เล่นกีฬา ย้อนมาทบทวนการภาวนา


อืมการเขียนบันทึกอย่างนี้เอง ตอนนี้หนูรู้สึกว่าใจมีกำลัง กราบขอบพระคุณครูมาก ๆ ค่ะ ที่ แนะนำสั่งสอน ฝึกฝนอบรมให้หนู ฝึกเขียนบันทึก หนูเป็นคนชอบกีฬา พอเปรียบเทียบการภาวนากับกีฬาแล้วใจมัน ฮึดสู้ขึ้นมา กราบขอบพระคุณค่ะ หนูจะ ซ้อม ๆ ๆ ๆ เพื่อ สู้ ๆ ๆ ๆ เอาหล่ะ ตายเป็นตาย

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา กรมที่หนูสังกัด มีการจัดกีฬาสี ซึ่งเป็นกิจกรรมร่วมกันทั้งภายในกรม ที่เราเรียกกันง่าย ๆ ว่าส่วนกลาง และก็มีส่วนภูมิภาค เดินทางมาร่วมด้วย

หนูเลือกที่จะเล่นวอลเล่ย์บอลและก็เล่นบาสเกตบอล ซึ่งเคยเล่นได้ดี ในสมัยที่เป็นักเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย

รอบแรกเป็นรอบคัดเลือก หนูลงแข่งวอลเล่ย์บอล จากเดิมที่เคยตบได้ดี แต่เพราะอ่อนซ้อม มาได้จับลูกก็ก่อนลงสนาม วอร์มน้อยก่อนลง เพราะหนูคิดไม่ดี ว่ารู้สึกอาย กลัวโดยแซว พอลงสนามก็เลยพอได้ โชคดีที่เพื่อนร่วมทีม เล่นได้ดี ทีมเราผ่านรอบคัดเลือก

 

หลังจากเสร็จวอลเล่บอล หนูก็วิ่งมาที่สนามบาสเกตบอล ซึ่งเล่นไปก่อนแล้วประมาณสองสามนาที มาถึงปุ๊บ เปลี่ยนลงปั๊บ อืมจะว่าไป ตอนนั้น หนูก็ยังไม่เหนื่อยค่ะ เหมือนร่างกายพึ่งวอร์มอัพ วิ่ง ๆ ๆ รับส่งลุกได้รวดเร็วตามความคล่องตัว แต่.........หนูมีโอกาสหลายครั้งที่จะได้วางลูกลงห่วง แต่ก็ไม่ลง ความมั่นใจในการชู๊ดหนูน้อยลง แถมได้ชูดลูกโทษด้วย 2 ลูก หนูพยายามตามลมหายใจ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความกังวลและไม่นิ่ง เพียงปล่อยลูกออกจากมือ ก็เหมือนหนูได้คำตอบว่า ไม่ได้แต้มแน่ ๆ แต่ก็อีกนั่นแหละคะ พอรู้ว่าตนเองวางไม่แม่น ก็หาจังหวะส่งให้เพื่อนทำแต้มแทน ด้วยความพร้อมของทีม เราก็ชนะแล้วก็ผ่านรอบคัดเลือกมาได้

หนูได้พักเชียร์กีฬาประมาณ 1 ชั่วโมง วอลเล่ย์บอล ก็เข้าชิงชนะเลิศ ครานี้หนูรู้สึกได้ว่า เพื่อน ๆ อ่อนแรง และเป็นจ๋อย ๆ ทราบว่า ดูฟอร์มการเล่นของทีมตรงข้ามแล้วหวั่นใจ เราพยายามให้กำลังใจ เซตแรงแพ้ไปด้วยคะแนนฉิวเฉียว แต่ก็เห็นความเหนื่อยล้า เซตที่สองเราเริ่มเล่นได้บ้าง แต่ก็หลายคนอ่อนแรง แล้วเล่นไม่ค่อยเข้าขา สุดท้ายเเพ้ไปได้เหรียญเงิน

จากการเล่นวอลเล่ย์บอลทำให้หนูได้เรียนรู้ว่า การที่เรามีทรัพยากรที่ดีมาก ๆ แต่ขาดการบริหารจัดการที่ดี เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในเวลาที่เหมาะสมก็ทำให้พลาดโอกาสได้เช่นกัน ดูจากฟอร์มการเล่น ในทีมแต่ละคนเก่งมาก ๆ แต่เล่นไม่เข้าขา จึงเล่นถูกทำคะแนนได้น้อย หนูมองย้อนเข้ามาที่ตนเอง หนูก็เชื่อมั่นว่าหนู มีความสามารถในหลาย ๆ ด้าน แต่บางครั้งเพราะความกลัว ความกังวล ความลิงโลด ทำให้หนู ดึงศักยภาพที่มีออกมาใช้ได้ไม่เต็มที่ แต่หากหนูฝึกฝน ซ้อมบ่อย ๆ ซ้อมใช้ศักยภาพตนเองบ่อย ๆ อย่างมีสติ หนูเชื่ออย่างยิ่งว่าจะสามารถพัฒนาตนเองแล้วก้าวข้าม ความกลัว ความกังวล และความลิงโลดให้ได้

ออกจากสนามวอลเล่บอล หนูเดินมาที่สนามบาส ได้นักพักประมาณ 15 นาที ก็ลงชิงชนะเลิศบาสเกตบอล ครานี้หลายคนฉายแวว อ่อนแรงชัด เพราะเราทั้งหมดไม่มีใครได้ซ้อมมาก่อน มาเจอลูกบาส เจอกันก็ที่สนามแข่ง กำลังจึงตก เพราะปกติเราก็มีแต่ทำ Lab แม้หนูจะออกวิ่งบ้างเช้าเย็น แต่ก็ไม่หนักขนาด เล่นในเกม

 

พอลงสนาม เราอ่อนแรงแทบจะวิ่งไม่ออก หนูลงเล่นประมาณ 4 นาที รู้สึกอ่อนแรง ขอเปลี่ยนตัวออกมาพัก แล้วมองเข้าไปในสนาม เห็นหลายๆคนเหนื่อย แต่ก็มองเห็น จุดอ่อนของทีมตนเอง และฝ่ายตรงข้าม มีการขอเวลานอกจึงขอเปลี่ยนตัวเลย ครานี้เรานัดแนะกันใหม่ แก้เกม ปรับแผน เริ่มทำแต้มได้บ้าง เล่นลูกเร็ว แต่สุดท้ายก็ตามไม่ทัน แพ้ไปด้วยแต้มที่ห่างพอสมควร

จากการเล่นบาสทำให้หนูได้เรียนรู้ว่า เราอ่อนซ้อม แค่แรง กำลังทางกายเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้เราทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพได้ เราต้องมีความแม่นยำ มีฝีมือ มีปัญยา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องได้มาจากการฝึกฝน อย่างอดทน พอมองย้อนเข้ามาที่ตนเองในการปฏิบัติภาวนา หนูพบว่า "ฉันอ่อนซ้อมนี่หว่า ภาวนาน้อย อ่อนซ้อม ดีแต่คร่ำครวญ ที่ผ่านมาเหมือนหนู ซ้อมแบบเปาะ ๆ แปะ ๆ ไม่เอาจริง พอลงสนามจริงเลย หงายเก๋ง

อืมการเขียนบันทึกอย่างนี้เอง ตอนนี้หนูรู้สึกว่าใจมีกำลัง กราบขอบพระคุณครูมาก ๆ ค่ะ ที่ แนะนำสั่งสอน ฝึกฝนอบรมให้หนู ฝึกเขียนบันทึก หนูเป็นคนชอบกีฬา พอเปรียบเทียบการภาวนากับกีฬาแล้วใจมัน ฮึดสู้ขึ้นมา กราบขอบพระคุณค่ะ หนูจะ ซ้อม ๆ ๆ ๆ เพื่อ สู้ ๆ ๆ ๆ เอาหล่ะ ตายเป็นตาย 

หมายเลขบันทึก: 323344เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2009 01:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณมากค่ะ  ได้รับความรู้ไปมากมายเลยค่ะ  มีความสุขมากๆๆนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ ครูอ้อย แซ่เฮ  

ที่เมตตาให้กำลังใจ ขอให้มีความสุขและเบิกบานเช่นกันนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท