโดย : ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน* มหาวิทยาลัยมหิดล
อาจารย์เป็นสุภาพสตรีร่างเล็กนิดเดียว การเดินทางจากราชบุรีไปกรุงเทพฯในยุคนั้นไม่มีความสะดวกรวดเร็วเหมือนอย่างปัจจุบัน อีกทั้งการพาลูกศิษย์กว่า ๒๐ คน ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็เป็นเด็กต่างจังหวัด มีความเป็นบ้านนอก ประสบการณ์ต่อโลกกว้างมีอยู่อย่างจำกัด ทุกอย่างของกรุงเทพฯและเพาะช่างแทบจะเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่แต่ละคนไม่คุ้นเคย อีกทั้งเป็นภาระและต้องให้ความรับผิดชอบเป็นอย่างสูงในทุกเรื่องตลอดระยะเวลาที่ลูกศิษย์ทุกคนยังอยู่ในความดูแลของอาจารย์ หากใครเคยจัดการศึกษาดูงานก็คงจะนึกถึงความยุ่งยากนานัปการออก
แต่อาจารย์ก็สามารถพานักศึกษาของตนให้ไปมีประสบการณ์ที่เข้มข้นแตกต่างจากการเรียนการสอนในห้องเรียน มีข้อมูลที่จะเตรียมตนเองในอนาคตดีขึ้น อีกทั้งไม่เพียงเป็นผลดีต่อการเตรียมตนเองเพื่อศึกษาต่อ แต่ได้เห็นด้วยตนเองว่าโอกาสการทำงานและการเข้าสู่เส้นทางความเป็นมืออาชีพต่างๆของคนเรียนศิลปะแต่ละสาขาในโลกกว้างนั้นเป็นอย่างไร
อาจารย์ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นผู้สอนวิชาความรู้เท่านั้น ทว่า ส่งเสริมให้นักศึกษาเป็นผู้เรียนรู้และเดินทางไปสู่จุดหมายของตนเองได้อย่างสุดความสามารถ ตามความสนใจที่มีของแต่ละคน
เป็นการสอนอย่างหนึ่งที่ไม่สอน แต่จัดโอกาสและให้ประสบการณ์ต่อโลกกว้าง ทำให้แต่ละคนได้สัมผัสสถานการณ์ต่างๆจากความเป็นจริงในสังคม แล้วก็สร้างการเรียนรู้ออกมาจากความสนใจอย่างลึกซึ้งของตนเอง.
------------------------------------------------------------
* บันทึกในขณะเป็นอาจารย์อยู่ที่สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันได้ย้ายมาเป็นอาจารย์อยู่ที่สาขาการบริหารการศึกษานานาชาติ ภาควิชาศึกษาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อตุลาคม ๒๕๕๒
เจริญพรโยมอาจารย์วิรัตน์และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขอเจริญพร
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล ขำสุข(อาสโย)
กราบนมัสการด้วยความเคาร
สวัสดีค่ะ
มาชมภาพ และอ่านบันทึกค่ะ
งดงาม ทั้งภาพและคำ
ชักจะติดเวบนี้เสียแล้วซีคะ
สวัสดีครับคุณณัฐรดา เวทีของคุณณัฐรดาเป็นที่สนใจมากเลยนะครับ ยินดีด้วยครับ คุณณัฐรดาทำงานต่อเนื่องเลยติดเว็บได้ เขียนและนำสิ่งต่างๆมาถ่ายทอดได้อย่างสม่ำเสมอ หลายคนก็คงอยากติดเว็บให้ได้อย่างที่คุณณัฐรดาทำได้ ผมก็พยายามจะติด แต่ก็ทำได้แค่ทำตามความสะดวกเพียงไม่ให้หลายเรื่องขาดตอนไปก่อน แล้วค่อยๆยกระดับการพัฒนาของตัวเองทีละนิด มีความสุขนะครับ
ติดเว็บเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง...ที่ไม่อยากรักษาอิๆๆๆเป็นโรคเดียวกับพี่ตุ๊กตาค่ะ..
อาจารย์วิมลศรี ยุกตะนันท์ถึงแก่กรรมแล้ว
ท่านอาจารย์วิมลศรี ยุกตะนันท์ได้ป่วยเป็นมะเร็งและได้ถึงแก่กรรมแล้วเมื่อคืนวันศุกร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ บุตรหลาน ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ และผู้เคารพนับถือ ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลให้แก่อาจารย์ที่วัดเขาวังราชบุรี ตำบลหน้าเมือง จังหวัดราชบุรี ตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๑๔ - พฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
บอกต่อๆกันไปด้วยนะครับ
ลูกหลานของอาจารย์ได้นำเอาบทความนี้ไปจัดทำเป็นเอกสารเชิดชูเกียรติแด่อาจารย์ ผมเลยกลับมาจัดทำเป็นอาร์ตเวิร์คให้ต่างหากอีกชุดหนึ่งเลยลิ๊งค์ให้สำหรับทุกท่านดาวน์โหลดได้ที่นี่เลยนะครับ นำไปอ่านหรือทำเอกสารเผยแพร่เพื่อเป็นปฏิบัติบูชาแด่อาจารย์และร่วมเผยแพร่เกียรติคุณอาจารย์ด้วยกัน ได้ตามอัธยาศัยเลยครับ
งานสวดอภิธรรมและบำเพ็ญกุศลแด่ท่านอาจารย์วิมลศรี ยุกตะนันท์ ณ วัดเขาวังราชบุรี ดำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ในวันแรก เสาร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
ภาพบน : ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน และลูกศิษย์ ร่วมฟังสวดอภิธรรม สองท่านที่นั่งอยู่ด้านหน้า ด้านขวา คือ ท่านอาจารย์สมบูรณ์ กล่ำสมบัติ ซึ่งออกมาวิ่งออกกำลังกาย เมื่อทราบข่าวก็เลยมาร่วมงานของอาจารย์วิมลศรีกับเหล่าลูกศิษย์เลย อาจารย์สมบูรณ์ กล่ำสมบัติ เป็นทั้งผู้บังคับบัญชาและรุ่นพี่ที่เพาะช่างของอาจารย์วิมลศรี ซึ่งอาจารย์วิมลศรีเคารพนับถือเสมือนครู และทุ่มเทการทำงานนับแต่ระยะก่อตั้งสาขาวิชาศิลปหัตถกรรมราชบุรีร่วมกับอาจารย์สมบูรณ์สุดความสามารถอย่างเป็นชีวิตจิตใจ นั่งคู่ถัดไปด้านขวาของอาจารย์คือ เลิศชาย สินเสริฐ อดีตหัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และปัจจุบันเป็นฝ่ายการตลาด ของ ทศท เป็นศิษย์เอกคนหนึ่งที่อาจารย์วิมลศรีและอาจารย์สมบูรณ์ภูมิใจในฝืมือ เป็นศิษย์เก่าจากโรงเรียนพรหมานุสรณ์เพชรบุรี แล้วเปลี่ยนจากสายสามัญมาเรียนศิลปะซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าจะเรียนไล่ทันคนอื่นได้ แต่ในที่สุดกลับกลายเป็นอยู่แถวหน้า โดยเฉพาะการเขียนสีโปสเตอร์ สีน้ำ และสีน้ำมัน
ลูกศิษย์ท่านอาจารย์วิมลศรีรุ่นเดียวกับลูกชายของอาจารย์ ได้อุปสมบทถือสมณเพศ เมื่อทราบข่าวก็มาร่วมงาน ร่วมทุกข์กับโยมเพื่อน พร้อมกับรับอาราธนาแสดงธรรมเทศนาเป็นปฏิบัติบูชาคุณงามความดีของครูอาจารย์
