ปรัชญาธรรมชาติเลี้ยงธรรมชาติ : ทำลายธรรมชาติ ขาดความรู้


เพ้ออีกแล้ว......... "The Root of Knowledge is in Nature; without Root, it is Fruitless."

สวัสดีครับทุกท่าน

          ได้เวลามาตั้งคำถาม เพื่อสนองต่อ  กระดาษทดของฉัน ที่เคยเขียนไว้นะครับ

วันนี้จะตั้งคำถามชวนคิดเรื่อง ปรัชญาธรรมชาติเลี้ยงธรรมชาติ แล้วให้ท่านผู้่อ่านนำไปคิดดูว่าจริงๆ ไหมครับ ว่าเป็นการปล่อยให้ธรรมชาติเลี้ยงธรรมชาติหรือเปล่าครับ

  • ต้นไม้ในป่า  หน่อไม้ในป่า พืชผักผลไม้ในป่า ใครให้ปุ๋ยเธอๆ เหล่านั้นครับ  มีใครไปซื้อปุ๋ยแอบไปใส่หรือเปล่าหนอเธอ....

  • ปลาในสระ คูคลอง หนองบึง  ใครให้อาหารเธอเหล่านั้นหรือครับ เห็นจับปลาในคลอง สระ แต่ละครั้ง แต่ละตัวพีๆ (อ้วนๆ) กันทั้งนั้นครับ เอเธอกินอะไรเป็นอาหารหนอครับ....

  • ไข่มดแดง แต่ละไข่อวบอิ่ม เธอกินอะไรกันเข้าไปครับ ไม่เห็นต้องหายาบำรุงเหมือนเราเลย เค้าคิดได้ไงหนอ...

  • ไส้เดือนใต้ดิน เธอกินอะไรครับ ทำไมตัวอ้วนเชียวครับ...

  • หมูเถื่อน ไก่เถื่อน กระรอก เก้ง กวาง มูสัง (มดสัง) ตะกวด ...และอื่นๆ เธอกินอะไรกันครับผม...

  • และตัวอย่างอื่นๆ

  • ใครเลี้ยงใคร....ใครอุ้มใคร....ใครชูใคร....ใครเกื้อใคร...ใครกูลใคร...ใครพึ่งใคร....ใครพาใคร.... ใคร(กิริยา)ใคร....ฯลฯ

  • ธรรมชาติ....เลี้ยง....ธรรมชาติ   ได้จริงหรือ....

  • เทวดา...พระแ่ม่ต่างๆ...รุกขเทวดา...พระภูมิเจ้าที่...ฯลฯ มีส่วนอย่างไร....

  • แล้วคนเราหล่ะครับ...เกื้อกูล พึ่งพา สนับสนุน วงจร ธรรมชาติเลี้ยงธรรมชาติ ได้อย่างไร....

  • อื่นๆ....เชิญท่านบรรเลง

เพ้ออีกแล้ว......... "The Root of Knowledge is in Nature; without Root, it is Fruitless."

ขอบคุณมากครับผม

เม้ง 

 

