ยามฝนฟ้าไม่เป็นใจแบบนี้จะไปเที่ยวไหนกันดีคะ...คุณชอบถ้ำไหมคะ(อย่าบอกนะคะว่าชอบถ้ำมอง...) คุณคิดว่าถ้าขุดลงไปเรื่อยๆเราจะเจออเมริกาไหมคะ...คุณกลัวความมืดหรือไม่...คุณเคยถ่ายภาพในที่มืดๆบ้างหรือไม่...วันนี้ฉันมีคำตอบให้คะ...ขอนำเสนอภาพถ่ายถ้ำแสนสวยคะที่มีชื่อว่า Jenolan cave หลังจากที่ฉันให้คุณเห็นแค่หน้าถ้ำของ ถ้ำน้ำลอด ที่แม่ฮ่องสอนแล้ว ถ้ำนี้ใหญ่มากคะคุ้มกับการข้ามเขาหลายลูกและขับรถแบบดิ่งลงไม่รู้จบ ก็มาจะเอ๋กลับทางเข้าถ้ำที่แสนจะใหญ่โต...ถนนทั้งสายผ่านเข้าไปได้ละคุณ...เหมือนต้นไม้ยักษ์ที่อเมริกาที่ขุดถนนผ่านใต้ต้นนั่นละคะ...พอเข้าไปก็เจอเมืองทั้งเมืองเลยคะที่ด้านหลังถ้ำอึ้งมากคะถึงได้รู้ว่าที่นี่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศนี้...มีโรงแรมหลายหลังร้านรวงมากมายไม่น่าเชื่อคะ...เพราะทางที่มาที่นี่ไกลแล้วคดเคี้ยวมาก...ถ้าไม่ดังจริงคงอยู่ไม่ได้คะ...ที่นี่เปิดให้เข้าชมตลอดปี...มีถ้ำใหญ่ๆ 11 ถ้ำ เปิดตั้งแต่ 9 โมง ถึงบ่ายโมงคะ... (บางเดือนเขามีเล่นดนตรี+รับประทานอาหารเย็นในถ้ำด้วยแต่แพงมากคะ..)
ไม่ต้องกลัวลื่นคะ...เขาทำเส้นทางอย่างดีเห็นไหมคะบางช่วงเป็นทางปูนบางช่วงเป็นตะแกรงเหล็ก…ฉันชอบวิธีการนำเสนอมากคะ...คนนำทางมีไฟฉายบนหมวกแล้วก็รีโหมด 1 อัน ตอนแรกฉันงงเพราะโผล่เข้าไปมืดตื้อเลย เขาบังคับให้เราเดินแถวเรียงหนึ่งคะ...เดินจับราวไปเรื่อยๆ...เพราะมืดมาก...คนนำทางเล่าเรื่องผีไปด้วยเด็กเริ่มกลัว(ฉันด้วย)...หลังจากแกล้งให้เราเดินมืดๆสัก 10 นาที เขากดรีโหมดคะ...โอ้พระเจ้า...ฉันถึงบางอ้อมันเป็นรีโหมดเปิดไฟคะ...เขาจัดแสงสวยจริงๆ...เขาจะเปิดรีโหมดเฉพาะเมื่อมาถึงห้องสำคํญคะ...พอเล่าจบเพื่อนปิดไฟเลย...
สนุกมากคะ...เป็นวิธีการที่คุณไม่สามารถแอบแยกไปสวีทที่ไหนได้เลย...ต้องเดินตามกลุ่มให้ทัน …และที่สำคํญเขามีเซอร์ไพรส์คะ...พอถึงห้องนี้นอกจากเปิดไฟแล้วยังเปิดเพลงคลาสสิกกระหึ่มไปทั้งห้อง แล้วแล่นไฟแสงสียิงเลเซอร์ไล่ไปตามผนังถ้ำตามจังหวะดนตรีจนจบเพลงทุกคนปรบมือเกรียวกราว(นึกไม่ถึงคะ..เพราะฉันหลงมาที่นี่เพราะเห็นใบปิดเล็กๆที่สนามบิน)ที่ฉันชอบอีกอย่างถ้าเราเดินผ่านส่วนที่เป็นหินย้อยเราจะเดินในลูกกรงเหล็กคะ...คุณไม่มีสิทธิ์เหยียบหินงอกและไม่สามารถแอบหักหินย้อยใส่กระเป่ากลับบ้านได้เลยคะ...ทึ่งมากเมืองไทยคงไม่สามารถเอาวิธีนี้มาใช้ได้เพราะเขาทุ่มทุนมหาศาลวางโครงสร้างนี้คะ
อ้าวแล้วนี่ใครมือบอนมาตัดไปคะ...(ฉันเองอิๆเฉลยคะ..มันถูกตัดและเคลื่อนออกจากกันเพราะแผ่นดินไหวคะ)น่าทึ่งมาก...ธรรมชาติสร้างสิ่งพิเศษแบบนี้ได้อย่างไร...ถ้ำที่เมืองไทยมีมากกว่าและสวยงามกว่าด้วยซ้ำ(ทั้งแถวกาญ...ราชบุรี...เหนือ....ฉันลุยมาหลายที่แล้วคะแต่ไม่มีรูปให้ดูก็สมัยนั้นยังไม่มีกล้องดิจิตอลนิ..แก้ตัว)...แต่ของเราขาดการดูแล...ส่งเสริมและป้องกันคะ ถ้าคุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์มืดตื้อ...