ซ้ายสุด อาจารย์โหน่ง รุ่นที่ ๒ อดีตเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลหญิงทั้งของแผนกศิลปหัตถกรรมและของวิทยาลัยอาชีวศึกษาราชบุรี เป็นครูของโรงเรียนในราชบุรีตั้งแต่จบการศึกษาจากเพาะช่างกระทั่งปัจจุบัน กลาง อาจารย์สมบูรณ์ กล่ำสมบัติ และขวาสุด อาจารย์ประดับ เต็มดี ศิษย์เก่ารุ่น ๑ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลเจ็ดยอด เชียงใหม่ และปัจจุบันได้มาเป็นอาจารย์ประจำของคณะศิลปกรรม วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี
น้องชายคนสุดท้องของอาจารย์ ญาติๆ และอดีตเพื่อนร่วมงาน ร่วมถวายจตุปัจจัยบำเพ็ญบุญกุศลแด่อาจารย์
ไม่ค่อยได้เปิดMailเท่าไหร่แต่พอทราบข่าวก็ลองเปิดดู มีความรู้มากจริงๆ ขอบคุณค่ะ
คืนนี้ไปงานมาปลื้มใจแทนอาจารย์มากที่มีลูกศิษย์มากันมากมาย อาจารย์คงจะดีใจ และอ้อได้อ่านบทความของพี่วิรัตน์ด้วยค่ะ
งั้นขอกล่าวถึงต่อเลยเนาะ
อีกท่านหนึ่งคือคุณครูอ้อหญิง โรงเรียนเทศบาล ๕ รุ่นเดียวกับอาจารย์โหน่ง ต้องขออภัยที่พี่ยังนึกชื่อจริงไม่ได้หลายคน สงสัยต้องนั่งทบทวนกันนานเลย จำได้แต่ชื่อเล่น
อ้อชื่อจริงจำได้อยู่สองคนคือ สุวัฒน์ ซึ่งตามไปเป็นรุ่นน้องจิตรกรรมสากลของผมที่เพาะช่างและเรียนเก่ง ฝีมือดี เป็นนักเรียนได้ทุนเรียน ตอนนี้เข้าไปอยู่ป่าใกล้ชายแดนทำเป็นบ้านดินและสตูดิโอเขียนรูป
อีกคนคือ อาจารย์วสันต์ ชมสุวรรณ์ จากประจวบฯ นี่ก็รุ่น ๒ และกำลังเป็นตัวตั้งตัวตีประสานงานเพื่อจัดงานพบปะและทำเวิร์คช็อพศิลปะให้อาจารย์สมบูรณ์กันสักครั้งหนึ่ง
อีกคนคือเด้ง ยอดฝีมือซึ่งดังในการทำป้ายโปสเตอร์หนังของราชบุรีและมีร้านทำงานศิลปะเป็นมืออาชีพตั้งแต่ตอนเรียน ตอนนี้ไปทำรีสอร์ตสำหรับซุ่มทำงานและต้อนรับคนที่มีรสนิยมศิลปะอยู่แถวสวนผึ้ง
อีกคนคือสมบัติ นิลเลื่อม รุ่น ๑ และเป็นกลุ่มเพื่อนของผม ทำงานอยู่ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ที่กรุงเทพมหานคร นอกนั้นก็เป็นรุ่นน้องรุ่น ๑๐ กว่าขึ้นไปหลายคน
ขอบคุณคร้าบบบ ที่จำได้ แต่ถึงบอกไปก็คงจะงงงงง....เหมือนเดิมเพราะแต่ละคนได้เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเพื่อเป็นศิริมงคลกันหมดแล้ว เช่น โหน่ง จากวลัย เจริญรักษา ก็เป็น ญานิศา เจียมจำรัส งงม๊ะ...ส่วนอ้อ ปรีดาภรณ์ สมุทรสาคร ก้เป็นปรียาภรณ์ ฤทธิมาศ เชื่อหรือยังคะ ฮิ ฮิ ฮิ...
นานๆครั้งจึงจะได้เจอกัน เลยก็ถือโอกาสคารวะครูอาจารย์และสร้างความรู้จักมักคุ้นเพื่อนพ้องน้องพี่ ผมกับเลิศชายได้ขอกราบคารวะอาจารย์สมบูรณ์ด้วยพวงมาลัยดอกไม้สด
ในส่วนผมเองนั้นก็ขอไหว้ด้วยพวงมาลัยดอกไม้สดแก่อาจารย์ประดับ เต็มดีด้วย ประดับนั้นเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาอาวุโสกว่าพวกเราทุกคนทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ ผมเรียนรู้จากประดับผ่านการเป็นกลุ่มตระเวนเขียนรูปกับอาจารย์สมบูรณ์มากมาย
เมื่อเข้ากรุงเทพฯ ก็ได้อาศัยประดับพาเข้ากรุงเทพฯโดยไปนอนบ้านพี่สาว-พี่เขยของประดับที่ข้างวัดเศวตฉัตร ถนนเจริญนคร และฝึกฝีมือเตรียมสอบเข้าเพาะช่างจนได้ด้วยกัน
อาจารย์ประดับเป็นคนทำงานเชิงความคิดลึกซึ้งและทำงานต่อเนื่อง แล้วก็เป็นคนที่จดจำรำลึกคุณงามความดีของผู้คนทุกระดับ กตัญูญูอาจารย์และพ่อแก่แม่เท่าอย่างยากที่ใครจะปฏิบัติได้เท่า ผมจึงถือเป็นครูและขอคารวะ นอกเหนือจากเป็นเพื่อนรักคนหนึ่ง
พอเสร็จ อาจารย์สมบูรณ์ก็ทำให้ต้องประทับใจอีกอย่างยิ่ง อาจารย์บอกว่าเพื่อให้เป็นกำลังใจพัฒนาการศึกษาทางศิลปะต่อไป อาจารย์ขอส่งมอบพวงมาลัยให้แก่อาจารย์ประดับ ประดับก็รับ แล้วก็รวมทั้งหมดไว้ในมือ พร้อมกับบอกว่าหลังจากรับแล้วก็ขอมอบกลับเพื่อแสดงความเคารพต่ออาจารย์
ดีจังเลยเจ้าอ้อ นี่ถ้าหากไม่บอก นอกจากจะนึกไม่ออกแล้วก็ยากที่จะเดาเลยเชียว ไปเจอชื่อใหม่โดยไม่รู้ว่าเป็นใครก็คงไม่รู้แน่เลยว่าจะเป็นพวกเรากันเอง ขอบคุณนะครับ
กลับถึงบ้านหรือยังคร้บบบบบบบ น้อง ๆ เป็นห่วงท่าน ดร. ช่วยเช็ครถตู้ให้แล้วแต่เขาบอกว่าหมดไปตั้งแต่ 20.00นแล้ว โหน่งบอกว่าวิศิษฐ์ไปส่งเลยสบายใจ.... วันนี้ได้พบกับท่านอาจารย์วิรุฬ วิทยาประเสริฐ โค้ชบาสสมัยที่อยู่เทคนิค ใจดีสุด ๆๆ พวกเราดีใจมาก
กลับไม่ทันครับ รถหมด หากมีโอกาสเจอวิศิษฐ์อีกก็ฝากขอบคุณอีกมากๆเลย ถึงแม้จะคิดว่ารถหมดแล้ว แต่เขาบอกว่าปรกติแล้วมันจะหมดดึก ๓-๔ ทุ่ม ตอนที่กำลังหารถกลับนั้นเพิ่งจะสองทุ่มกว่าเอง เพื่อให้แน่ใจ เขาเลยพาตระเวนไปทั่วทุกแห่งทั้งท่ารถตู้ ๓-๔ เจ้าและรถทัวร์ จนแน่ในว่าไม่มีรถแน่ๆแล้วก็เลยพาไปนอนตรงโรงแรมท่ารถทัวร์นั่นแหละ ขอบคุณน้องๆมากเลย ด้วยความซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
ตอนแรกนั้นเจ้าโหน่งเขาอาสาพาซ้อนมอเตอร์ไซคล์ไปส่ง บึ่งไปได้ยังไม่ทันครึ่งทางเจ้าวิศิษฐ์ก็ขับตามไปรับขึ้นรถของเขาเพื่อจะได้เร็วขึ้น แล้วก็พากันขับรอบเมืองหารถตรงโน้นตรงนี้เป็นชั่วโมงมั๊ง
ตอนเช้าก็ตื่นขึ้นรถทัวร์เที่ยวแรก ออกตี ๔ คิดว่าจะถึงสว่างและใช้เวลาเดินทางสัก ๒ ชั่วโมง ที่ไหนได้ รวมแล้วทั้งนั่งรถทัวร์จากราชบุรีกับต่อรถเมล์ถึงที่พักก็ชั่วโมงเดียวเห็นจะได้ กลับไปนอนอีกได้เป็นตื่น
แล้วค่าโดยสารก็ถูกมาก ไปกลับรวมแล้วแค่ ๒ ร้อยบาท ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมหลายคนที่ราชบุรีนั่งรถไปกลับไปทำงานกรุงเทพฯ ถูกและประหยัดเวลายิ่งกว่าเดินทางและขับรถไปทำงานเองในกรุงเทพฯเสียอีก
ได้ความคิดอย่างหนึ่ง เป็นการย้ำสิ่งที่พวกเราคุยกันในคืนแรกที่ช่วยกันจัดงานให้อาจารย์วิมลศรีนะครับว่า หากจะชวนกันทำอะไรแล้วละก็ ทำกันตอนที่อาจารย์ที่เคารพรักของเราท่านอื่นๆที่ยังเหลืออยู่ ยังมีกำลังวังชาที่จะได้รับรู้และร่วมชื่นชมที่ลูกศิษย์ลูกหาได้ทำสิ่งดีๆให้ ก็คงจะดีนะ
เห็นด้วยกับความคิดที่ว่าทำอะไรก็ทำซะ ทำตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ต้องคอยเคาะบอกแล้วอย่างนี้เราจะเห็นได้อย่างไรว่าท่านชอบหรือไม่ชอบ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ ช่วยส่งข่าวให้ทราบบ้างนะคร้าบบบบบ....แก๊งเจ้าอ้อ กะเจ้าโหน่ง เตรียมตัวไปเป็นกองหน้า อยู่ แว้ววว..........