หมายเลขบันทึก: 129472เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2007 00:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 17:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • ธรรมชาติเลี้ยงธรรมชาติ เป็นความสมดุลเชิงนิเวศวิทยา
  • ธรรมชาติเลี้ยงธรรมชาติ เป็นวงจรอาหารที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
  • แต่มนุษย์มักจะทำลายวงจรอาหารของธรรมชาติ เพราะความเห็นแก่ตัว อยากได้อยากมีให้มาก ๆ และเร็ว ๆ
  • สุดท้ายก็ถูกธรรมชาติลงโทษ เป็นโรคกันได้ทุกโรค เป็นโรคกันง่าย ๆ ไร้ภูมิคุ้มกัน เป็นโรคแปลก ๆ
  • ผมกำลังนึกถึงการทดลองหนึ่งที่ได้ทำสมัยตอนเรียนมัธยมครับ ที่เป็นการเอาอาหารใส่ไว้ในโหลแล้วเลี้ยงแมลงหวี่สัก 10 ตัว ไว้ในโหล ช่วงแรก แมลงหวี่จะค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างช้าๆ ถัดมาด้วยความสมบูรณ์ของอาหารที่มีอยู่ ประชากรแมลงหวี่จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดอาหารเริ่มไม่เพียงพอ ประชากรของแมลงหวี่ก็จะคงที่ ไม่เพิ่มต่อไปอีก สุดท้ายเมื่ออาหารขาดแคลนลง ประชากรแมลงหวี่ก็จะค่อยๆลดจำนวนลง จนกระทั่งหมดไป
  • เปรียบไปแล้วโลกใบนี้ก็เป็นเสมือนขวดโหล คนเราทุกคนก็ไม่ต่างจากแมลงหวี่ ด้วยความสมบูรณ์ของอาหารบนโลกนี้ ทำให้ประชากรคนบนโลกเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก ด้วยความไม่สนใจว่าอาหารที่มีอยู่บนโลกมีจำนวนจำกัด
  • เรากำลังดำเนินมาถึงขั้นที่สองแล้วครับ คือเราเพิ่มจำนวนประชากรมากขึ้นอย่างมาก จนกระทั่งอาหารเริ่มไม่เพียงพอ
  • ต่อจากนี้ไป เราจะเข้าสู่ยุคของการต้องอยู่อย่างพอกิน พอใช้ เนื่องจากทรัพยากรทุกอย่างบนโลกนี้มีจำกัด และประชากรบนโลกก็มีอยู่มากมายเหลือเกิน
  • ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ สุดท้ายอาหารบนโลกก็จะไม่เพียงพอต่อการบริโภคของคน แล้วเราก็จะเข้าสู่ยุคของการขาดแคลน การแย่งทรัพยากร การแย่งอาหาร สุดท้ายก็จะนำมาซึ่งสงครามการทำลายเผ่าพันธ์ เพื่อแย่งชิงทรัพยากรและอาหาร
  • และในที่สุดก็จะหมดยุคที่มนุษย์ครองโลก
  • นั่นเป็นเพียงกระบวนการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่จำลองความเป็นไปทางด้านประชากรศาสตร์ ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอะไรที่ซับซ้อนอีกมาก
  • มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ซึ่งอยู่ภายใต้กฎของธรรมชาติ ไม่ว่ามนุษย์จะพยายามเอาชนะธรรมชาติด้วยวิธีการใดก็ตาม แต่ไม่สามารถอยู่เหนือกฎธรรมชาติได้ ความพยายามของมนุษย์จึงเป็นเพียงแค่การพยายามอำนวยความสะดวกให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายขึ้นเท่านั้น และเป็นการยืดระยะเวลาของปรากฎการณ์การเกิดและการคงอยู่ของมนุษย์ให้ยืดเวลาออกไปเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีผลต่อในภาพรวม ที่สุดท้ายมนุษย์ก็จะค่อยๆหมดไป
  • ธรรมชาติย่อมควบคุมทุกสิ่งครับ ไม่ว่าคุณจะพยายามเอาชนะธรรมชาติ หรือสร้างปรากฎการณ์ธรรมชาติบางอย่างได้ เช่น ความแห้งแล้งที่เกิดจากธรรมชาติ มนุษย์พยายามเอาชนะด้วยการสร้างฝนเทียม แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว เพราะธรรมชาติยังเป็นผู้กำหนดว่า ไม่ใช่ทุกครั้งที่ทำฝนเทียมแล้วจะได้ฝน
  • ทุกปรากฎการณ์บนโลกนี้ ล้วนสัมพันธ์กัน ใบไม้ร่วงสักใบในเอธิโอเปีย ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปรากฎการณ์ในประเทศไทย
  • ให้เห็นภาพชัดขึ้นนะครับ การขับรถพ่นควันดำคนในอเมริกา ซึ่งอยู่อีกซีกโลกหนึ่งมีผลเกี่ยวข้องกับการหายไปของพื้นดินในแถบจังหวัดสมุทรปราการ ที่วัดถูกน้ำทะเลท่วม
  • ท่านอาจจะหัวเราะ ....มันจะเป็นไปได้อย่างไร....แต่ทุกสิ่งเป็นไปได้ครับ เพราะทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนสัมพันธ์กัน
  • การเบิ้ลน้ำมัน แล้วพ่นควันดำของคนขับรถนิสัยไม่ดีของอีกฟากหนึ่งของโลก เป็นการเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งก๊าซนี้จะลอยขึ้นสู่บรรยากาศของโลก แล้วปกคลุมไว้ ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก คือแสงแดดที่ส่องมายังโลกนั้น สะท้อนออกไปไม่ได้ เนื่องจากมีก๊าซปกคลุมอยู่ ก็จะมีผลทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น เมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งที่มีจำนวนมากบริเวณขั้วโลกก็จะละลาย การละลายของน้ำแข็งปริมาณมหาศาล เป็นการเพิ่มระดับของน้ำทะเล  เมื่อน้ำทะเลสูงขึ้น แผ่นดินที่อยู่ติดน้ำก็จะถูกน้ำท่วม นั่นเป็นที่มาว่าทำไมวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการจึงไปอยู่กลางทะเล
  • ยอมรับเถิดครับว่า ทุกสิ่งล้วนสัมพันธ์กัน จะแก่งแย่ง แข่งขันกันอย่างไรก็ตาม สุดท้าย มนุษย์ก็ไม่สามารถอยู่ค้ำฟ้าได้ เราอาจจะอยู่ได้ในวันนี้ เราอาจจะสะสมทรัพย์สินได้มากในวันนี้ อีกไม่กี่ปี เราก็เอาสิ่งที่เราสะสมนี้ไปไม่ได้ ปล่อยให้ลูกหลานช่วยกันถลุง ทรัพย์สมบัติที่เราภูมิใจหามาได้ และกอดเอาไว้ ยังไงก็จะหมดไป เพียงแต่จะเร็วหรือช้าเท่านั้น
  • สุดท้ายธรรมชาติก็ยังเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่ง  มีเพียงมนุษย์เท่านั้น ที่คิดว่าตนเองจะเอาชนะธรรมชาติได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของมนุษย์ฝ่ายเดียว ที่ธรรมชาติไม่เคยโต้เถียง แต่ก็ไม่เคยยอมรับ ได้แต่เงียบ....และตอบโต้ในบางครั้ง ปล่อยให้มนุษย์ได้ใจ สุดท้ายก่อนที่จะกระซิบบอกกับมนุษย์ว่า....ถึงอย่างไร....มนุษย์ก็ต้องหมดไปจากโลกนี้ .....นั้นเป็นกฎของธรรมชาติ

สวัสดีครับน้องเม้ง

คนเราพยายามอธิบายธรรมชาติ  ดัดแปลงธรรมชาติ  จนถึงขั้นทำร้ายธรรมชาติ  ยิ่งวันเวลาผ่านไป ธรรมชาติได้ถูกทำลายไปมากครับ   สรรพสัตว์ต้องเดือดร้อน  เพราะสิ่งที่เรียกต้วเองว่ามนุษย์

ปัญหาครอบคลุมไปทั่ว  จนถึงหลักสูตรการศึกษา การแก้ปัญหาความหนาแน่นในเมือง  

หยุดกันเถิด    การทำร้าย ทำลาย  ธรรมชาติ

ขอบคุณครับ.........................มาดื่มน้ำชากันเถิด

  • สวัสดีครับ.....คุณเม้ง
  • ธรรมชาติมีความสำคัญกับคนเรา
  • ถ้าเรารู้จักใช้ธรรมชาติอย่างพอเพียง และรู้จักพึ่งพาธรรมชาติอย่างเหมาะสม
  • เราก็จะอยูในโลกนี้ได้อีกนานครับ

สวัสดีครับทุกท่าน

พอดีเพิ่งเข้ามาครับ ไปคุยงานอีกเมืองหนึ่งมานะครับ Stuttgart ครับ แล้วจะเข้ามาแลกเปลี่ยนกันนะครับผม ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ได้อาหารสมองสี่ชามใหญ่เลยครับผม

ขอบคุณมากคร้าฟ... 

  • เริ่มด้วย ฟ้าประธานพร...เอ๋ยธรรมชาติถือ      กำเหนิดขึ้นมาคะ อ้าว..ย้อนนานไปหรือคะ
  • อิอิ...สรรพสิ่งในธรรมชาติ..เลี้ยงดูเกื้อหนุนกันคะ...สิ่งไหนมาก..สิ่งไหนน้อย..จะควบคุมกันเองคะ...
  • ยังไม่จบคะ...ดันมีมนุษย์คนแรกบอกว่าถ้ำไม่น่าอยู่...แถมหมอนี่ยังค้นพบประโยชน์ของไฟ..เลยชวนหมาป่าแถวนั้นไปอยู่ด้วย..
  • เริ่มสร้างบ้านแปลงเมืองใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ...ออกลูกออกหลานจนเกือบล้นโลก...แถมลูกหลานต่างเห็นประโยชน์ส่วนตน..ช่วยกันทำลายธรรมชาติกันอีก
  • หากมนุษย์ไม่ควบคุมกันเอง..ธรรมชาติจะยื่นมากำจัดมนุษย์..ปรับสมดุลย์...พลิกฟื้นแผ่นดินขึ้นมาใหม่...กว่าจะถึงวันนั้นคงไม่เหลือมนุษย์สักคนแล้วคะคุณ

สวัสดีครับคุณเจ..( 1. ไม่แสดงตน)  ผมตั้งชื่อให้นะครับ

  • ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่มาช่วยเติมเต็มได้สมบูรณ์มากขึ้นนะครับ
  • ธรรมชาติเลี้ยงธรรมชาติ เป็นทั้ง สมดุลเชิงนิเวศวิทยาและเป็นห่วงโซ่อาหาร วงจรอาหารที่กำหนดไว้อย่างที่คุณว่าแล้วนะครับ เผงๆ และใช่เลยครับ
  • เราผู้เป็นมนุษย์ เหมือนว่าเข้าไปแทรกแซงห่วงโซ่อาหาร ด้วยพื้นฐานที่ต่างๆ กันนะครับ คือคนนี่สุดยอดนะครับ กินทุกอย่างจริงๆ ครับผมยอมรับคาราวะในความเป็นคนจริงๆ จนผมต้องเขียนบทความหนึ่งเพื่อถามว่า คนอยู่ในส่วนไหนของห่วงโซ่อาหารเลยครับ ตามอ่านได้ที่ มนุษย์ อยู่ตรงไหน ในห่วงโซ่อาหาร
  • เมื่อห่วงโซ่หรือวงจรขาด หรือพังสลาย แหก็ขาด เป็นชิ้นๆ แหว่งๆ ในทีุ่สุดก็เกิดความแปลกใหม่ขึ้นครับ อย่างที่เราได้พบเห็กันอยู่นี่หล่ะครับ ไม่ว่าจะแปลกในทางบวกหรือลบครับ ผสมกันไปครับ
  • ขอให้สนุกในการใช้ชีวิตครับผม
P
2. Mitochondria

 

