ฉันเคยเดินทางไปเยือนปาย หรือดินแดนแห่งยูโธเปียในฝันของใครต่อใครมาแล้วสองครั้งดังที่ได้เขียนเล่าไว้ในบันทึกปาย ครั้งแรก..ฉันเดินทางไปลำพังคนเดียวอย่างที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับปายนอกจากที่เขียนเล่าในนิตยสารคลีโอสักสองหน้าได้ ครั้งต่อมา..ฉันกลับไปปายอีกครั้งโดยมีเพื่อนร่วมเดินทางไปผจญภัยด้วยกัน แต่ฉันก็รู้ดีว่า..ฉันยังไปไม่ถึงปายสักที เพราะการไปเยือนปายในแต่ละครั้งของฉันก็เป็นแค่การเปลี่ยนที่นอนเท่านั้นเอง และด้วยความที่ไม่ใคร่จะรู้สึกว่าตัวเองได้ไปถึงปายแล้วจึงมีครั้งที่สามในเวลาต่อมา
ฉันคิดเอาไว้ว่าหากมีโอกาสเมื่อใดจะพาตัวเองไปนอนเอกเขนกอ่านหนังสือเล่มโปรด จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น หรือออกไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินเพื่อส่งยิ้มน้อยๆ ทักทายคนแปลกหน้า หาอะไรอร่อยๆ ทาน และปิดท้ายด้วยการนั่งดื่มค้อกเทลสีสวยหรือเหล้าปั่นรสหอมหวาน มองดูผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่ผ่านไป-ผ่านมา แพลนแรกของฉันจึงอยากจะเริ่มต้นด้วยการไปนอนเล่นที่บ้านปายนา สักสองสามคืน ก่อนจะย้ายไปพักที่บ้านปายตาอีกหนึ่งคืนแล้วเดินทางไปหาอา(จารย์)จ๊ะ หรือ เอื้องแซะ ที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่ออยู่ต่อให้อา(จารย์)จ๊ะเลี้ยงขนมสักสองวันเป็นอย่างน้อย และฉันก็มีความสุขไปกับแพลนของตัวเองเสียจริงๆ จนกระทั่งมีคนที่เพิ่งจะรู้จักในโลกไซเบอร์ขอติดตามไปด้วย ดังนั้นแพลนที่ว่าจึงต้องปรับเปลี่ยนเพื่อความสะดวก ฉันจึงเลือกจองบ้านพักชื่อวิลล่า เดอ ปายในคืนแรก และจองที่บ้านปายตาในคืนที่สองและสาม ส่วนในคืนถัดมาที่กะเอาไว้ว่าจะพักที่ริมปายคอทเทจนั้นก็ยังลังเลอยู่ (เป็นโชคดีของฉัน) ณ วันหนึ่งที่สัมพันธภาพได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ก็เหลือเพียงแค่ฉันกับที่พักในมือสามคืนอันมีมูลค่าสี่พันบาทพอดิบพอดี โอ้..พระเจ้าช่วย
บ้านปายนา
ระหว่างนี้ชีวิตของฉันก็ดูหม่นๆ เทาๆ ชอบกล ประหนึ่งว่าโชคชะตากำลังเล่นตลก แต่ฉันกลับไม่รู้สึกว่ามันตลกเลย ผ่านไปหลายวันด้วยความเซ็งก็เลยไปตั้งกระทู้หาเพื่อนเที่ยวปายเล่นๆ โดยมีข้อความว่า "ฉันมีที่พักอยู่ในมือแล้วสามคืน มีประสบการณ์ในการไปเที่ยวปายสองครั้ง ต้องการเพื่อนเที่ยวที่เป็นผู้หญิงวัย 30+++ มีคุณสมบัติจริงใจ ไม่เรื่องมาก มาแชร์ค่าห้องและเที่ยวด้วยกัน" ตั้งไปปุ๊บก็มีพี่สาวคนหนึ่งในลิสท์ msn มาทักในแทบจะทันทีว่า "ต้อมๆๆ ต้อมไปตั้งกระทู้หาเพื่อนเที่ยวปายใช่ไหมคะ? ทำไมไม่บอกพี่ก่อน......." ปรากฏว่าเธอบังเอิญผ่านไปเจอกระทู้ดังกล่าวและคิดว่าต้องเป็นฉันแน่ๆ จึงลองมาทักดู แต่ก่อนหน้านี้ดันไปตอบตกลงเที่ยวกับกลุ่มอื่นแล้วโดยได้ทำการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักไปเรียบร้อยแล้วด้วย เธออยากไปกับฉันแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกำหนดการใดๆ ได้ เราจึงสัญญาว่าถ้ามีโอกาสก็จะไปปายด้วยกันให้ได้ จะไปนอนเล่น เดินเล่น จิบกาแฟ ทำอารมณ์ชิลล์ๆ ที่ปาย แต่งอนๆๆ..ที่ทำไมเพิ่งมาถามเอาตอนนี้ โทษกันไปก็โทษกันมา..แต่สรุปที่ว่าฉันยังงอนอยู่ ถึงแม้ว่าพี่สาวคนนี้จะส่งโปสการ์ดจากปายมาง้อก็ตามที ฮึ!
