สามคำถามจากวงสนทนา World Café ออนไลน์


ตั้งใจมาเข้าร่วมวงสนทนา World Café  ในระบบออนไลน์ค่ะ

          จากที่ได้ฟังจากที่ได้อ่านความคิดของสมาชิกในวงไปหลายๆ ท่านแล้ว ก็พยายามมองย้อนกลับไปในตัวเองว่าเรามีอะไรบ้าง ก่อนหน้าการก้าวเข้าสู้รั้วงาน เราเข้าไปแบบมือเปล่าหรือมีอะไรติดมือไปด้วย สารภาพนะคะว่าเดิมๆ ก็เป็นคนรุ่นเก่าที่ไม่รู้จักเครื่องมือไอที/ไอซีทีใดๆ เลย นอกจากเครื่องพิมพ์ดีดแบบเคาะๆๆ แก๊กๆๆ ปัดแคร่ วิชาคอมพิวเตอร์สมัยเรียนเป็นแค่วิชาเลือกจะลงก็ได้ไม่ลงก็ได้ แต่พอเข้าไปทำงานได้สักระยะหนึ่ง คอมพิวเตอร์ โปรแกรมต่างๆก็ไล่ล่าตามหลังมาติดๆ ค่ะ ของพวกนี้ไม่มีในตำราให้เรียนเอาเกรด ตายแล้วตายแน่ๆ ถ้าขืนยังอยู่นิ่งๆ เฉยๆ โดยเฉพาะงานที่ฉันทำเป็นงานด้านการติดต่อสื่อสารประเภท Two Way Communication ใครๆ ก็พูดเรื่องอินเทอร์เน็ต เครือข่ายใยแมงมุม ทุกคนยุคนั้นมองว่ามันคือสื่อใหม่ในวงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และการติดต่อสื่อสารทั้งหลาย มาค่ะคราวนี้ขอให้ฉันได้เล่าเรื่องตัวของฉันผ่านคำถามสามข้อบ้างนะคะ

1. จากประสบการณ์ตรงของแต่ละคน มีความรู้อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจ ที่ทำให้ท่านได้ทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจ อย่างเต็มที่ที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้นั้นๆ เพราะอะไร มีความหมายอย่างไร และลงท้ายได้ทำอะไรไปบ้างในการที่จะได้ความรู้มา

          ปี 2527 พอเรียนจบ ฉันก็กลายสภาพเป็นมนุษย์เงินเดือนทันทีค่ะ เข้าทำงานราชการในตำแหน่งหน้าที่นักประชาสัมพันธ์ ถูกส่งตัวไปพัฒนาตนเองในกิจกรรมสัมมนาด้านการสื่อสารในโลกยุคใหม่ก็หลายหลักสูตร ในช่วงนั้นสื่อใหม่ๆ เริ่มเข้ามามีบทบาท มันเท่ากับว่าคนยุคฉันต้องเริ่มต้นการเรียนรู้ใหม่เริ่มนับศูนย์กันใหม่ค่ะ เมื่อคอมพิวเตอร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตงานแล้ว แรงบันดาลใจของฉันก็คือความอยากรู้อยากเล่นอยากทำเป็นค่ะ  ฉันเขียนเล่าเรื่องตัวเองไว้เยอะในเรื่องเป็ด เป็ด ค่ะ