สวัสดีครับพี่ไมโต

  • ขอบคุณพี่ไมโตมากๆ เลยครับ ที่ดึงการทดลองของการเกิดแมลงหวีและเพิ่มทวีคูณของจำนวนแมลงหวี่ และจนถึงการตาย
  • อัตราการเกิด อัตราการเจริญเติบโต อัตราการตาย ได้กราฟกันครบทุกคนใช่ไหมครับ
  • มันจะเข้าสู่ภาวะของกฏของเหยื่อและผู้ล่าเลยครับ หากเราใส่อาหารและใส่ สิ่งมีชีวิตเข้าไปสองชนิด ให้มันล่ากันเอง ก็จะได้กราฟการเปลี่ยนแปลงจำนวนของผู้ล่าและเหยื่อออกมาได้ความสัมพันธ์ จนเรามองเห็นสัจธรรมของชีวิตเลยครับ และเอามาประยุกต์ใช้การล่าเหยื่อในทางวงจรธุรกิจ และด้านอื่นๆ แม้แต่กระทั่ง ธุรกิจการศึกษาก็ตามครับ
  • พี่เทียบคนกับแมลงหวี่ให้อ่านกันอย่างสุดมันส์ครับ การแย่งชิงทรัพยากร การมือยาวสาวเอาสาวได้ และล้านแปดของความวิเศษของคนเรา...มีทั้งบวกและลบผสมปนเป คละเคล้าคละคลุ้ง...
  • หากเราเป็นคน อยู่กันแบบสมถะ เล็กๆ อย่าใช้เกินตัว เกินใจ เกินปัญญา เกินความสามารถ เกินจากที่หามาได้ ทุกอย่างก็จะลู่เข้าหาความสมดุลเองได้ แต่หากเกินไปแล้ว ธรรมชาติจะช่วยปรับครับ
  • ดังที่เราเป็นการปรับตัวไงครับ ปรับกันทุกวัน วันละหลายๆ จุด เปลือกโลกไม่เคยหลับไหลนะครับ
  • ผมชอบใจการเทียบทุกสิ่งล้วนสัมพันธ์กันนะครับ ชัดเจนมากครับ
  • ผมเคยบอกเพื่อนว่า หากจริงอย่างที่้ว่าผีเสื้อกระพือปีกส่งผลต่อการเกิดพายุได้ แสดงว่าหากเราผายลมนี่ ก็จะส่งผมต่การเกิดแผ่นดินไหวได้เช่นกัน
  • จริงๆ มันก็เกี่ยวกันหมดนั่นหล่ะครับ และสุดท้ายพี่จบด้วยท่อนที่งาม เลยเอามาย้ำอีกรอบครับ

    สุดท้ายธรรมชาติก็ยังเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่ง  มีเพียงมนุษย์เท่านั้น ที่คิดว่าตนเองจะเอาชนะธรรมชาติได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของมนุษย์ฝ่ายเดียว ที่ธรรมชาติไม่เคยโต้เถียง แต่ก็ไม่เคยยอมรับ ได้แต่เงียบ....และตอบโต้ในบางครั้ง ปล่อยให้มนุษย์ได้ใจ สุดท้ายก่อนที่จะกระซิบบอกกับมนุษย์ว่า....ถึงอย่างไร....มนุษย์ก็ต้องหมด ไปจากโลกนี้ .....นั้นเป็นกฎของธรรมชาติ

  • จะหมดหรือไม่หมด...วันหนึ่งก็หมดแน่นอนครับ... เพราะโลกนี้ก็ไม่อยู่ยงคงกะพันแน่นอนครับ เพียงแต่ยังมีอะไรให้สิ่งมีชีวิตได้เรียนรู้ไปอีกซักพักใหญ่ๆ ก่อนครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับ
P
3. สิทธิรักษ์

 

สวัสดีครับพี่เหลียง

  • ขอบคุณมากครับผม
  • น้อรก..ครับ..ชนแก้วกันก่อนครับผม..แก้วน้ำชานะครับ  ไม่ใช่วอสะก้า..ครับ
  • ขอบคุณสำหรับคำคมๆ หากคนเราอธิบายธรรมชาติเพื่อจะอยู่ร่วม ทำความเข้าใจก็ไม่เป็นนะครับ แต่หากจะเพื่อดัดแปลงแต่งเติม ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้มากขึ้น เพราะสิ่งหนึ่งกระทบกับสิ่งหนึ่งเสมอ..หากทำแล้วเกื้อกูลมากกว่ากระทบ ก็จะดี แต่ิ่ิสิ่งที่เราคิดว่าไม่กระทบกับเรา ไม่ได้หมายความว่า ไม่กระทบกับสิ่งอื่นๆ ในสิ่งแวดล้อมใช่ไหมครับ
  • ธรรมชาติ ต้องให้เค้าอยู่ด้วยตัวเค้าเองด้วย ผมเคยนิยามความหมายของคำว่าคน...นานมาแล้วผมบอกว่าคนเราเกิดมาเพื่อทำให้โลกกลมยิ่งขึ้นในระดับใหญ่ และทำให้โลกแบบขึ้นในระดับกลาง  คนจะชอบระเบิดภูเขา เอาหินภูเขาไปถมทะเล อันนี้ชัดเจนครับมีตัวอย่างเต็มครับ แต่บางที่แทนจะทำภูเขาให้เป็นที่ราบ ดันกลายเป็นเหวก็มีครับ มีตัวอย่างอยู่เยอะอีกเหมือนกันครับ
  • ว่าแล้ว ซดน้ำชากันดีกว่าครับพี่...พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ครับ
  • ขอบคุณมากครับ เอ้าวววว น้อรก....ครับ
P
4. บัวชูฝัก

 

สวัสดีครับคุณเศกสรร

  • สบายดีไหมครับผม ขอบคุณมากๆ ครับผม
  • ใช่ครับ ธรรมชาติสำคัญกับเรามาก แม้ตัวเราก็เป็นธรรมชาติครับ หากเราใช้หรือว่า พึ่งพา อย่างที่คุณว่า แบบพอเพียง เพียงพอ อย่างเข้าใจและอยู่ร่วมได้ เราจะอยู่ได้ีอีกนานจริงๆครับ
  • เพราะเค้าจะเลี้ยงเรา เราก็เอื้อเค้า แต่เราขาดการเชื่อมต่อ หรือมองภาพแบบองค์รวมไม่แตก
  • เราเลยกินอะไรแบบฉาบๆ ง่ายๆ ในบางทีบางครั้ง แต่แม้จะมีนักคิดเยอะๆ แต่การคิดบางทีก็ฝืนธรรมชาติ...
  • คำตอบอยู่ในธรรมชาติ ทำลายธรรมชาติ ขาดความรู้
  • ขอบคุณมากๆ เลยครับ มีความสุขในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ แบบเป็นเนื้อเดียวนะครับ
  • ขอบคุณครับ
P
6. naree suwan

 

สวัสดีครับคุณนารี

  • ขอบคุณมากครับผม สบายดีไหมครับผม ผมยังไม่ได้ไปใช้บริการห้องสุขาของคุณเลยครับ มีแถวรอยาวมากเลยครับ ผมเลยรอไว้ก่อนครับผม
  • เริ่มกันที่ธรรมชาติจากฟากฟ้าเลยนะครับ อิๆๆ
  • แล้วแต่ว่าใครจะนิยามว่าฟ้าคือสิ่งใด ก็แล้วแต่ตามที่เชื่อและศรัทธานะครับ ไ่ม่ว่ากัน
  • แต่มาถึงตอนนี้เราก็เห็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย มากขึ้นหรือลดลงก็ตาม และคนเราก็เข้าไปอยู่่ร่วมในการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยซิครับ แม้ว่าจะแค่ตัวเล็กๆ น้ำหนักเฉลี่ย ไ่ม่ถึงร้อยกิโลกรัมก็ตาม แต่มีมันสมองที่สุดยอด (ที่กล่างอ้างเอาเองโดยที่ธรรมชาติไม่ได้รับรู้นะครับ)
  • แต่ผมเชื่อเรื่อง กรรมและผลกรรมมากๆ เลยครับ หมายถึงว่า หยิกเนื้อเรา เราเจ็บ ทำลายธรรมชาติ เราเดือดร้อน เป็นเรื่องธรรมดา วันหนึ่งคนจะเข้าใจมากขึ้น ไม่มากก็น้อย ไม่ทันก็สายไปครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท