เมื่อพืชสมุนไพร 13 ชนิด เป็นวัตถุอันตรายเสียแล้ว


กว่าจะเปลี่ยนทัศนคติของเกษตรกร ให้หันมาใช้พืชสมุนไพร ทดแทนสารเคมี ใช้เวลา ในการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่น้อย

         จาก การที่ได้ประกาศให้ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืช  ซึ่งไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย จำนวน 13 ชนิด เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 1 บัญชี ข

 ประกอบด้วย สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ข่า ดาวเรือง สาบเสือ        กากเมล็ดชา พริก ขึ้นฉ่าย ชุมเห็ดเทศ ดองดึง และ หนอนตายหยาก

 พืชสมุนไพร ทั้ง 13 ชนิดนี้ เป็นพืช ที่อยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยมาช้านาน แล้วชาวบ้านปลูกไว้ในบ้าน ผลิตเป็นยาสมุนไพร พืชผัก อาหารพื้นบ้าน เมื่อถูกกำหนดเป็นวัตถุอันตรายแล้ว หากมีการครอบครองหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย จะต้อง มีการขออนุญาตให้ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลกระทบ ต่อชาวบ้าน เกษตรกร ที่ปลูกเพื่อบริโภคหรือเพื่อขายเล็กๆน้อยๆ เป็นอย่างมาก พืชสมุนไพรเหล่านี้ เป็นพืชที่อยู่ในวิถีชีวิต ของชุมชน มาช้านาน แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ถ้าจะควบคุม น่าจะมีการพูดคุย ฟังความคิดเห็น จากชุมชน สังคม ทำความเข้าใจ กันก่อน น่าจะมีเส้นแบ่ง ว่าการใช้สมุนไพร เพื่อประโยชน์ ด้านไหน อย่างไร น่าจะอยู่ตรงไหนจึงจะเหมาะสม และทุกฝ่ายจะยอมรับได้

    

  

สำหรับภาคการเกษตร นักส่งเสริมฯ ได้ ส่งเสริมให้เกษตรกร ลดการใช้สารเคมี และให้ใช้สารชีวภาพ(ที่ผลิตจากพืชสมุนไพร)ทดแทน เพื่อความปลอดภัยของ ผู้ผลิต ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อม

 ถ้ามีการบังคับใช้ ตามประกาศของคณะกรรมการวัตถุอันตราย อย่างนี้แล้ว เกษตรกรจะสับสน ในการปฏิบัติ หรือไม่  เป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้กับเกษตรกรหรือไม่

  

 กว่าจะเปลี่ยนทัศนคติของเกษตรกร ให้หันมาใช้พืชสมุนไพร ทดแทนสารเคมี ใช้เวลา ในการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่น้อย

 หรือต้องปล่อยให้ สารเคมี เข้ามามีบทบาทในการเกษตรบ้านเราอีกครั้ง.....

เรา นักส่งเสริมฯ จะเดินต่อ อย่างไร...คงต้องรอ ให้สังคมช่วยกัน กำหนดทิศทาง...

    

ด้วยความห่วงใย...

 

ชัยพร  นุภักดิ์ 

 

 

หมายเลขบันทึก: 241247เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2009 15:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (51)

สวัสดีครับ คุณหนุ่ม

เป็นเรื่องที่ต้องทบทวน

พืขสมุนไพรอันตรายไปได้อย่างไร

ใครได้ใครเสีย..ไม่รุเหมือนกัน

ขอบคุณมากครับ

มีอะไรแอบแฝงอีกหรือเปล่า????

ใครกันได้ประโยชน์????

คนนำเข้ายาฆ่าแมลง พ่อค้าปุ๋ย ฯลฯ

คิดให้หนักหน่อย . . .ประเทศชาติจะล่มเอา

สวัสดีครับพี่

- เพิ่งเห็นข่าวนี้ทางทีวี....อึ้งเลยครับ ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันอยู่

- ก็ได้แต่หวังว่า "หน่วยงาน" ที่เกี่ยวข้องจะเร่งทบทวน "การกระทำ"ดังกล่าว

ไม่งั้นการส่งเสริม "การเกษตรแบบปลอดสารเคมี" คงจะเหนื่อยกันอีกนาน

- แหม "ฝนกำลังจะซา ฟ้ากำลังจะเปิด" ดันมี "พายุ" เข้ามาอีก...เฮ้อ

สวัสดีค่ะ คุณหนุ่ม

คิดไม่ออกเหมือนกันว่า พืชสมุนไพรที่อยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยจะเป็นวัตถุอันตราย

น่าเป็นห่วงจริง ๆ ค่ะ...ประเทศไทย

* สับสนกับชีวิตเหลือเกิน

* ไม่รู้จะหันไปทิศทางไหนดี

* เกษตรกรปลูกพริก ขิง ข่า คงต้องไปขึ้นทะเบียนหรือไร

* คิดได้ไง งงๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

* เกษตรกรถามมามาก อึ้งครับ ไม่สามารถตอบได้

งง และสับสน จริงๆ

อยากทราบในรายละเอียดมากกว่านี้ ถึงเหตุผลและความต้องการในการประกาศนี้ เพราะมีผลกระทบต่อเกษตรกรแทบทั้งหมด