มีผู้หญิงติดต่อเข้ามามากมาย แต่พวกเธอไม่สามารถลางานได้ในวันเดียวกับที่ฉันได้จองห้องพักไว้ ระหว่างนี้ฉันเลยได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ อีกหลายคน บางคนก็เข้ามาคุยด้วยเพราะติดตามประสบการณ์ไปปายมาแล้วของฉัน คุณนกเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถเดินทางไปกับฉันได้เพราะต้องดูแลกิจการของที่บ้านอันถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นเหมือนกัน นั่นคือบ้านเคียงทะเล เกสเฮ้าส์ริมชายหาดชะอำ เมื่อคุยกันได้สักพักฉันก็โอดครวญว่า.. "นี่นะ ถ้าไม่ติดว่าจะโอนเงินค่าที่พักปายไปแล้ว ต้อมจะไปทะเล" เธอบอกว่าจะคิดราคาห้องพักแก่ฉันในราคาพิเศษ ^^ ดีจัง....
และในที่สุด..ฉันก็มีเพื่อนร่วมพักที่ปายจนได้ คุณจินเป็นอีกคนหนึ่งที่เข้ามาพูดคุยด้วย แต่ว่าเธอจะต้องเดินทางไปก่อนหน้าฉันสองวันและจะทันได้พักร่วมกันในวันที่ 25 พฤศจิกายน ระหว่างนี้เราก็มีการพูดคุยกันผ่านโปรแกรม msn และทางเมล์เพื่อสร้างความคุ้นเคย
25 พฤศจิกายน 2551 หลังจากที่คุณจินโทรตามหาว่าฉันถึงที่ไหนแล้ว ณ ตอนนั้นจะเที่ยงวันแล้วก็ยังอยู่ในบ้านอยู่เลย รีบเก็บของใส่เป้เพื่อออกเดินทาง นึกโมโหตัวเองเหมือนกันที่ไม่รู้จักตระเตรียมเก็บของไว้ก่อน แม้ว่าจะมีอา(จารย์)จ๊ะ แม่หมู พี่จ๊ะ และท่านพี่จ๊ะคอยเตือนและถามไถ่ให้เก็บของเป็นระยะๆ ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงกว่าจะไปถึงอาเขต แถมระหว่างที่นั่งในรถโดยสารก็มีฝรั่งหนุ่มสาวสองคนร้องขึ้นมาว่า " Excuse me...." เปิดหนังสือชี้ๆ ที่คำว่า Bo sang อืม..งานเข้าเสียแล้ว บ่อสร้างจะบอกว่าไปทางไหนได้(วะ) สมองอัจฉริยะในด้านภาษาที่เคยติดอันดับต้นๆ ของภาคเหนือกำลังจะถูกนำมาใช้เพื่อบอกพวกเขาว่า "ไว้ไปถามคนขับรถก็แล้วกัน ข้าพเจ้าก็ไม่รู้พิกัดแน่ชัด ชะเอิงเอย ฯลฯ" ผู้หญิงต่างชาติคนนั้นก็เบ้ปากใส่ฉันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ฉันเลยเลือกที่จะเงียบและไม่มองหน้าพวกเขาอีกเลยจนสิ้นสุดระยะทางของการนั่งรถ ต่อรถสี่ล้อแดงจากประตูเชียงใหม่ไปอาเขตเสียอีก 50 บาท..แพงมากนะเนี่ย ไปถึงอาเขตก็ซื้อตั๋วรถตู้ในราคา 150 บาท ใช้เวลาอีกเกือบสามชั่วโมง..ฉันก็มาถึง "ปาย" จนได้ ลงจากรถตู้ปุ๊บก็เดินตรงดิ่งไปยังที่พักอย่างมั่นใจ วิลล่า เดอ ปาย ก็ยังดูคุ้นตาเหมือนเคย เดินไปยังบ้านพักหมายเลข 101 ก็เจอเพื่อนใหม่นอนอ่านหนังสือบนเปลญวน ดูท่าทางเธอจะตกใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่จู่ๆ ฉันก็โผล่พรวดเข้าไปอย่างไม่ให้สุ้ม-ไม่ให้เสียง