สมบัติ นิลเลื่อม และภรรยา และครูสุรจิตร(เสื้อสีน้ำเงิน) ศิษย์เก่าศิลปหัตถกรรมและเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ สมบัติทำงานอยู่ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรุงเทพฯ สุรจิตรเป็นอาจารย์คณะศิลปกรรม วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี
ลูกหลานของอาจารย์ทำบอร์ดเรื่องราวของอาจารย์เมื่อครั้งสอนหนังสือซึ่งผมเขียนเป็นกตเวฑิตาแด่อาจารย์ไว้ในบล๊อก GotoKnow และได้ดึงออกมาทำเป็นแผ่นโปสเตอร์ทำบอร์ดแสดงเกียรติคุณให้อาจารย์ ให้เป็นโอกาสที่ญาติพี่น้อง ลูกหลาน ลูกศิษย์ และแขกผู้เคารพนับถือ จะได้รำลึกและน้อมคารวะอาจารย์ร่วมกัน
คณะสงฆ์ สามเณร คณะแม่ชี วัดเขาวัง ร่วมเป็นเจ้าภาพ บำเพ็ญกุศลแด่อาจารย์เนื่องจากอาจารย์วิมลศรีเป็นผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่ที่เขาวังอยู่นับสิบปี และลูกชายของอาจารย์ก็ทำงานเขียนรูปหลวงพ่อวัดเขาวังไว้ที่ศาลาให้ญาติโยมได้เคารพกราบไว้ รวมทั้งอุทิศตนทำงานต่อแด่พระศาสนา
คณะผู้บริหารและคณะครูอาจารย์วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี และโรงเรียนวัดเขาวังราชบุรี(แสง ช่วงสุวนิช) ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมและบำเพ็ญกุศลอุทิศแด่อาจารย์
ครอบครัวลูกหลานและสามีของอาจารย์ และล่างอาจารย์ประดับ เต็มดีกับสามีของอาจารย์ สามีของอาจารย์เป็นมือเขียนการ์ตูนและเป็นศิษย์เก่าของเพาะช่างรุ่นน้องอาจารย์สมบูรณ์ กล่ำสมบัติ และรุ่นเดียวกับสุเทพ วงศ์กำแหง
ริมซ้ายคุณครูอ้อ ปรีดาภรณ์ สมุทรสาคร โรงเรียนเทศบาล ราชบุรี ๕ ริมขวาคุณครูโหน่ง ญานิศา เจียมจำรัส โรงเรียนสุริยวงศ์ ราชบุรี
คุณครูที่ยืนอยู่ตรงกลาง เป็นรองผู้อำนวยการของวิทยาลัยเทคนิคราชบุรี และดูเหมือนจะเคยเป็นโค้ชให้กับทีมบาสเกตบอลของสาขาวิชาศิลปหัตถกรรมที่ครูอ้อและครูโหน่งเป็นนักกีฬาของแผนกด้วย
ในวันพระราชทานเพลิงศพท่านอาจารย์วิมลศรี ยุกตะนันท์ ต้องขอขอบคุณศิลปรุ่น 3ที่มากันมากที่สุด(รุ่นอ.ต้อ)แต่ไม่ใช่ว่า รุ่นอื่น ๆไม่มานะ อาจจะเป็นเพราะว่าติดต่อกันไม่ได้ และส่วนใหญ่ ทำงานกันไกล ๆ ในวันงานเขาให้ลงชื่อไว้แล้วว่าใครอยู่ที่ไหนกันบ้าง หวังว่ามีข่าวคราวอะไรคงจะมีคนส่งข่าวให้ทราบบ้างนะคะ และถ้าเป็นไปได้ช่วยถ่ายเอกสารที่อยู่แจกไปให้แต่ละคนก็ดีนิ ....ตอนนี้ลูกก็โต หมดแล้วไม่มีภาระอะไรก็คงจะได้พักผ่อนบ้างตามสมควร
ดีใจไปด้วยจังเลยที่มีคนช่วยกันทำให้อาจารย์จนเรียบร้อย ต้องร่วมขอบคุณทางสำนักงานศึกษาของจังหวัดที่ช่วยยื่นมือเข้ามาเดินเรื่องให้ แต่เดิมนั้นทางครอบรัวของอาจารย์และน้องๆเขาก็ไม่มีใครรู้และไม่มีใครดูให้ อาจารย์สร้างคนให้กับสังคมมาตลอดชีวิต เป็นครู จึงมีความดีงามและเกียรติยศสูงส่ง ลูกหลานและญาติพี่น้องที่อยู่ข้างหลังก็จะได้มีความทรงจำเป็นทุนชีวิต เป็นคนดีและมีพลังใจในการทำสิ่งต่างๆต่อไปอย่างดีในอนาคต อ้อกับโหน่งก็สปิริตดีเนาะ ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อตอนที่เป็นนักกีฬาและนักกิจกรรมของพวกเราเมื่อตอนเรียนเลย อาจารย์ต้อก็เหมือนกัน รวมทั้งวิศิษฐ์ด้วย เขารุ่นเดียวกับอาจารย์ต้อที่ราชบุรี
งานที่โรงเรียนกำลังยุ่งมากเลยไม่ได้มาคุยหลายวัน ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนคนอื่นหรือเปล่า
ตอนนี้อ้อต้องถูกคณะกรรมการมาประเมินเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานครู เอาใจช่วยด้วยนะคะ
ถึงเวลาพอดี ......ไปนะคะ....
ได้อยู่แล้วใช่ไหมครูอ้อ หากมีโอกาสก็นำเอากิจกรรมการสอนศิลปะในโรงเรียนเทศบาลมาเล่าแบ่งปันกันหน่อยสิ
วันนี้ ๗ มกราคม เป็นวันเกิดเพาะช่าง
ขอน้อมบูชาพระวิษณุกรรม เทพและครูแห่งช่าง
ขอกราบคารวะดวงวิญญาณท่านอาจารย์วิมลศรี ยุกตะนันท์ และครูศิลปหัตถกรรมราชบุรีทุกท่าน
ขอน้อมรำลึกพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆชาวศิลปหัตถกรรมราชบุรี และคนทำงานศิลปะทุกคน
กราบขอบคุณนะค่ะ เพิ่งเปิดเจอหน้านี้ หนูเป็นลูกสาวของคุณแม่ ไม่รู้จะแทนคำขอบคุณท่านยังไง หนูภูมิใจที่มี แม่ ผู้เป็นทุกอย่างของลูก ชาติใด ๆ ขอเป็นลูกของแม่ตลอดไป
เจ้าบีหรือ สบายกันดีนะครับ ติดต่อกันไว้
มีอะไรก็ติดต่อพี่ได้เสมอเลยนะครับ
สวัสดีครับ เอพึ่งได้ตอบพี่ ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ ตอนนี้เอมาทำงานอยู่สงขลาเกือบ3ปีแล้วครับ ได้อ่านแล้วได้ระลึกถึงแม่ที่เฝ้ามองดูอยู่ในใจความดีของแม่เป็นกำลังใจสิ่งเดียวที่ทำให้เอมีแรงก้าวต่อไปครับ ถึงจะล้มมั่งก็ไม่หวั่นไหวแค่ท้อแท้แต่พอนึกถึงแม่แล้วยิ่งได้อ่านบทความของพี่เอมีกำลังใจขึ้นมาเลยครับ ขอบพระคุณพี่มากครับ