          เรื่องของเรื่องก็คือความรู้เกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์และโปรแกรมต่างๆ คือแรงบันดาลใจที่อยากจะทำได้ทำเป็น มันเหมือนกับจะมาช่วยทดแทนจุดอ่อนที่เราทำไม่ได้ คือเรื่องการเขียนตัวหนังสือสวยๆ การวาดรูปเป็น การวาดจินตนาการต่างๆ ลงในเอกสารสิ่งพิมพ์ที่เป็นงานประจำของฉันไงคะ ฉันมีความรู้สึกว่าตอนเข้าทำงานใหม่ๆ ตัวเองมีแค่หนึ่งสมองกับสองมือเปล่าๆ ได้รับการปลูกฝังวิธีเรียนหนังสือแบบให้รู้กว้างๆแล้วค่อยลงลึกในเรื่องที่เข้าไปข้องเกี่ยวผ่านประสบการณ์การทำงาน คล้ายๆ กับว่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยให้ลูกศิษย์ไปต่อยอดกันเองจากความรู้พื้นฐานที่ให้ตลอดสี่ปี ก็ ตามประสาเป็ดค่ะ แต่เอาตัวรอดได้ โดยการเรียนรู้ฝึกฝน จนชำนาญ มีประสบการณ์กับเครื่องมือใหม่ๆ โอกาสดีเป็นของฉันค่ะ เพราะว่าทำงานในห้องสมุด จึงมีคอมพิวเตอร์ใช้งานส่วนบุคคล มีหนังสือความรู้ ซีดีรอมสอนการใช้ ติดตามอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้แบบสุดๆ ขึ้นอยู่กับว่าตัวเองอยากจะหยุดเมื่อไร เป็นอุปกรณ์การเรียนของฉันค่ะ และงานที่ทำโดยอิสระ ดูแลจัดระบบการทำงานของตัวเองได้เต็มที่

          ในที่สุดฉันก็ทำอะไรๆ เป็นที่พอจะนำมาประยุกต์ใช้ในงานประจำของฉัน งานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผน ครีเอทีฟความคิดสร้างสรรค์ลงในงานผลิตสื่อเผยแพร่แล้วแต่จะเลือกทำ ไม่เก่งมากแต่ทำได้ให้งานออกมาดูดี เผยแพร่รวดเร็วทันเวลา และมีความสุขที่ได้ทำ ชื่นใจเสมอเมื่อทำเล่นกับแผ่นกระดาษ แปลงให้เป็นโปสเตอร์ ใบปลิว แผ่นพับ ป้ายโฆษณา ฯล ออกมาเป็นชิ้นงานค่ะ

2. จากประสบการณ์ตรงของแต่ละคน คิดว่าในองค์กรของตนเองเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และพันธกิจ ควรจะมีจะมีเครื่องมือ หรือวิธีแสวงหา รวบรวมองค์ความรู้ การบริหารจัดการความรู้ ให้พรรณาทั้งที่ควรจะมี(ถ้ายังไม่มี) อยากจะมี ใฝ่ฝันว่าถ้ามีแล้วจะสุดยอด หรือที่มีแล้วจะให้มีการใช้อย่างไร

          จริงๆ แล้วในแต่ละหน่วยงานก็มีธงเรือที่ปักรอให้เดินทางไปให้ถึง มีวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์และแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานเป็นกรอบให้เดินไป และแต่ละหน่วยงานก็มีคนทำงานตามหน้าที่ของใครของคนนั้น  สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน แต่ละคนแต่ละงานจะส่งต่องานกันไปเป็นทอดๆ โดยมีความสามัคคีทำงานเป็นทีมร่วมกัน ถ้าจะมีใครสักคน เหมือน...น็อตหลวม เครื่องจักรจะทำงานไม่เต็มที่ แต่....บ่อยๆ ไปฉันก็รู้สึกว่าพวกเราทำงานเหมือนเป็นหุ่นยนต์เข้าไปทุกทีๆ แล้วค่ะ เราเหมือนจะรอรับคำสั่งให้ทำกัน รอให้โดนบังคับว่าต้องส่งงานต้องให้มีปริมาณงาน ต้องกำหนดตัวชี้วัดผลงานของตัวเองแล้วทำให้ได้ตามที่ให้สัญญาไว้ จนเราลืมความรู้สึกต่างๆไปค่ะ เครื่องมือที่เป็นรูปธรรมมีหมด สมบูรณ์มาก แต่ขาดการหันหน้าปรึกษาหารือและฟังกันค่ะ ขาดความคิดว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน

          ฉันว่าในหน่วยงานของฉันอาจจะมีอยู่แล้ว แต่มันแอบซ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่ง เรื่องของจิตใจ การทำงานโดยใช้หัวใจร่วมด้วย การมีจิตบริการในงานที่ได้รับมอบหมาย เหมือนมันจะหลบลี้หนีหน้าไปค่ะ ฉันเพียงแค่มองในมุมเล็กๆ มุมหนึ่งของที่ทำงาน ในฐานะที่ฉันทำหน้าที่ผู้ประสานงานการผลักดันงานตามโยบายจัดการความรู้เข้าไปสู่งานในฝ่ายที่ฉันสังกัดอยู่  และแค่มองในฐานะที่ฉันสามารถไปยืนในทุกๆจุดของหน่วยงานเพื่อพูดคุย รับรู้ ฟังปัญหา ฟังความรู้สึกของคนทำงาน นั่งเพราะงานของฉันมันเกี่ยวข้องกับทุกคนในหน่วยงานไงคะ

          ฉันว่ามันต้องมีการเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติบางอย่างที่ทำด้วยใจค่ะ ถ้าเริ่มจากจุดเล็กๆ จุดของการเปิดใจ ฟังกันมากขึ้น คิดตามเรื่องที่มีผู้อื่นพูด แสดงอาการให้เพื่อนร่วมวงสนทนา หรือวงการประชุม รู้ว่ามีเพื่อนร่วมงานพร้อมจะช่วยเหลือเสนอแนะแก้ปัญหาหากมีการร้องขอ อะไรทำนองนี้ค่ะ

Confusedbirdie 

3. จากที่ได้สนทนามาทั้งหมด คิดว่าถ้ากลับไปบ้าน ไปทำงาน จะทำอะไรเป็นสิ่งแรก ในอาทิตย์นี้หรือสองอาทิตย์นี้ เพื่อให้องค์กร หน่วยงานของตน เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ หรือการใช้เครื่องมือ หรือมีการบริหารความรู้ที่ดี อย่างที่เราฝันไว้ในรอบสอง

          ออกจากวงสนทนา World Café นี้ไปแล้ว ฉันจะทำอะไรได้บ้างในสัปดาห์นี้หรือสองสัปดาห์นี้หรือคะ ฉันพยายามมาโดยตลอดเลยค่ะ แต่มันไม่สำเร็จเลย

          ที่ทำงานฉันเองก็เคยเสียเงินเสียทองไปมากในการติดต่อเชิญ(จ้าง)บริษัทเอกชนมาจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคลากร แต่มันไม่ได้ผล เพราะเมื่อทุกคนกลับเข้าทำงานประจำ ก็ทำงานตามที่เคยทำเป็นประจำๆ ชีวิตงานก็กลับเข้าที่เดิม

          แต่ฉันก็ยังมีความฝันอยู่นะคะ ฉันวาดฝันไว้ว่าถ้าเราสามารถรวมตัวกันทำกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ที่กระชับแน่นแฟ้นระหว่างคนทำงานได้ เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ แม้จะต้องใช้เวลานาน และถ้าคนที่เสียสละมารวมตัวทำงานนี้เพื่อสังคมของหน่วยงานจะไม่ถอดใจไปเสียก่อน ก็คงจะดีมากๆเลยค่ะ  และตอนนี้ที่ฉันกำลังทำอยู่ก็คือ การสร้างกระบวนการกลุ่มคนที่ทำงานและรู้ว่ามีปัญหาในงาน แต่ใครก็แก้ไขปัญหาให้ไม่ได้นอกจากพวกเขาเองที่รู้ปัญหาและรู้จักงานของตัวเองดีที่สุด ฉันทำกิจกรรม หน้าบ้านน่ามองค่ะ โดยนำเทคนิคการพูดคุยร่วมกัน เปิดโอกาสให้มีการพูด ตอนแรกก็เป็นเรื่องระบายๆ (ความในใจ) บ้าง แต่ถ้าเรารอเวลาอย่างอดทนและใจเย็น ก็เชื่อว่าเวลาที่ใช้ไป มันก็คุ้มค่ะถ้ามันได้ผลดี ฉันอาจจะเขยิบไปเล่นกับเพื่อนที่อยู่หลังบ้านด้วยก็เป็นได้นะคะ มันคงพอจะเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งที่ช่วยลดเรื่องความรู้สึกเหลื่อมล้ำในการเสนอแนะแก้ปัญหาเพื่อพัฒนางานของหน่วยงานได้ค่ะ