ฉันเก็บของ ล้างหน้าล้างตา และขอตัวโทรหาบล็อกเกอร์ท่านหนึ่งใน G2K นั่นคือ ครูแอน ด้วยสัญญาที่ติดค้างกันมานับเดือนกับหนังสือ "เมื่อหมอเป็นมะเร็ง" ที่ฉันบอกว่าจะส่งไปให้ยืมอ่าน แต่ด้วยครูแอนอยู่ไกลจากพิกัดที่ฉันอยู่บวกกับเป็นเวลาพลบค่ำก็เลยให้นำไปฝากกับน้องอีกคนที่เป็นคนรู้จักของเธอและอยู่ในบริเวณดังกล่าว จากนั้น..ฉันกับคุณจินก็ออกไปผจญภัยร่วมกัน โดยมีฉันเป็นโชเฟอร์ที่พาเธอหลงทางตลอดทริป เราไปถ่ายรูปที่ร้านกาแฟสุดฮอต Coffee in love แต่ผู้คนก็เยอะเกินไปจนดูไม่สบายตา
มุมน่ารักๆ บริเวณร้านกาแฟสุดฮอต Coffee in love
ตะวันตกดิน..อากาศเริ่มเย็นๆ ฉันกับคุณจินก็เอารถมอเตอร์ไซค์กลับไปไว้หน้าบ้านพักก่อนที่จะเดินออกมาที่ถนนคนเดิน แล้วเราก็พากันเดินออกไปหาอะไรทานกัน เดินจนเหนื่อยก็นึกไม่ออกว่าจะนั่งทานมื้อค่ำที่ไหนกันดี ฉันสังเกตุเห็นว่าจะมีโต๊ะตั้งขายข้าวปุกงาดำอยู่มากมาย ก็เลยชักชวนกันลิ้มรสดูสักครั้งในราคาแผ่นละ 10 บาท แม่ค้าจะเอาเจ้าแผ่นข้าวเหนียวที่ว่านี้ไปปิ้งไฟกลับไป-มา คะเนพอสุกก็เอาออกมาวางข้างนอก ตักน้ำตาลทรายแดงที่คลุกกับงาดำไว้เรียบร้อยลงบนแผ่นข้าวเหนียวแล้วม้วนๆ ใช้กรรไกรตัดเป็นคำๆ วางบนใบตอง เอาไม้จิ้มฟันปักให้เราจิ้มขนมเข้าปาก อร่อยจัง..เวลาที่เราเคี้ยวเจ้าขนมที่ว่านี้จะรู้สึกว่าความหอมหวาน-หอมมันพลุ่งพล่านอยู่ในปาก ^^ จากนั้นก็พาเธอไปซื้อหมูทอดเจ้าอร่อยที่ฉันเคยติดใจนักหนา ขีดละ 30 บาท ซื้อมาเคี้ยวเล่นสองขีด.. ก่อนจะเดินไปนั่งดื่มเหล้าปั่นที่ร้าน Pai Center รสชาติอร่อยทีเดียวกับราคาแก้วละ 50 บาท คุณจินเลือกรสบลูเบอรี่ (หลังจากที่คืนก่อนหน้านั้นเลือกรสมะนาว) ส่วนฉันเลือกรสลิ้นจี่ พี่คนขายเป็นผู้หญิงท่าทางดุๆ แต่ใจดีและคุยสนุก เชียร์ๆๆ เชียร์ร้านนี้มากเลย
ร้านเหล้าปั่น Pai Center รสชาติหอมหวาน..อร่อย
เดินเรื่อยเปื่อยตากหมอกเหมยเพราะยังนึกไม่ออกว่าจะทานอะไรกันดี ก็โฉบไปถ่ายรูปร้านขายโปสการ์ดชื่อดังเสียหน่อย นั่นคือร้านสบายดี และร้านมิตรไทย ก่อนกลับไปยังบ้านพัก..และคุณจินซื้อสปายกับบาคาร์ดี้ไปนั่งดื่มที่หน้าบ้านด้วย
เพราะอากาศหนาวหรือแปลกที่-แปลกทางก็ไม่รู้ เลยทำให้ฉันนอนไม่ค่อยหลับ แต่ก็ไม่กล้าลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์เพราะเกรงใจเพื่อนร่วมห้อง เหลียวมองดูเธอก็ตกใจ..ตายหล่ะหว่า ฉันดึงผ้าห่มมาห่มเสียคนเดียวหรือนี่ (แต่พอถามเธอในตอนเช้า..เธอบอกว่าอากาศร้อนก็เลยปัดผ้าห่มออกเอง)
คุณจิน..ผู้หญิงที่กล้าพักกับคนแปลกหน้าอย่างฉัน ^^
