ในครั้งที่แล้วมีแต่เปลือกต้มจากบันทึกนี้ค่ะ ใบกะพ้อกับต้มเดือนสิบ แต่วันนี้ของจริงค่ะ
กลิ่นหอม น่ากินมากๆ ต้มกับเตาถ่านแบบโบราณค่ะ
♦ข้าวเหนียวซาวน้ำใส่ตะกร้าให้สะเด็ดน้ำและมะพร้าวขูดเตรียมคั้นกะทิ
♦ใส่กะทะแล้วตั้งไฟกวนจนแห้ง
♦นำมาห่อใบกะพ้อ(เหมือนวิธีห่อจากตอนที่1)
♦แบบนี้เป็นต้มทั่วไป
♦แบบนี้แม่เรียกว่าต้มหลักวัวหลักควาย ไว้ให้ปู่ย่าตายายเอาไว้ผูกเชือกเลี้ยงวัวควายในยมโลก
♦ห่อเสร็จแล้วตัดส่วนเกินออก
♦ใส่ในหม้อแล้วเติมน้ำแล้วตั้งไฟต้ม หรืออาจใช้นึ่งก็ได้ แต่แม่บอกว่าถ้านึ่งต้องผัดเหนียวให้สุกกว่านี้ และการนึ่งจะทำให้บูดเร็วกว่าแบบต้ม ฉันว่าแบบต้มนี้อร่อยเหนียวนุ่มดี
♦ต้มสุกแล้ว หอมจังค่ะ คราวนี้แม่ทำทั้งเหนียวขาวและเหนียวดำ และอาหร่อยด้วย
วันนี้กลับจากวัด แม่ให้ย่างต้มแล้วส่งไปให้พี่ชายที่อยู่กทม. ลุ้นอยู่ว่าจะบูดหรือเปล่า
แต่แม่บอกว่าสมัยก่อนที่วัดก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันในการเก็บรักษา
เนื่องจากมีต้มที่ชาวบ้านเอามาทำบุญมากมาย ทางวัดก็จะมาย่างแล้วเก็บไว้นานๆ
.........................
จริงๆ น่าทานครับ
เราก็เพิ่งกินมาเหมือนต้มเดือนสิบ
เลยแวะมาบอกด้วยคน
คนใต้...จงเจริญ
สวัสดีค่ะครูเมี้ยว อร่อยจริงๆค่ะอยากให้ได้ลองชิมจัง ไว้มีโอกาสดีๆแวะมาเที่ยวชิมต้มน่ะค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ
สวัสดีค่ะ อ.ประจักษ์ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ yaibuaw
ขอบคุณค่ะ
น้องหนูรี
อิ่มต้มคืนนี้ ต้มสองศาสนาให้ไปให้มา เพราะว่าทำบุญตรงกัน
การถนอม ต้ม นอกจากย่างแล้ว
ต้มทอด ก็อร่อยอีกแบบหนึ่งครับ
สวัสดีค่ะ บังหีม
พรุ่งนี้วันฮารีรายอใช่มั้ย ที่บ้านบังทำต้ม(ตูปะ)หม้ายค่ะ
ต้มทอดไม่ดีค่ะเพิ่มไขมันเข้าอีก ข้าวเหนียวก็อ้วนจะแย่อยู่แล้ว
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ nui
แม่หนูรีเป็นคนยะลาค่ะ ทำขนมลาไม่เป็นค่ะ ต้องซื้อค่ะ
แม่ตอนนี้ก็ 77 แล้วค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะมากๆๆๆค่ะ
กำลังหาอยู่พอดี
ปีนี้แม่เตรียมปอกมะพร้าวตั้งแต่วันที่3 เช้าวันที่4 ตื่นเช้ามานั่งซาวข้าวเหนียวเป็นนานสองนาน แม่บอกว่าต้องขัดจนน้ำใสเหนียวจะได้ไม่บูด ฉันจำคำนี้จนขึ้นใจแล้วค่ะ จากนั้นแม่ไปวัด(วันพระ)พี่จามขูดมะพร้าวไว้ให้ หลังเที่ยงกลับจากวัดก็เริ่มลงมือทำ แม่ชอบทำคนเดียวไม่ชอบให้ใครช่วยเดี๋ยวจะห่อไม่สวย(ไม่ได้ดั่งใจ)กว่าจะเสร็จก็เกือบสองทุ่ม
เข้าแลและ ขอภาพการรีดใบพ้อห่อต้มน้องรีไป นะคะ เอาไปสอนเด็กหีด ขอบคุณมากๆนะน้อง
ด้วยความยินดีค่ะครูตะวัน :)