          คำถามข้อสามฉันยังไม่ได้คำตอบที่ตัวเองถูกใจ ยังรู้สึกอยู่ว่ามันไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เอาแบบนี้ดีไหมคะ เรามาเริ่มต้นการสนทนารอบสองข้อสามกันค่ะ ฉัน...รอฟังความคิดเห็นเพื่อนร่วมวงน้ำชานี้อยู่นะคะ.

 

หมายเลขบันทึก: 280187เขียนเมื่อ 25 กรกฎาคม 2009 23:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวัสดีค่ะพี่ดาวลูกไก่

อาร์มเป็นกำลังใจให้กับฝันของพี่ดาวลูกไก่ค่ะ

และขอชื่นชมกับความพยายามและความฝันทั้งหมดของพี่ค่ะ

สวัสดีค่ะน้องอาร์ม

พี่ฝันจะตามหาวิทยากรมืออาชีพด้วยค่ะ

  • แอบมาสมัครเป็นเพื่อนหลังบ้าน
  • ขอพูดหลังไมค์
  • อาจารย์บอกว่ากระบวนการสุนทรียสนทนา
  • ก็ดี  เป็นการอาเรื่องทั้งที่ดีและเศร้ามาเล่ากันฟัง
  • คนฟังก็ต้องฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
  • ฟังเพื่อให้ได้ยินว่าเขาเล่าเรื่องอะไร
  • แต่..สุนทรียปรัศนี
  • เป็นการเอาสิ่งดีๆ  เอาพรสวรรค์ ที่เขามี
  • มาเล่า  และบอกต่อ
  • เพื่อก่อให้เกิดความภาคิภูมิใจตัวเอง
  • มั่นใจในตัวเอง  ว่าทำได้  และทำได้ดี
  • มาช่วยกันดึงตรงนั้นของทุกคนออกมา
  • เพื่อพัฒนา  บ้านให้น่ามอง
  • กันเถอะค่ะ
  • เพี้ยงขอให้ได้พวงกุญแจ

 

สวัสดีเจ๊าพี่เจ๊

เพิ่งได้ยินศัพท์คำนี้ค่ะ สุนทรียปรัศนี แต่คำว่า "ปรัศนี" คือเครื่องหมายคำถาม ฟังแล้วมันมีความฉงน เพราะว่าเป็นเรื่องมีเงื่อนงำต้องหาคำตอบ

รู้สึก(ไปเอง) ว่าต้องเป็นเรื่องของ พรแสวง มากกว่า พรสวรรค์ ไหมคะ เอามาบอกต่อให้เกิดผลเป็นความปิติ ทั้งคนฟังและคนเล่า อิอิ

แล้วจะศึกษาเพิ่มเติมค่ะ

ได้พวงกุญแจ(อยู่)แล้ว อยากให้พี่เจ๊ได้ด้วยไงคะ (กระโจนลงมาในวง Cafe' เร็วค่ะ แต่ต้องก่อนสิ้นเดือนนี้นะคะพี่เจ๊...จะได้เอามาอวดโชว์บล็อกเกอร์เมืองเหนือ...เวลาเจอกัน  ได้มาก็ใช้งานได้ทุกวันไงคะ (เสื้อนะใส่แล้วก็ต้องซัก^^แฮ่ม! ใส่ทุกวันไม่ไหวหรอก จริงๆ นะคะ :)

  • สวัสดีค่ะคุณดาวลูกไก่ชื่นชมยินดี พี่จ๊ะของน้องจ๊ะ
  • มาด้อมๆมองๆ วง Cafe' ค่ะ
  • เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจนะคะ
  • ชวนน้องจ๊ะแล้วหรือยังคะ ขอบคุณค่ะ

จากคำสัญญาที่หาดใหญ่...

ผมมีสองเรื่อง คือ ..สอนงาน...และสร้างทีม

ตอนนี้ ผมมาต่อยอดจัดกิจกรรมนี้อย่างจริงจังแล้วนะครับ...
และไม่นานนี้ ก็จะคลอดหนังสือชื่อ "รู้จักฉันรู้จักเธอ" (ไม่จำหน่าย) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือของการสร้างวัฒนธรรมองค์กร อันเป็นผลพวงของการ "สอนงานสร้างทีม" ...

....

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะอา(จารย์) เอื้องแซะ

เดาว่าถ้าชวนแล้วน้องจ๊ะจะบ่นๆในใจว่า พี่ๆ ชวนเล่นอะไร น้องไม่รู้เรื่อง เล่นไม่เป็นนะค่ะ ใจก็อยากชวนจะตายไปค่ะ^^

แต่ตอนนี้ชวนอา(จารย์)จ๊ะมาเล่นด้วยกันก่อนนะคะ มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ "สุนทรียปรัศนี" ให้เป็นความรู้สำหรับเพื่อนร่วมทาง G2K ต่อยอดกันค่ะ (พวงกุญแจเป็นเพียงผลพลอยได้ค่ะ แต่ จุ๊ๆ ได้ก็ อิอิ ดีออกนะคะ ไปไหนใครจะได้ถามว่าได้มายังไงค่ะ^^)

4 3 2 1 นับถอยหลังเวลาหมดค่ะ

  • มาร่วมวงด้วยค่ะ คุยไปจิบกาแฟไปพลาง
  • ตอนนี้ มีรุ่นพี่ (เจ้าของบริษัทฝึกอบรมแห่งหนึ่ง) จะมาคุยขอให้เขียนหนังสือเอ็นเนียแกรม  เกี่ยวกับรู้เรารู้เขาเข้าถึงจึงพัฒนาที่ศิลาเคยเขียนบทความไว้ในบลีอกที่นี่ แต่ให้ขยายเนื้อหาและยกตัวอย่างจริงประกอบ...
  • ช่วงนี้ ก็เลยอาศัยโอกาสที่ได้ไปอบรมหรือร่วมอบรมในที่ต่าง ๆ รวมถึงอ่านบันทึกประสบการณ์กัลยาณมิตรมาวิเคราะห์และสังเคราะห์พฤติกรรมการทำงานเป็นทีมค่ะ
  • การจัดการความรู้ที่ยั่งยืนควรเริ่มที่ตัวกระบวนกรเองก่อนเลยค่ะ
  • เปลี่ยนแปลงตัวเอง พัฒนาตัวเองให้คนใกล้ชิดเห็น
  • จากนั้น กระบวนกรควรมองเห็นศักยภาพของผู้ร่วมงาน เข้าถึงใจพวกเขาแล้วดึงแต่ละคนมาทำในสิ่งที่เขาเต็มใจและถนัด  แม้ไม่ถนัด ก็ต้องทำตัวเป็นเจ๊ดัน ให้เขาเห็นศักยภาพตนเอง
  • แล้วเราก็เชียร์เขาเพื่อให้เขาแชร์ในสิ่งที่เรารู้ลึก รู้จริง โดยไม่ต้องให้อยู่ในรูปแบบประชุมทางการมากนัก
  • จากประสบการณ์ที่ศิลามักใช้คือนัดเวียนกันไปเป็นเจ้าภาพเลือกร้านอาหารทานร่วมกัน แล้วสนทนาเปิดอก เปิดใจ
  • สอดแทรกวิธีการมองโลกในแบบหลากหลาย เพื่อให้เขาเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และให้อภัยกันค่ะ
  • หากเราสร้างวัฒนธรรมกลุ่มรุ่นพี่ที่เข้มแข็งไว้แล้ว เมื่อมีน้องใหม่เข้ามา เขาก็จะปรับตัวเข้าหาและโน้มเอียงไปในทางที่ดีตามเราค่ะ
  • เวลาศิลาชวนน้อง ๆ ไปทานอาหารก็จะบอกว่า "วันนี้ เราไปไดอะหล๊อกกันหน่อยนะจ๊ะ" เขาก็หัวเราะแล้วก็ไปด้วยความร่าเริง
  • เขียนยาวขนาดนี้ไม่ทราบว่ามีเนื้อหาหรือเปล่า อิอิ จริง ๆ ยังมีอีกยาวแต่เกรงว่าน้อง ๆ จะแอบไดอะหล๊อกพี่ หาว่าป่านนี้พี่ยังไม่ยอมตรวจงานเขาเลย มัวทำอะไรหน้าคอมฯ หว่า...555

