การจัดการเรียนการสอนหน่วยการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่อง “โลกและวิทยาการ” ของผมเป็นส่วนหนึ่งของวิชาพื้นฐานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา 2551 ที่ผ่านมา
เป็นหน่วยการเรียนที่มีความมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้มีความรู้ความเข้าใจ สามารถอธิบายและวิเคราะห์ถึงพัฒนาการทางด้านวิทยาการเทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เห็นคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาสังคมไทย
เพื่อให้บรรลุถึงผลการเรียนรู้ที่คาดหวังดังกล่าว ผู้สอนได้ออกแบบการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์มาใช้ร่วมกับวิธีสอนแบบโครงงาน และวิธีสอนที่ใช้แหล่งวิทยาการภายในชุมชน
วิธีสอนแบบโครงงาน เป็นวิธีสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลาย ๆ สิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้งหรือเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ ให้มากยิ่งขึ้นโดยใช้วิธีการที่ศึกษาอย่างมีระบบเป็นขั้นเป็นตอน มีการวางแผนในการศึกษาอย่างละเอียด ปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้ จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้น ๆ การสอนแบบโครงงานจึงเป็นการสอน
ที่ฝึกให้นักเรียน คิด ทำ อย่างเป็นระบบ เป็นงานวิจัยเล็ก ๆ ของนักเรียน ฝึกกันบ่อย ๆ ย่อมพัฒนาไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม
ชิ้นสำคัญได้ในอนาคต
สำหรับแหล่งวิทยาการภายในชุมชนนั้นภาษาอังกฤษใช้คำว่า Community Resource นั้น ในความหมายของนักวิชาการไทย ได้ให้นิยามไว้หลายคำ เช่น แหล่งความรู้ แหล่งความรู้ชุมชน แหล่งวิชาในชุมชน แหล่งทรัพยากรในชุมชน แหล่งการศึกษานอกโรงเรียน เป็นต้น
แหล่งวิทยาการภายในชุมชนในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ หลักฐานทางด้านวัตถุ เครื่องมือ เครื่องใช้ หลักฐานจากคำบอกเล่าจากผู้รู้เห็นเหตุการณ์ รวมไปถึงเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา โดยนำมาใช้ประกอบกับการศึกษาข้อมูลทางด้านเอกสาร
ผมมอบหมายให้นักเรียนศึกษาชุมชนของตน โดยใช้ชื่อกิจกรรมศึกษานวัตกรรมชุมชนกับนักวิจัยชุมชนรุ่นเยาว์ เป็นกิจกรรมวิจัยชุมชน ไปสืบไปค้นถึงการสะสมความรู้ของคนในชุมชน..การเกิด การถ่ายทอด..การพัฒนา..และการสูญหาย เป็น
การศึกษานวัตกรรมเปรียบเทียบจากชุมชนต้นแม่น้ำเพชรที่สัมพันธ์กับป่า...ชุมชนกลางน้ำที่สัมพันธ์กับนาและการทำสวนสุดท้ายเป็นปลายน้ำที่สัมพันธ์กับนาเกลือและการประมง..
สำหรับการประเมินผลการสอนหน่วยการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่อง โลกและวิทยาการ ในครั้งนี้ ผมได้ใช้วิธีการประเมินแบบ The single group posttest - only design ไม่มีการวัดตัวแปรก่อนการทดลอง เมื่อสอนเสร็จจึงทำการวัดผลเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จากการสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 5 ห้องเรียน โดยกำหนดตัวแปรที่ใช้ศึกษาคือ คะแนนผลสัมฤทธิ์ผ่านเกณฑ์ โดยมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 80 จากคะแนนเต็ม และนักเรียนมีเจตคติที่ดีเห็นต่อคุณค่าของการศึกษาประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่น
ผลการประเมินเป็นไปตามที่ได้ตั้งสมมติฐานไว้คือ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และ
มีเจตคติต่อคุณค่าของการศึกษาประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่นอยู่ในเกณฑ์สูง
เรื่องนี้เห็นทีเรื่องนี้จะยาวเสียแล้ว คงต้องนำมาเสนอในตอนต่อไปครับ....
สนใจศึกษาเพิ่มเติมได้จากเว็บไซ http://www.oknation.net/blog/krunoppol
เข้ามาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมชม
สวัสดีค่ะ
ชื่นชมกิจกรรมศึกษานวัตกรรมชุมชนกับนักวิจัยชุมชนรุ่นเยาว์
ขอเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับนักเรียนค่ะ
ขอมีความสุขในการทำงานนะคะ