สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน
ไกลสุดไกลแสนไกล (กว่าห้าพันไมล์ หรือหกชั่วโมง เยอรมัน-ไทย) แต่ใจไม่เคยห่างไทย (พวกเรายังเป็นหนี้คุณอยู่เยอะครับ ทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ เพื่อนกรรมกร ข้าวราดแกง ไปจนถึงระดับเศรษฐี ครับ)
"... We have had a wonderful opportunity to study abroad. Many students in the countryside don’t even have a chance to study beyond primary school never mind to even consider studying abroad. We have the chance to give them this opportunity; this project will allow you to help. ..."
นอกจากเรียนกันแล้ว พวกเราได้มีโอกาสทำอะไรกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้หวือหวา แต่ต่อเนื่องสืบมาเป็นเวลา 6 ปีครับ กิจกรรมที่พวกเรารู้สึกดีและประทับใจกัน แล้วอยากจะส่งความรู้สึกดีๆ ของพวกเราที่มีต่อสายใยทุกท่านในเมืองไทย ผ่านกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ นี้ ผ่านทางวีซีดี ที่พวกเราได้ทำกันมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ถ่ายทอดลงแผ่น VCD ชุดนี้ครับ
ท่านดาวโหลดกันได้ที่นี่นะครับ
ตอนที่ดาวโหลดไปรบกวนเช็คขนาดแฟ้มด้วยนะครับ ว่าประมาณใกล้เคียงกับที่บอกไปไหมครับ ท่านสามารถที่จะคลายซิพหรือคลี่ไฟล์ (unzip uncompress) ก่อนนะครับ หลังจากนั้นก็เปิดด้วยโปรแกรมพวก Windows Media Player หรือพวกเล่นหนังทุกประเภทครับ สำหรับแฟ้ม .wmv
คำเตือน : หากท่านดูคนเดียวหรือหลายคน ดูแล้วรู้สึกอย่างไร เชิญเข้ามาแสดงความเห็นได้ด้านล่างนะครับ หากท่านดูคนเดียวแล้วชอบซึ้ง เตรียมกระดาษซับน้ำตาไว้ด้วยนะครับ
กิจกรรมนี้ เราตั้งชื่อว่า โครงการบริจาค เป็นการบริจาคทางการศึกษาแก่น้อง ที่จบ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 แล้วมีความประสงค์จะเรียนต่อ ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยส่งต่อเนื่องสามปี จนจบ ม.สาม
(เกณฑ์ในการพิจารณามีเยอะครับ แต่เน้นที่ หากไม่มีคนช่วยให้พวกเค้าเรียนต่อเค้าก็จะหลุดไปจากระบบการศึกษา ก่อนจะจบในภาคส่งเสริม ให้จบ ม.3)
พวกเราเป็นกลุ่มนักเรียนในเมือง Heidelberg, Karlsruhe, Mannheim และเมืองใกล้เคียง จุดเริ่มต้นของโครงการหรือว่าชื่อนี้ คงเป็นจุดเริ่มต้นที่เกิดมาจากการทางกลุ่มเพื่อนนักเรียน ไทยใน Heidelberg ได้ไปช่วยงานตอน ปี พ.ศ. 2543 ตอนที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จมาเยี่ยมศูนย์วิจัยมะเร็งแห่ง ชาติเยอรมัน (DKFZ) แล้วเพื่อนนักเรียนไทยได้ไปช่วยงานต้อนรับด้วย แล้วได้เงินมาจำนวน หนึ่ง เลยได้จัดทำโครงการซื้อหนังสือวารสารส่งไปให้น้องที่โรงเรียนในประเทศไทยเป็นเวลา หนึ่งปี จากนั้นเมื่อโครงการจบลง ทางกลุ่มก็ได้จัดงานประชุมกันอย่างไม่ได้เป็นทางการขึ้น เพื่อจะพูดคุยกันว่า เราจะทำกันต่อไหม เหรอว่าจะทำอะไรกันต่อดี
จากแนวความคิดส่วนหนึ่งที่พวกเราเป็นคนที่มีโอกาสที่ดีที่ได้มีโอกาสมาเรียน ต่างประเทศและด้วยค่าเงินที่สูงกว่าประเทศไทยเรา เลยเริ่มคิดจากจุดเล็กๆ ที่ว่า เราอยู่ กันในเยอรมัน ทานอาหารมื้อละ 5 มาร์ค (ประมาณหนึ่งร้อยบาทไทย) หากเด็กที่อยู่ตามต่าง จังหวัดอาจจะใช้เงินส่วนนี้ได้เป็นหนึ่งสัปดาห์ หรือว่ามากกว่านั้น เลยเกิดการคิดกันต่อว่า จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะร่วมเงินกันบริจาคจากเพื่อนๆ เราที่ศรัทธากันนี่แหละคนละสิบมาร์ค ต่อเดือน ใครจะบริจาคทุกเดือนหรือว่าจะไม่ทุกเดือนก็ได้ ตามศรัทธา จะมากหรือน้อยกว่านั้น ก็ได้ สำหรับการประชุมในวันนั้นได้ลองคิดกันเล่นๆ ว่าเราจะเอาเงินส่วนนี้ที่ได้ไปทำประโยชน์ในด้าน ใด พวกเราได้ข้อสรุปออกมาว่า อยากเน้นในทางด้านการศึกษา เพราะว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับอนาคตของชาติ เลยมีข้อสรุปต่อกันมาจากนั้นว่า จะเน้นในส่วนนักเรียนที่กำลังจะจบ ประถมศึกษา ปีที่ 6 และต้องการจะเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เราเลยคิดกันถึงว่าจะให้ทุนการศึกษาดีไหม ก็ได้มีการประชุมกันหลายครั้งนะครับ จนในที่สุดพวกเราก็บอกกันว่าในช่วงที่พวกเราร่วมรับบริจาคกัน ในกลุ่มเล็กๆ ตอนนี้ ก็ให้แต่ละคนไปหาโครงการ คิดโครงการกันมา จะติดต่อเด็กกันอย่างไร ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ ห้าถึงหกเดือน พวกเราก็มีเงินเข้ามาในบัญชีของบริจาค พอสมควร ซึ่งสามารถจะทำอะไรกันได้ในระดับหนึ่ง
ก็ได้มีการประชุมพบปะกันต่ออีกนะครับ ผมเองก็ได้โครงการมาจากประเทศไทยด้วย และได้ข้อมูลจากคุณจงจิตต์ ฤทธิรงค์และคุณพี่ริน ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เลยเสนอเข้าไปดู ซึ่งเป็นโครงการที่ทางมูลนิธิ ดร. เทียม โชควัฒนา ได้บริจาคเงินสนับสนุน ทุนการศึกษาเด็ก 5 จังหวัด ทางภาคอีสาน และบังเอิญข้อมูลที่ได้มา เป็น รายงานสรุปในการพิจารณา เด็กนักเรียนเข้ารับทุน ซึ่งปกติทางมูลนิธิฯ ก็ได้ช่วยมาแล้วเป็นเวล าห้าปี เฉลี่ยปีละ 200 คน แต่ปีนี้มีนักเรียนเสนอขอทุนมาเยอะมาก จนในที่สุดกรรมการพิจารณา โดย ดร. สายฤดี วรกิจโภคาทร ได้พิจารณาแล้วผู้ที่ผ่านการพิจารณา ซึ่งได้ไปเยี่ยมที่บ้านนักเรียนด้วย เป็นจำนวน 327 คน ซึ่งมากว่าปีก่อนๆ และนั่นคือ เด็กนักเรียนที่เกินมาจำนวน 127 คน เราก็เลยคิดกันว่า พวกเราจะ ช่วยเหลือน้องที่เกินมานี้ไหม หากเราจะช่วย พวกเราจะช่วยกันได้กี่คน ช่วยกันจนเรียนจบ ม.3 เป็นเวลาสามปี ปีละ 2000 บาท(ประมาณ 55 ยูโร ต่อคนต่อปี) พวกเราก็ลองคำนวณกันดูว่า หากพี่หนึ่งคน บริจาค คนละ 5 ยูโร ต่อเดือน ครบหนึ่งปี ก็ช่วยเหลือน้องได้ หนึ่งคนพอดี
แต่ด้วยความคิดตอนนั้น เราไม่จำเป็นว่าจะต้องช่วยได้เยอะขอให้ได้ช่วยตามกำลังความสามารถ ของกลุ่มที่มีกำลังครับ และในสุดท้ายตอนนั้น เพื่อนๆในกลุ่มก็ได้เขียนจดหมายถึงเพื่อนๆ นักเรียนไทยใน เยอรมันปรากฎว่ามีเพื่อนๆใจบุญ ได้ร่วมและอยากจะร่วมบริจาคกันหลายคนครับ เป็นที่น่าชื่นชมมากครับ (อันนี้ประทับใจมากเลยครับ ดีใจแทนเด็กๆ ต่างจังหวัดครับ) และเราคำนวณกันแล้ว ก็ช่วยได้ประมาณ 15 คนครับ ซึ่งสิบห้าคนนี้เราจะช่วยจนครบสามปีครับ