สวัสดีค่ะคุณ แผ่นดิน

ขอบคุณค่ะที่ให้ลายแทง "..สอนงาน...และสร้างทีม" ให้ไปตามหาขุมทรัพย์(แห่งแผ่นดิน)

กำลังรู้สึกว่า ทำไมเรื่อง "คนและคน คน คน" จึงเป็นหัวข้อสุดท้ายที่ต้องกลับมาพูดกัน เหมือนเดินไปไกลๆ แล้วอ้อมกลับมาที่จุดเดิม แต่อย่างน้อยก็มีประสบการณ์เพิ่มเติม ให้หายุทธวิธีให้ได้ หัวใจ กันต่อไป

คุณแผ่นดินมีงานครบวงจรดีมากๆ เลยนะคะ จะทำตามแบบอย่างค่ะ  ว่าแต่ "สอนงานสร้างทีม"... อิอิ แอบขอเล่มหนึ่งค่ะ

สวัสดีค่ะคุณศิลา

เลื่อนเค้กชิ้นนี้มาตรงหน้าค่ะ

เรื่องความรู้เรารู้เขา เข้าถึง จึงพัฒนา เป็นเรื่องที่ดาวลูกไก่ยังต้องเรียนรู้อีกยาวไกลเหลือเกินค่ะ รู้แต่ไม่รู้ว่าจะปรับวิธีการให้ได้ใจเขามาทำงานร่วมกันให้เต็มร้อยได้อย่างไรกัน แบบนี้แปลว่ายังรู้ตัวเองไม่พอนะคะ

คุณศิลาเขียน...การจัดการความรู้ที่ยั่งยืนควรเริ่มที่ตัวกระบวนกรเองก่อนเลยค่ะ ควรมองเห็นศักยภาพของผู้ร่วมงาน เข้าถึงใจพวกเขาแล้วดึงแต่ละคนมาทำในสิ่งที่เขาเต็มใจและถนัด  แม้ไม่ถนัด ก็ต้องทำตัวเป็นเจ๊ดัน ให้เขาเห็นศักยภาพตนเอง ...

บ่อยๆ ที่รู้สึกว่าคนทำงานปฏิบัติอย่างเดียวคือคนรอรับคำสั่ง รับการมอบหมายเป็นงานๆ ไป ทำกันมานานจนชิน พอผู้ใหญ่เริ่มนำเข้าสู่ยุคการบริหารสมัยใหม่ เจออุปสรรคคือด ผู้ใหญ่เปลี่ยนได้ยาก ผู้น้อยไม่อยากเปลี่ยน ^^ ผู้ใหญ่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องใช้ไม้แข็งเดิมๆ คือ บังคับซ้อนให้สมัครใจทำแล้วจะมีรางวัลให้ คือคนอยู่ตรงกลางก็รู้ความคิดความต้องการของทั้งสองฝ่ายนะคะ แต่ยังไม่สามารถชวนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปไดอะหล็อกกันได้ (เข้าไม่ถึง ไม่อยากเสี่ยง...)

แต่พอมีเป้าหมายเรื่องนี้อยู่ค่ะ ปีที่ผ่านมาเป้าหมายที่ปักวางเรื่องทบทวนกิจกรรมให้รู้จักคิด คิด คิด ก็สำเร็จในระดับหนึ่งเพราะมีกัลยาณมิตรที่นี่ค่ะ เป้าหมายในปีนี้จะลองวางปักดูต่อไปค่ะ (แต่ไม่ชอบความเดียวดายเอาเสียเลย)

 กาแฟหมดแก้วแล้วค่ะ ^^ ไว้ต้มกาใหม่ก่อนนะคะ (กาแฟกะลาโต้ค่ะ)

สวัสดีค่ะ

  • ดีใจที่อ่านทั้งบันทึกและข้อคิดเห็นของเพื่อน ๆ
  • ขอขอบพระคุณค่ะ

ความเห็น 10ขอแก้ไขค่ะ พิมพ์พยัญชนะเกินมา 1 ตัว  เจออุปสรรคคือด  กลัวโดนปรับค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ครุคิม ขวัญใจชาวบล็อก หากมีข้อแนะนำ ช่วยมาแปะไว้ให้ด้วยนะคะ เรื่อง คน คน คน ดาวลูกไก่ไม่ค่อยถนัดค่ะ ถนัดเป็นเครื่องจักร เพราะมันมีล้นเหลือในที่ทำงานนะค่ะ

  • พี่จ๊ะ..จ๊ะ..

ฯลณ    <<  มาเสียค่าปรับเสียดีๆ  แถวๆ ย่อหน้าที่ 5 มั้ง

และผู้ใหญ่เขาเล่นอะไรกันน่ะ  แบบนี้น้องจ๊ะไม่เห็นจะรู้เรื่อง   สู้เล่นนั่งวาดรูป  รับายสี  เล่นดิน  เล่นทราย ก็ไม่ได้  อุ๊บ!   

 

น้องจ๊ะ..จ๊ะ

อุ๊บ! มาคัดคำผิดด้วยกันมา เร็วเข้า...  รับายสี 

ส่วนของพี่...เดี๋ยวกลับมาแก้ไข ไปประชุมก่อนนะจ๊ะ

ระบายสี..ระบายสี..ระบายสี..ระบายสี..ระบายสี

ระบายสี..ระบายสี..ระบายสี..ระบายสี..ระบายสี

  • เพิ่งมาเปิดบันทึก
  • เลยอดกินอาหารเกาหลี  อิอิ
  • ตกลงพี่เลยอด  พรแสวง อาหารกิมจิ
  • เพราะมัวแต่ใช้  พรสวรรค์ ที่มีอยู่
  • ไปขุดดินดายหญ้า
  • เลยไม่ได้เข้ามาเปิดบล็อก  อดกิน  อิอิ

มาแสดงความยินดีที่ได้รับรางวัล ขอให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นค่ะ

น้องจ๊ะ..จ๊ะ

  • ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
  • คัดที่ผิดๆ แล้วนะจ๊ะ

พี่เจ๊ คะ

อันพรแสวงนั้นไซร้ ผลิตเมื่อไรก็ได้ แต่โอกาสนั้น มาถึงแล้วไม่คว้าไว้ก็ต้อง...อดตามระเบียบนะคะ วันหลังจะแนะนำเทคนิคการยิงเมฆให้พี่เจ๊ดีกว่า...เด็กติดเมฆคนใหม่ ^^

สวัสดีค่ะคุณ นาง นงนาท สนธิสุวรรณ

วันนี้อีกหนึ่งวัน (ไม่กี่ชั่วโมง)มาร่วมสนุกเขียนบันทึกเข้าวงworld cafe กันค่ะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้คือเป้าหมายหลัก รางวัลเป็นผลพลอยได้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท