พอเสร็จงานที่สถานพินิจตามบันทึกก่อน ผมก็เสนอความคิดชวนกันไปหาอะไรรับประทานกันต่อ เริ่มแรกก็คิดถึงร้านกาแฟและไอศครีมทำเองตรงถนนนางงาม ร้านประจำที่ผมไป แต่พี่นิด..ขนิษฐาเสนอว่า น่าจะไปกินไอติมโอ่ง ใส่ถั่วเขียว ที่ถนนเดียวกัน ได้ยินแล้วน้ำลายสอ เลยเปลี่ยนเป้าหมายตามพี่นิดแนะแทน
ถนนนางงาม ชื่อเดิมคือ ถนนเก้าห้อง เป็นถนนของกินโดยแท้ เพราะมีร้านอาหารและขนมชื่อดังเรียงรายตั้งแต่ต้นจนสุดสาย
แล้ววันนี้ พวกเราก็โชคดีโดยบังเอิญ
ถนนนางงามกำลังมีงาน ถนนคนเดินครั้งที่ ๒ คือ ปิดถนนขายของกันอย่างครึกครื่้น ตั้งแต่ ๑๒ - ๑๙ มิถุนายน วันที่เราไปจึงเป็นวันเปิดงาน เขากำลังเชิดมังกรและสิงโตตัวเล็กตัวน้อย สมโภชศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสงขลา ที่มีลักษณะเป็นศาลเจ้าจีนอยู่พอดี ตามรูปที่ผมใช้มือถือถ่ายสั่นๆ ข้างล่างนี้
ผมกับอาจารย์เชอรี่ไปถึงร้านไอติมโอ่ง ยืนรอทีมพยาบาลอยู่สักพัก ก็ลงนั่งสั่งของตัวเองรอ แต่ปรากฏว่าอีกทีมหนึ่งไปนั่งอีกร้าน ซึ่งเป็นร้านต้นตำหรับแต่ไม่ใส่โอ่ง อาจารย์บีเดินมาเจอถึงได้รู้ว่า นั่งกันคนละร้าน เออ..ให้มันได้อย่างนี้สินะ
แต่ไม่เป็นไรครับ พอผมกับอาจารย์เชอรี่จัดการไอติมโอ่งของตัวเองเสร็จ เราก็เดินไปสมทบกับทีมพยาบาลที่อีกร้านทันที ซึ่งตอนนั้นจัดการของหวาน คือ ไอศครีมเสร็จแล้ว กำลังต่อด้วยกวยเตี๋ยวราดหน้าขึ้นชื่อ ผมกับอาจารย์เชอรี่ก็ไม่ยอมน้อยหน้า สั่งไอติมอีกคนละถ้วยเพิ่ม ด้วยเหตุผลที่ฟังดูดีมาก ว่า ..จะได้พิสูจน์กันไปเลยว่าร้านไหนอร่อยกว่ากัน
ผมเองรู้สึกว่า ร้านต้นตำหรับนี้อร่อยกว่า รสชาติเข้มข้นกว่า แต่ไม่ใส่ในโอ่ง
หลังอิ่มหนำสำราญกันทั่วหน้าแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับ ผมกับอาจารย์เชอรี่พอรู้ว่า งานนี้มีแค่ปีละครั้ง ไม่ใช่เดือนละครั้ง ก็เกิดอาการปลากระดี่ได้น้ำ ไม่ยอมกลับหาดใหญ่ ขอเดินชมงานกันต่อ
ตลอดถนนสาย เจ้าของร้านสองข้างทางก็เอาของมาตั้งโต๊ะขายกันข้างถนน เสริมด้วยคนขายของจากถิ่นอื่น สินค้าส่วนใหญ่เป็นขนม ของเล่น หัตถกรรมชิ้นน้อยๆทำด้วยมือราคาไม่แพง ละลานตาไปหมด
เราสองคนเดินไป..แวะไป..ซื้อของไป เรียกได้ว่า อยากเห็นอยากรู้ไปหมด เพราะมีของแปลก โดยเฉพาะขนมพื้นบ้านที่เราไม่รู้จักมาก่อน เช่น ขนมปำจี ขนมเทียนสด ให้ได้เข้าไปแวะชมกัน ท่ามกลางบรรยากาศบ้านย้อนยุคของถนนแห่งนั้น
ผมสังเกตเห็นผู้คนทักทายกัน ทั้งที่รู้จักกันจริงๆแบบเจ้าถิ่นคนคุ้นเคยเห็นหน้ากันบ่อยๆ และก็ทักทายแบบบรรยากาศอำนวยให้ ผมเองก็พบคนรู้จักที่ไม่ค่อยได้เจอกันในงานนี้ หนึ่งในคนนั้น คือ คุณป้าภรรยาคุณลุงละเมียนตามบันทึกนี้ ที่บ้านอยู่ตรงนั้น คุณป้าเอาเก้าอี้มานั่งอยู่หน้าบ้าน มองผู้คนเดินไปมาและทักทายคนรู้จักอย่างเป็นสุข
ผมกับอาจารย์เชอรี่กลับมาหาดใหญ่ด้วยความรู้สึก ชื่นมื่น อิ่มท้อง อิ่มอกอิ่มใจ
ถ้าผมไม่ป่วยน่าจะพาเจ้าต้นไม้ไปเที่ยวมากเลยครับ ไม่ได้พาไปทะเลเกือบสองเดือนแล้วครับ
ผมชอบไอติมไข่ (ดิบ) ที่ถนนนางงามครับ ไม่รู้ว่าใช่ร้านเดียวกันหรือเปล่าครับ
จริงๆ แล้วเป็นแฟนพันธฺุแท้ถนนนางงาม (แต่ทำไมถึงไม่ทราบเรื่องนี้ก็ไม่รู้)เย็นนี้ถ้าำไม่ติดอะไร น่าจะได้กินทองเอก สัมปันนี ไอศกรีมไข่ ลูกชิ้นทอด ข้าวเหนียวดำกวน ตบท้ายด้วย ก๋วยเตี๋ยวใต้โรงงิ้วแน่นอนค่ะ
ถนนเส้นนี้ ผมเลยไปซื้อขนมของฝาก..
เคยมีรูปสวยๆอยู่นะครับ ว่างๆจะนำมาโพสประกอบบันทึกครับ
ขอนำเรื่องของถนนนางงามมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
สาเหตุที่ได้ชื่อว่า ถนนนางงามเพราะว่า ถนนเส้นนี้ เป็นที่ตั้งของบ้านนางงามสงขลาคนแรก ผู้่คนจึงเรียกถนนเส้นนี้ว่าถนนบ้านนางงาม ผู้คนต่างพากันมาชมความงามของนางงามสงขลาในอดีต จนเรียกชื่อถนนติดปากกันมา
นอกจากนี้หากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวบริเวณเมืองเก่า ชมบ้านเรือนเก่า ๆ ของสงขลา (บริเวณถนนนางงาม / ถนนนครนอก /ถนนนครใน) จะพบว่า บ้านเรือนของสงขลาที่เป็นตึกแถวต่อ ๆ กันนั้น แท้จริงผนัง (กำแพง)ของบ้านไม่ได้ติดกัน แต่จะมีช่องกว้างประมาณ 5 - 15 เซนติเมตร (ถ้าไม่สังเกตจะคิดว่า บ้านเรือนมีกำแพงบ้านติดกันกัน)กั้นอยู่ระหว่างบ้านแต่ละหลัง ลักษณะบ้านของที่นี่เป็นสไตล์ ชิโน- โปรตุกีส คล้ายกับที่จังหวัดภูเก็ตที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะได้มีการขึ้นทะเบียนอนุรักษ์เรียบร้อยแล้ว
อีกเรื่องหนึ่งก๋วยเตี๋ยวใต้โรงงิ้ว ขายกันมานานนม ตั้งแต่เมื่อก่อนไม่ต้องย่อตัวเข้าไปนั่งกินเหมือนสมัยนี้ แต่ด้วยการปรับปรุงพัฒนา ทำให้มีการทำถนน และพื้นศาลเจ้าใหม่ ทำให้พื้นสูงขึ้น ๆ จนปัจจุบัน ต้องแทบจะมุดเข้าไปทานกัน ลองแวะไปทานกันดูนะคะ คุณยายเจ้าของต้นตำรับ ยังนั่งอยู่ข้าง ๆ ลูกสาว ทักทายลูกค้าทุกวัน
ถ้าถนนสายนี้ต้องนี่เลยค่ะ....ไอติมไข่....ค่ะอาจารย์หมอ...อร่อยดี....มีมาตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ ทราบแต่ตอนเรียนที่วรนารีเฉลิม จนจบ ป.ตรี ที่ มศว.ก็มีให้กินตลอดมา ตอนนี้ก็ยังมีให้กินอยู่อีกเลยอ่ะค่ะ
ข้างบนมีผงโอวัลตินโรยมาหน่อยๆ อร่อยเหาะเลยค่ะอาจารย์
เอาภาพมาฝากยั่วความอร่อยค่ะ....ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ
แวะมาดูถนนนางงามครับ
ดูแล้วน่าจะสนุกนะครับ
อย่าลืมเก็บภาพมาฝากอีกนะครับ อิอิ...
สวัสดีค่ะ
ไปสงขลายังประทับใจไม่รู้ลืมค่ะ
เห็นเจ้าไอติมแล้วอยากชิมจังเลยค่ะ
อยากไปหาของกินในงานจังเลยครับ ตอนไปงาน G2K หลังจากกลับจากหาดใหญ่ ผมก็แวะไปเดินหาไอติมไข่กินไปแล้ว กลับมานี่ยังไม่รู้ว่าจะมีงาน ไม่งั้นคง... (งัยก็ต้องกลับครับ เพราะราชการหยุดนานไม่ได้ อิ อิ)
เคยยุ นายกต้อย บอกให้ทำเมืองสงขลา
ให้เป็นเมือง History Country
ให้คนเดินเหมือน มะละกา
เหตุที่บ้านแต่ละบ้านห่างกัน 5 ซ.ม.
บ่งบอกว่าไม่ใช่พี่น้อง เป็นคนละตระกูล
ฝาบ้านใช้ร่วมไม่ได้55555
สวัสดีค่ะ
เคยไปสองครั้งครับ...แต่ไม่ได้กินไอติมโอ่ง...
รอบหน้าอาจารย์หมอเลี้ยงหน่อยนะครับ...
สวัสดีค่ะ
โหย...เสียดายค่ะ ตอนไปสงขลาก็ไม่เคยไปเดินถนนนี้ ได้แต่ขึ้นเขาตังกวน กับไปที่แหลมหรืออ่าวอะไรสักอย่างที่มีรูปปั้นกรมหลวงชุมพรฯ แล้วก็วนอยู่แถวๆ สะมิหลา คือไปทำงาน ไม่มีใครรู้จักพาเที่ยวเยย T_T เดินหาของกินเองตามมีตามเกิด
Nice note krub..
My grandmother is getting older..hope she is well right there as I have been away from home for many years...
Thanks again for a note for my grandfather, Khun Lamien.
Regards,
Nond
Nond
จัดปีละครั้งเหรอคะ แต่วันนั้นที่ไปเดินตอน เค้าจัดงานนี้เมื่อช่วงตรุษจีน เดือนก.พ 53 ที่ผ่านมา
แล้วทราบไหมคะว่างานนี้จะจัดอีกวันไหนในปี 54 เพราะกำลังวางแผนจะล่องใต้ไปเที่ยวงานนี้อีกน่ะค่ะ
ปภาดา
เรียนท่านอาจารย์