ซึ่งในประเด็นต่อมาคือว่า ในปีต่อไป พวกเราจะต่อเนื่องกันต่อหรือไม่ก็อยู่ที่เงินบริจาค ที่เพื่อนๆ ได้บริจาคกันเข้ามา จะต่อเนื่องโครงการในรุ่นที่ 2 อีก จะทำซักกี่คน เหรอว่ามีโครงการ อื่นๆ อยากจะทำในทำนองอย่างนี้ เพื่อนๆ ทุกคนก็มีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นนะครับ
จากวันนั้นถึงวันนี้ เกือบ 6 ปีแล้วที่เราทำกันมา ต่อเนื่อง และมีน้องๆ จำนวนสองรุ่นที่จบไปแล้ว จำนวน 25 คน
สำหรับน้องๆ ที่กำลังอยู่ในโครงการตอนนี้ มีอยู่ 93 คน (รวมทั้งสามชั้นปี) สำหรับ ม.ต้น และ 5 คนสำหรับ ม.ปลาย (โครงการนำร่อง)
สำหรับน้องนักเรียนที่พวกเราช่วยกันตอนนี้ จะมี อยู่ 4 จังหวัดครับ
ส่วนใหญ่จะเน้น สุรินทร์ สกลนคร และอุบลราชธานี
เยี่ยมชม ดาวโหลดแผ่นพับ ที่มา ที่อยู่และที่ไป ข้อสงสัย และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.schuai.net/borijak
พร้อมดาวโหลดแผ่นพับ ภาษา ไทย อังกฤษ เยอรมัน ได้นะครับ
พร้อมดาวโหลด VCD ได้ที่นั่นเช่นกัน แต่เป็นแฟ้มใหญ่ 147 Mb หากท่านที่มีเนทช้า หรืออยากดูแทบใจจะขาด ก็ดาวโหลดข้อที่ 1 กันไปก่อนได้นะครับ หากติดใจอยากได้รายละเอียดสูง ก็ค่อยมาดาวโหลด ข้อที่ 2 นะครับ
(มอบทุนการศึกษาให้นักเรียน พื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์ ผ่านโครงการมูลนิธิ ดร. เทียม โชควัฒนา ในวันที่ 11 มิถุนายน 2545 โดยตัวแทน นายสมพร ช่วยอารีย์ (เม้ง Heidelberg) เริ่มต้นของโครงการ)
มีข้อแนะนำอย่างไร เรียนเชิญ เขียนไว้ด้านล่างนะครับ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
มิสเตอร์ช่วย
สวัสดีค่ะคุณเม้ง..
เตรียมตัวไปโรงเรียนแล้วค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับคุณครู
สวัสดีครับน้องณิช (เอเป็นน้องหรือเปล่า ให้เป็นน้องแล้วกันครับ)
สวัสดีค่ะ
ดูแล้วน้ำตารื้น..แต่ไม่ได้ร้องไห้เลยไม่ต้องซับน้ำตา ..ได้ค่ะ..จะช่วยบอกต่อให้ และช่วยบริจาค..ขอบคุณสำหรับคำว่าที่มีโอกาสอยู่ในขณะนี้คือภาษีประชาชน..อยากให้ข้าราชการทุกคนคิดอย่างนี้ด้วยจัง..เฮ้อ ! แต่ในความจริงไม่ว่าจะมีแสงสว่างสักเพียงใด ก็ยังต้องมีเงา ( คงทำได้แค่ช่วยกันทำให้เงานี้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันนะคะ )
สวัสดีครับคุณเบิร์ด
สวัสดีครับพี่หนิง
สวัสดียามเช้าครับพี่อัมพร
สวัสดีค่ะ
ตื่นเช้าจัง ( หรือยังไม่ได้นอน )..อุตส่าห์ย่องเข้ามาแล้วเชียวยังทำให้ตื่นอีกเหรอคะ..จะมาเอาเทียนไปติดให้ทั่วตัวเผื่อจะเป็นไฟสปอร์ตไลท์บ้างน่ะค่ะ
สวัสดีครับคุณเบิร์ด
ขอบคุณครับ..กับการนำเรื่องราวอันดีมาแต่งแต้มชีวิตของชาวบล็อก
...
สวัสดีครับพี่แผ่นดิน
ยังไม่ได้โหลด ดู......แต่แค่อ่านก็.....รู้สึก โอโฮ้ มีแบบนี้ด้วย
น่ารักมากเลยคะ กิจกรรมนักศึกษาในต่างแดน
อ ย่างงี้ ทำหนังสั้น ได้เลยอ่ะ...แบบ หนังจิตอาสา
เชื่อมโยงจากไทย การเรียนของเด็กชนบทนะ และ
โยงไปที่การประชุมของนักศึกษาพี่ไทยในต่างแดน
ไกลแค่ไหน ก็คิดถึงน้อง อะไร แบบนี้
ดีคะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ....ถ้ามาเยี่ยมเด็กทุนแถวสุรินทร์
บอกนะคะ
สวัสดีครับคุณดอกแก้ว
มาตอนรับคุณย่ามครับ
คุณเม้งขา พี่ลองโหลดดูหลายรอบแล้ว error ตลอดค่ะ
แต่ไม่เป็นไรนะคะ ยังสัมผัสได้ถึงสิ่งดี ๆ จากบันทึกนี้
สวัสดีครับพี่แป๊ด