หลายวันก่อนในระหว่างที่ทานมื้อกลางวันในออฟฟิศ
วันนั้นเรา(หมายถึงฉันกับเพื่อนอีกสองคน)นั่งทานข้าวหน้าจอโทรทัศน์
และระหว่างที่คุยไป-ทานไปนั้นเอง
ในจอสี่เหลี่ยมที่อยู่ข้างหน้าฉันก็ปรากฏภาพโฆษณาของไทยประกันชีวิต
ฉันนั่งนิ่งไปเลย..และดูจนโฆษณาชิ้นนั้นจบลงด้วยความรู้สึกที่คล้ายๆ
จะมีน้ำตาไหลโดยที่บอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะอะไร
ฉันประทับใจกับแนวคิดของภาพยนต์โฆษณาชิ้นนี้
ที่สื่อให้เราได้เห็นว่าคนทุกคนย่อมอยากมีชีวิตที่มีค่า แต่การสร้างคุณค่าของชีวิตนั้นจะดียิ่งขึ้นหากเป็นการสร้าง
"คุณค่าชีวิตให้ผู้อื่น"
ซึ่งมันบังเอิญไปพ้องกับทฤษฎีการให้ของเด็กชายเทรเวอร์ แมคเคนนี่
(Haley Joel Osment) ในหนังดราม่าเรื่อง
Pay It
Forward ที่ฉันเคยเขียนเล่าในบันทึก
ดูหนัง ดูละคร..แล้วย้อนดูตัว : Pay It
Forward
ขอขอบคุณคลิปภาพยนต์จาก http://www.youtube.com/watch?v=NFTlHsjWxIc
คุณเคยถามตัวเองไหม..ว่าชีวิตที่มีค่าคืออะไร?
ผู้หญิงคนนี้ชื่อ "ต้อย"
จน..ผัวทิ้ง.. มีคิตตี้..บ้านแตก
มีแม็ก..โปลิโอ เฮียโต..ขี้ขโมย
เด็กทุกคนมีแม่คนเดียวกัน..แม่ต้อย
คนที่เก็บเด็กพวกนั้นมาเลี้ยง
แม่ต้อยเป็นโรคมะเร็ง
อยู่ได้ไม่เกินสองปี แต่เธอบอกว่า..
"โชคดีจัง สองปีทำอะไรได้อีกเยอะ"
เธอสอนเด็กๆ ว่า ชีวิตที่มีค่าไม่ใช่ชีวิตที่ร่ำรวย..มีเกียรติ
หรือก็อายุยืน
แต่ชีวิตที่มีค่าคือชีวิตที่ตัวเราเป็นคนมีคุณค่าและทำให้ชีวิตคนอื่นมีค่า
"ชีวิตที่มีค่าคือการทำให้ชีวิตผู้อื่นมีค่า"
ฉันไม่รู้ว่าประโยคข้างบนนี้จะเป็นแค่เพียงประโยคสวยหรู
หรือสามารถทำได้จริงๆ ไหม แต่ฉันก็ชอบค่ะ
^^ และดูโฆษณาชุดนี้ทีไรจะรู้สึกเต็มตื้น
ชอบนักแสดงคนที่เป็นแม่ต้อยกับเด็กๆ ด้วย
โดยเฉพาะตอนที่แม่ต้อยมองออกไปที่ทะเล
แล้วมือที่จับคิตตี้บีบเข้าหากันเบาๆ
หรือตอนที่แม่ต้อยดีดกีตาร์บนเตียงคนไข้แล้วไอ
แต่เธอก็ยังดีดกีตาร์ต่อไปได้ ทั้งๆ
ที่สีหน้าและแววตาของเธอก็อ่อนล้าเต็มที่
หากแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้ม..พริ้มพราย
และฉันก็รู้สึกว่าเธอดูสวยดี
แม่ต้อยในภาพยนต์โฆษณานี้เป็นเรื่องราวที่คล้ายชีวิตจริงของ
"ครูติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์"
แห่งบ้านโฮมฮักที่เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของพวกเด็กๆ
แม้ว่าตัวของเธอเองจะป่วยด้วยโรคมะเร็ง
เธอเคยเป็นอาสาสมัครตามมูลนิธิต่างๆ
ก่อนที่จะมาก่อตั้ง "มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์
เพื่อเด็กและเยาวชน" และสร้างบ้านโฮมฮัก
ที่มีความหมายตามภาษาอีสานว่า "ศูนย์รวมแห่งความรัก"ขึ้นที่จังหวัดยโสธร
ตลอดระยะเวลากว่ายี่สิบปีที่เธอได้ทุ่มเทและให้ความรักแก่เด็กที่ด้อยโอกาสในสังคม
ทั้งๆ ที่เธอก็เจ็บป่วยและอ่อนแอจากโรคร้าย
แต่เธอก็ยังพร้อมที่จะเป็น "ผู้ให้"
เพราะเธอมีหลักในการดำเนินชีวิตที่ว่า "ชีวิตที่มีค่าคือการทำให้ชีวิตผู้อื่นมีค่า"
คุณเคยถามตัวเอง..ว่าเคยทำให้ชีวิตตัวเองมีคุณค่าบ้างแล้วหรือยัง???????
ขอขอบคุณโฆษณาชุดนี้
และข้อมูลของครูติ๋วจาก pantip.com , arunsawat.com , apacnews.net , kapook.com
ขอเชิญทุกท่านเข้าแลกเปลี่ยนความรู้ที่บันทึกคุณเคยชม
"แม่ต้อย" ภาพยนตร์โฆษณา ที่ถามว่า "ชีวิตที่มีค่า คืออะไร?"
หรือยังครับ ? ของอาจารย์วสวัตดีมาร
Wasawat Deemarn
ที่ใจตรงกันขึ้นบันทึกแฝดคนละฝานี้ในช่วงวันเวลาเดียวกันอีกแล้ว
(หมายความว่าเคยมีบันทึกอื่นที่ใจตรงกันอีก)
^^