คุณจะถ่ายภาพด้วยกล้องตัวกระจิ๋วของคุณได้อย่างไร...เวลาใช้แฟลชบางครั้งทำให้ไม่ได้แสงสีที่เราต้องการภาพและมักจะออกมาเวอร์ๆ (เหมือนคนถ่าย)มีข้อแนะนำคะลองไม่เปิดแฟลชสิคะ...ฉันเป็นคนชอบถ่ายภาพโดยไม่ใช้แฟลช...การถ่ายภาพในที่ๆแสงน้อยหน้ากล้องมักใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ(ข้อควรระวังมือต้องนิ่ง...จึงควรนำขาไปด้วย...อิๆขากล้องคะ..แต่บางครั้งเหตุการณ์ฉับไวให้ใช้ขาของตัวเองดีที่สุด...ยืนแยกขานิดหน่อยแบบขาตั้ง...ฉันเคยแนะนำให้ใช้สายคล้องคอแล้วคุณจะเห็นประโยชน์ของมันคะ...สองมือที่เหลือประคองกล้องให้นิ่งที่สุดคะ)
ลองศึกษาโหมดถ่ายภาพในกล้องของคุณสิคะว่ามีที่ใช้ถ่ายภาพกลางคืนหรือไม่...ที่เป็นพวกพระจันทร์เสี้ยวแล้วแต่กล้องยี่ห้อไหนใช้รูปอะไร...แล้วคุณจะพบความลับที่แสนสวยงามในความมืดคะ...ไม่ว่าแสงไม่เป็นใจแค่ไหนก็ไม่เป็นอุปสรรค...ทุกอย่างต้องเริ่มที่ใจคะลองดูสิคะ
ต้อมรู้นะ ว่าทำไมถ้ำที่คุณไปเยือนไม่มีค้างคาวสักตัว อิอิ ก็เพราะถูกคุณจับกินหมดไงล่ะ แหม๊ แหม ทำเป็นลืม
ต้อมกลัวถ้ำ .. มันมืด ไม่คิดอยากจะเข้าไปในถ้ำด้วย กลัวน้อยกว่าเครื่องบินและลิฟท์มาก แต่ก็ยังติดอันดับความน่ากลัวของต้อมอยู่ดี
ว๊า งั้นคุณคงต้องเข้าถ้ำคนเดียวแร่ะนะ ต้อมไม่สามารถเข้าไปเดินเป็นเพื่อนได้ แฮ่ะ ๆ ๆ
สวัสดีค่ะ
รับว่า ไม่ค่อยชอบเที่ยวถ้ำเท่าไร แม้จะสวย เพราะ ออกจะอึดอัด อากาศน้อยหน่อย แต่บางจุดก็เย็นสบาย เพราะมีลมพุ่งเข้ามา
และถ้าบางแห่งก็ไม่ค่อยสะอาด แต่ถ้าในรูปนี้สวยมากค่ะ
อ่านเพลินเหมือนได้ไปด้วยค่ะ
สวัสดีครับ
แต่ขอร้องคะอย่าเอาพระพุทธรูปไปตั้งแล้วจุดธูปเทียนบูชา..เพราะคุณกำลังทำลายกระบวนการเกิดหินงอกหินย้อยโดยไม่รู้ตัว.
....
อ.กันทิมา แก้วล้อมบึง ได้อธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ดังนี้คะการเกิดหินงอกหินย้อยภายในถ้ำต่างๆ มีลำดับการเกิดดังนี้
1) น้ำฝน (H2O) ละลายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ทำให้น้ำฝนมีสภาพเป็นกรดคาร์บอลิก
(H2CO3) ดังสมการ CO2 + H2O = H2CO3
2) เมื่อน้ำฝนมีสภาพเป็นกรดไหลซึมไปตามก้อนหินหรือภูเขาที่เป็นหินปูนก็จะทำปฏิกริยาเคมีกับแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ในหินปูนได้สารละลายแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (Ca(HCO3)3)
3) เมื่อสารลายแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตไหลซึมลงมาจากเพดานถ้ำ แล้วน้ำระเหยไปหมดจะเหลือ ตะกอนปูนเกาะสะสม อยู่นานๆ เข้าก็จะกลายเป็นหินย้อยที่เพดานถ้ำ แต่สารละลายนี้หยดลงบนพื้นถ้ำ เมื่อน้ำละเหยไปจะเหลือตะกอนปูนเกาะสะสมอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปหมดนานๆก็จะกลายเป็นหินงอก
คนไทยหัวใจเป็นลาว
สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับกลับGotoKnowค่ะ กลับมาแล้วนะคะ