26 พฤศจิกายน 2551 ในเวลาตีห้า..ฉันลุกมายืนดูหมอกเหมยร่วงพราวที่ริมระเบียง เสียงน้ำปายไหลเอื่อยๆ กลิ่นข้าวต้มหอมเหลือเกินจนนึกอยากจะลงไปขอทานมื้อเช้าเป็นคนแรกแต่ก็ยังเหนียมๆ อยู่ เลยเปิดคอมพ์ท่อง G2K เสียหน่อย รอคุณจินตื่นจะได้ออกไปใส่บาตรอย่างที่นัดแนะกันเมื่อคืน
ยามเช้า..หน้าบ้านพักที่วิลล่า เดอ ปาย
พอคุณจินตื่นเราก็พากันขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่ากระไอหมอกไปยัง Coffee in love เพื่อถ่ายรูปให้คุณจิน (เมื่อวานเธอบอกว่าถ่ายไม่สะใจ..ขออีกที) และฉันก็ได้ให้เธอแบกเป้ใบใหญ่ของฉันไปด้วยเพื่อที่จะได้เอาไปฝากไว้ที่บ้านปายตาก่อนจะเช็คอินในเวลาเที่ยงวัน ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่าพิกัดของบ้านปายตาอยู่ตรงที่จุดใด จำได้ลางๆ เลือนๆ ว่าเมื่อคืนพี่เจ้าของบ้านโทรมานั้นบอกว่าอยู่ห่างจากร้าน Coffee in love ราวสองนาทีได้ ถ่ายรูปเสร็จ..คุณจินแนะนำว่าเราควรจะขี่มอเตอร์ไปทางห้วยน้ำดัง-เชียงใหม่ แต่ฉันก็เถียงว่ามันน่าจะไปในทิศทางตรงกันข้าม แล้วฉันก็พาเธอหลงทางอีกครั้ง แวะถามพี่ผู้ชายสองสามคนข้างทางที่อยู่แถวเต้นท์ขายเสื้อผ้าแนวทหาร (ตั้งอยู่เยื้องๆ กับร้านข้าวขาหมูลุงปาน ฝั่งตรงกันข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว) พี่คนหนึ่งไม่แน่ใจว่าชื่อ "ศักดิ์" หรือเปล่าก็กุลีกุจอเดินไปหาแผนที่ให้เราสองคนที่จุดตำรวจท่องเที่ยวนั่น (ยังไม่เปิดเพราะเช้ามาก) พี่เขาเดินไปตั้งไกลแน่ะ รู้สึกขอบคุณพี่เขาจริงๆ แต่ไม่กล้าขอถ่ายรูป
ฉันขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปยังทิศที่เพิ่งจากมา และไม่ไกลจากร้านกาแฟชื่อดัง Coffee in love นัก ก็สังเกตเห็นแท้งค์น้ำสีเขียวๆ ที่เคยเห็นในเวปไซต์ เห็นทางเข้าบ้านก็เลี้ยวเข้าไปแต่คงกะผิดไปหน่อยเลยเลี้ยวเอาตรงที่เป็นก้อนหิน-ก้อนกรวด ไม่ใช่ทางลาดซีเมนต์ แล้วทุกๆ อย่างก็เป็นเหมือนภาพสโลโมชั่น รถมอเตอร์ไซค์พุ่งไปข้างหน้าอย่างเสียหลักการประคอง ฉันกระเด็นตกไปทางหนึ่งแล้วรถก็ล้มกลับมาทับใกล้ๆ ฉันอีกที ตัวฉันนอนคว่ำลงกับพื้นและนึกในใจว่าตัวเองต้องเจ็บเยอะแน่ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ได้ยินเสียงคนวิ่งออกมาดูกันแล้วมีเสียงเพราะๆ ถามว่าว่า "เจ็บมากไหมคะ?" จุก....เพราะนอนคว่ำกับพื้นเลยโดยมีแขนทั้งสองข้างรองรับเอาไว้ โชคดีจังที่หน้า(เคย)สวยๆ ไม่เป็นอะไร..ถ้าเกิดได้แผลจะทำอย่างไรเนี่ย?..ยิ่งขายไม่ออกอยู่ รู้สึกเหมือนมีใครยกมอเตอร์ไซค์ออกไปและมีคนมาประคองฉันให้ลุก ไม่อยากตื่นเลย..อยากนอนหลับตาอยู่อย่างนั้น แต่นึกขึ้นมาได้ว่า..แล้วคนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ล่ะ? เพราะคุณจินต้องแบกเป้ใบที่ทั้งใหญ่และหนักของฉันไงล่ะ แต่ท่าทางเธอจะไม่เป็นอะไรนัก(หรือเปล่า?..ก็เธอบอกนี่ว่าไม่เป็นอะไร) พี่กบ-พี่ปัน เจ้าของบ้านวิ่งออกมาดูฉันและให้เข้าไปจิบชาอุ่นๆ ให้หายตกใจก่อน ตอนที่เดินเป็นกลุ่มเข้าไปในบ้าน..ฉันก็ชำเลืองมองดูผู้หญิงที่ถามว่าฉันเจ็บมากไหมอีกที พลางเปรยขึ้นมาว่า.. "หน้าตาคุณดูคุ้นๆ นะคะ" เธออมยิ้ม..แล้วฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตายหล่ะหว่า..ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข พิธีกรชื่อดังจากรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงทางโทรทัศน์ช่อง 3 นั่นเอง จัดการล้างแผล ฝากกระเป๋า แล้วรีบออกจากบ้านปายตาด้วยความอาย อายที่ว่าฉันจะต้องพักที่นี่ตั้งสองคืนนะสิ และช่วงที่คุณไก่จิบกาแฟยามเช้าละเลียดชมวิวอยู่นั่นก็คงจะเห็นภาพฉันซิ่งมอเตอร์ไซค์แหกโค้งแทบจะทุกช็อต โอ้....อยากให้เป็นเพียงแค่ฝันไป
จุดเกิดเหตุ..หน้าบ้านปายตา
แวะเคลียร์ค่าเสียหายของรถมอเตอร์ไซค์ที่ร้าน AYA รวมทั้งเช่าคันใหม่ออกมาด้วย ก่อนกลับบ้านพัก..ทานข้าวต้มร้อนๆ เครื่องดื่มอุ่นๆ ริมน้ำปาย (รวมในราคาที่พักแล้ว) ฉันโอดครวญกับคุณจินว่าเพราะเราไม่ได้ใส่บาตรกันหรือเปล่าถึงได้ประสบอุบัติเหตุ ตรวจดูแผลตามแขนก็มีถลอกปอกเปิกเลือดไหลซิบๆ (นึกขอบคุณเจ้ที่ให้เสื้อกันหนาวตัวหนาๆ เป็นของขวัญวันเกิดปีนี้) ลองขยับแขนขาดูก็พบว่าระบมไปหมด เลิกขากางเกงยีนส์ให้คุณจินดูก็ตกใจกันกับสภาพเขียวช้ำและบวมเป่งจนน่ากลัวเหมือนเลือดจะพุ่งปริออกมาตามรูขุมขน เช็คดูกล้องถ่ายรูปที่ใส่ไว้ในกางเกงยีนส์ด้านซ้ายกับมือถือที่ใส่ไว้ด้านขวาก็พบว่า..มีอาการรวนเหมือนกำลังจะเจ๊งเพราะต้องรองรับน้ำหนักตัวของฉันเต็มๆ โอ้..อะไรจะซวยขนาดนั้น
มื้อเช้าที่วิลล่า เดอ ปาย
ทานมื้อเช้าเสร็จก็พาคุณจินไปขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ แต่ตัวฉันรีบโทรอ้อนอา(จารย์)จ๊ะก่อนแล้วตามไปโอดครวญกับพี่ยาหยี (ทะเลดาว) ในบล็อก แต่ไม่เห็นจะมีใครโอ๋ๆ เลย ดูเหมือนพี่ๆ จะซ้ำเติมและขำขันกับวีรกรรมของฉันมากกว่า นั่งแชทจนถึง 11 โมงครึ่งก็เช็คเอ้าท์ ก่อนออกจากที่นั่น พี่เจ้าของบ้านพักก็ถามว่า.."แล้วจะไปที่ไหนต่อคะ?" พอบอกไปว่าจะไปบ้านปายตา เธอก็เตือนว่าให้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยความระมัดระวังหน่อยนะ เพราะถนนแถวนั้นค่อนข้างชัน ฉันยิ้มน้อยๆ พลางเปิดแขนเสื้อให้ดูเพื่ออวดบาดแผลเสียเลย "พี่บอกหนูช้าไปเสียแล้วค่ะ" เธอตกใจและกุลีกุจอจะหายามาใส่ให้ฉัน..แต่ฉันก็บอกขอบคุณแล้วรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาเลยด้วยร่างกายช้ำๆ.......
โปรดติดตามตอนต่อไป..