การ "นำ" ที่แปลว่าการ "ตาม" คำที่มีความหมายกลับกันของภาษาไทย-อีสาน-ลาว
ภาษาไทยกลางกับภาษาไทยอีสานมักมีหลายคำที่มีความหมายผกผันกันอย่างน่าฉงน ปนน่ารัก คนภาคอีสานเองบางครั้งถ้าไม่สังเกตก็แทบไม่รู้สึกตัว เช่น คำว่า “นำ” ซึ่งพวกเราเข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึง นำหน้า อยู่ส่วนหน้า ผู้นำก็หมายถึง หัวหน้า ผู้อยู่ส่วนหน้าขององค์คณะ
แต่ “นำ” ในภาษาอีสานนั้น กลับหมายถึง การตาม ถ้าเป็นการเดินก็คือการเดินตามหลังคนเดินหน้า เช่นคำว่า “ควายน้อยย่างนำก้นแม่มัน” ซึ่งหมายถึง ลูกควายเดินตามหลังแม่
หรืออย่างมากก็หมายถึงการเดินไปพร้อม ๆ กันไม่ล้ำไปข้างหน้า เช่น เฮาสองคนสิไปนำกัน (เราสองคนจะไปด้วยกัน) “อีแม่ข้อยไปนานำแหน่” (แม่ครับผมขอไปนาด้วย) ไม่มีความหมายว่านำหน้า
“นำ” ที่ยิ่งมีความหมายถึงการทำตาม เช่น การพูดว่า “ลอกการบ้าน” จะพูดอีสานว่า “นำการบ้าน” เมื่อครูจะห้ามไม่ให้นักเรียนลอกคำตอบในแบบฝึกหัดกัน ผมเคยได้ยินครูเก่าผมพูดว่า "ห้ามบ่ให้นำกันเด้อ..แหล่งน้อยเอ้ย" (แหล่งแปลว่า เด็ก ๆ /ลูกน้อง/ผู้รับใช้)
ปัจจุบันคำว่า "นำ" ยังใช้กันปกติครับ อย่างการขอกินด้วยคน ขอร่วมด้วย ขอตามไปด้วยคน คนที่สนิท ๆ กัน ก็มักพูดว่า นำแหน่ นำแหน่ (ขอด้วย ขอกินด้วย ขอไปด้วย) ครับ
มีหลายคำที่มีความหมายกลับกันระหว่างภาษาไทยกับอีสาน ที่เลิกใช้ไปแล้วเช่น คำว่า “แพ้” ภาษาอีสานโบราณแปลว่า “ชนะ” (ออกเสียง ซะนะ) ดังภาษิตอีสานโบราณ “บาปบ่แพ้บุญ -- ----” มิได้หมายถึงบาปชนะบุญนะครับ แต่หมายถึง "บาปไม่ชนะบุญ" นั่นเอง (ส่วนตรงที่ขีดละไว้ชาวอีสานเท่านั้นที่รู้ดีว่าหมายถึงอะไร...)
อีกคำที่น่าสนใจก็คือ "คู" ซึ่งภาษาไทยหมายถึงร่องน้ำเป็นทางยาว และมีความลึก แต่อีสานกลับตรงข้ามครับ คู หมายถึง การพูนดินเป็นทางยาว เช่น ขอบดินของสระน้ำที่สูง ๆ เรียก คูสระ เขื่อนดินสูง ๆ เรียกว่า คูดิน คันนาก็ว่า คูนา-คันแทนา หรือแม้แต่ถ้าพูดว่า คูน้ำ คนในชนบทอีสานที่มีแหล่งน้ำใหญ่ก็หมายถึง ลอนสูงของคลื่นน้ำ เป็นต้นครับ
ยังมีอีกหลายคำที่มีความหมายกลับทางกัน แบบแปลก ๆ อย่างนี้ครับ
ได้เรียนภาษาอีกภาษาหนึ่งครับท่าน
รู้ไว้ใช่ว่า เข้าใจภาษา ดีดี
1. ขอบคุณทุกท่านที่แวะมา ม่วนสนุก กับ ภาษาพาม่วน ที่ยกมาครับ
2. เรื่องประวัติศาสตร์อีสานหรือเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง ผมเห็นคุณออต เล้าข้าวศึกษา บันทึกไว้ยังตามอ่านไม่ทั่วเลยครับ... ถ้าเราทำใจกว้าง ๆ ใหญ่ ๆ ไว้จะสามารถอ่านรู้เรื่องประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับเราได้สนุกมาก อันดับแรกเราจะต้องกล้ายอมรับว่า อะไรคือ "แนว" อะไรคือ "ซุม" ของเรา และต้องแยกแยะว่าไม่เกี่ยวข้องกับหลักการปกครองกับบ้านพี่เมืองน้องในปัจจุบัน เพราะคำว่าอีสานถูกเรียกมา 100 ปีเล็กน้อยมานี่เอง...
ขอบคุณ.. ผมจะคอยอ่านจาก ผอ.บล ด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน(สำนวนมติชน) ครับผม...
คนเมืองยศขอแจมด้วยนะครับ มีประวัติเมืองนี้อยู่เล็กๆ น้อยๆ
นัมแหน่...นำแหน่..
ภาษาพาม่วนจริงๆ ครับ
อยากอ่านเรื่องเมืองยศ ความเป็นมาปรากฎไฉน
เอาเลยท่านวรชัย ผมจะเตรียมใจรอ...
ขอบคุณครับ สนุกและได้ความรู้ครับ
ขอบคุณท่าน 10. cha
เมื่อ อา. 25 พ.ย. 2550 @ 01:31 ครับที่แวะเยี่ยม