กรมวิชาการเกษตรยันควบคุมพืชสมุนไพร 13 ชนิด แค่แปรรูปเป็นยาฆ่าแมลง

จากกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตรายและกรมวิชาการเกษตร ประกาศขึ้นทะเบียนพืชสมุนไพรไทย 13 ชนิด ประกอบด้วย สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ข่า ดาวเรือง สาบเสือ กากเมล็ดชา พริก ขึ้นฉ่าย ชุมเห็นเทศ ตองตึง และหนอนตายหยาก เป็นวัตถุอันตราย

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ความจริงประกาศฉบับนี้ควบคุมเฉพาะการนำสมุนไพรเหล่านี้ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กำจัดแมลงหรือยาฆ่าแมลง และต้องทำเพื่อการค้าเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการปลูก การจำหน่าย หรือนำมาเป็นยาสมุนไพรรักษาโรค และไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของคนไทยที่ใช้สมุนไพรเหล่านี้ประกอบอาหาร ทั้งนี้สมุนไพรทั้ง 13 ชนิดเดิมอยู่บัญชี 2 ซึ่งหมายถึงสมุนไพรไทยทุกตัวที่อยู่ในบัญชีนี้ต้องบังคับให้ขึ้นทะเบียน แต่ไม่ต้องขออนุญาตผลิต ได้ย้ายมาอยู่ในบัญชี 1 ทำให้ง่ายขึ้นกว่าเดิม คือเพียงแจ้งให้ทราบว่าจะผลิต โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียนใดๆ ประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนักกับข่าวนี้ เพราะวัตถุประสงค์สำคัญของการขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตราย เพื่อคุ้มครองเกษตรกรให้รอดพ้นจากการถูกการหลอกขายยาฆ่าแมลงและปุ๋ยชีวภาพที่ไม่มีคุณภาพที่ผลิตจากสมุนไพรเหล่านี้ ซึ่งเป็นปัญหามากในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=363209

จากคุณ : envieco1 - [ 11 ก.พ. 52 15:07:50 A:202.5.87.148 X: ]

พืชสมุนไพร 13 ชนิด เป็นวัตถุอันตราย

อันตรายสำหรับ...แมลงศัตรูพืช

หรือ อันตรายสำหรับ "ตลาด" ยาฆ่าแมลงที่มีมูลค่ามหาศาล

หรืออันตรายต่อตลาดยาอื่นๆ ตลาดเครื่องประทินผิว ฯลฯ

:)

ต่อไปนี้ต้องขออนุญาตปลูก ขออนุญาตมีไว้ในครอบครอง ขออนุญาตใช้ในส่วนผสมยาพื้นบ้าน (หรือเปล่า) ไม่อิสระเสรีเหมือนการกำเงินไปซื้อยาฆ่าแมลงมาใช้...ง่ายกว่ากันเยอะ

รอดูกันต่อไป..โอ้ไทยแลนด์

 

 

หลายชนิด ทานกันอยู่ทุกวัน 

ไม่น่าเชื่อ เป็นไปได้ไงคะ

งงจังค่ะ 

 

   

หวัดดี ..หนุ่ม (หนุ่ย)

*ถ้าเส้นแบ่งไม่ชัดเจนก็น่าห่วง

*ถ้าวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเกษตรกรให้รอดพ้นจากการถูกหลอกก็ดี..แล้วสารเคมีการเกษตร..โดยเฉพาะยาฆ่าหญ้าคณะกรรมการฯ น่าจะดูบ้างว่าจะเอาอย่างไรในปัจจุบัน..

    - พื้นที่ที่สูงใช้ปริมาณที่มากขึ้นอย่างไร้ข้อจำกัดและราคาสูง

    - บางชนิดต้องห้ามใช้เหมือนประเทศอื่นๆแล้วหรือยัง

    - และคุณภาพของสารเคมีที่เกษตรกรถูกหลอก ดังกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา .........คือ

เกษตรกรชาวเขาจังหวัดน่าน นำยาฆ่าหญ้าที่นำไปใช้แล้วไร้ผล ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมน่าน (1/5/2008)

วันนี้ (1 พ.ค. 51)  ได้มีกลุ่มชาวเขาเผ่าม้ง และเมี้ยน  จากบ้านตาแวน หมู่ 4 ต.เรือง , บ้านสองแคว  หมู่ 5 , บ้านใหม่พัฒนา หมู่14  ต.สะเนียน อ.เมือง จ .น่าน จำนวนหนึ่งได้ใช้รถยนต์กระบะขนบรรทุกแกลลอนยาฆ่าหญ้าหรือยากำจัดวัชพืช ยี่ห้อ ไกลโฟเซต 48 ที่ผลิตและจำหน่ายโดย บริษัท ฟาสเทค จำกัด เลขที่ 14/225 หมู่ 4 ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน  เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นของปลอม เนื่องจากเกษตรกรกว่า 1,000 ราย นำไปฉีดพ่นแล้วหญ้าไม่ตาย ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง  ซึ่งยาฆ่าหญ้าดังกล่าวได้ซื้อจากร้านโหลเพื่อนเกษตร เลขที่ 221 - 223 หมู่9 ต.ผาสิงห์  อ.เมือง  จ. น่าน ซึ่งเป็นร้านที่จำหน่ายยาฆ่าหญ้าดังกล่าวให้แก่เกษตรกรชาวเขาทั้งในจังหวัดน่าน และ จังหวัดแพร่ พากันนำยาฆ่าหญ้า เพื่อมาส่งคืนร้านและขอรับเงินคืนจำนวนมาก ในส่วนแกลลอนที่ถูกเปิดใช้แล้วทางร้านไม่ยอมรับคืนบอกว่า ขอเวลารอให้ตัวแทนของบริษัทมาตรวจสอบและพิจารณาในขั้นตอนต่อไป

 หลังจากกลุ่มเกษตรกรได้เข้าร้องเรียนต่อต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน โดยมี นายวรพจน์   ประทีปรัตน์  ประจำศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน  ได้รับเรื่องไว้  และจะดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายไว้เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป จากนั้นได้แนะนำให้กลุ่มเกษตรกรไปแจ้งความลงบันทึกประจำไว้ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน ไว้เป็นหลักฐาน เผื่ออาจจะมีการฟ้องร้องกันทางแพ่งกันต่อไป

  ทางด้าน นายอภิวัฒน์  ลีเกษมทรัพย์  เจ้าของผู้จัดการร้านโหลเพื่อเกษตร กล่าวว่า ทางร้านไม่มีเจตนาหลอกลวงเกษตรกร ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่นำยามาคืนทางร้านก็ยินดีคืนเงินให้เต็มจำนวนราคาที่ซื้อไป ขณะนี้ได้ติดต่อกับทางบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายแล้ว เพื่อหาทางรับผิดชอบในขั้นตอนต่อไป

ข้อมูลจาก ::   พวงพยอม คำมุง  ส.ปชส.น่าน  วันที่ ::  1/5/2551  

 

 

สวัสดีครับพี่ P เกษตรยะลา

  • ทั้งงง ทั้งสงสัย..เหมือนกันครับ

สวัสดีครับคุณ ประชาชน

  • ภาคประชา-สังคม ต้องช่วยกันดูละมัง ครับ

สวัสดีครับคุณ P วิศรุต

  • ภูมิปัญญาท้องถิ่น จะทอย่างไรต่อ ครับ

สวัสดีครับคุณP ดาวศุกร์

  • กำลังทานสะเดา น้ำพริก อยู่เลยครับ

สวัสดีครับคุณ ลูกเกษตรกร

  • ขอบคุณ คุณ chudchainat ที่ช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติม ครับ

สวัสดีครับคุณP คุณพิทักษ์

  • ถ้า สถานการณ์ เดินไป ข้างนายทุน น่าเป็นห่วง เกษตรกรไทย ครับ

สวัสดีครับคุณP  ไก่...กัญญา

  • นี่หละ ครับ ประเทศไทย
  • เป็นไปได้ ทุกเรื่อง ที่ไม่น่าเชื่อ

สวัสดีครับพี่P  พ.ภูดอย น่าน

  • คงไม่กระทบ กับ จ.น่าน มากนัก เพราะบนดอย ใช้สมุนไพร น้อยอยู่แล้ว ครับ 555..
  • เตรียมคำตอบ ไว้ ให้ลูกค้าเราด้วย ครับ

 

 

  • บริษัทขายยาฆ่าหญ้าบริษัทหนึ่ง
  • ..โฆษณาว่ายาฆ่าหญ้าของเขาว่า
  • ...พิษน้อยกว่ากาแฟซะอีก...
  • แต่ข่าตะไคร้เราเป้นวัตถุอันตราย???
  • โดยเฉพาะพริก..อันตรายมากถ้าเข้าตา...ฮี้ว...

สวัสดีครับคุณ P เกษตร(อยู่)จังหวัด

  • สะเดา มีรสขม เหมาะกับผู้สูงอายุ ที่ ชอบของขม ชมเด็กสาว เล่าความหลัง ..555.
  • น่าจะมีทางออกดี สำหรับ พี่น้องเกษตรกร ประเทศไทย นะครับ

ฝั่งเราก็กำลังถกกันอยู่

ชีวิตเปลี่ยนไปเมื่อคนอื่น เข้าไปก้าวก่าย 555

สบายดีนะคะ

ผมเรียนท่านท่านนายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข ตรงๆนะครับว่ากฏหมาย 11 ฉบับ ผมยังไม่ลืม รีบทบทวนเถอะครับ ถ้าอยากเป็นรัฐบาลนานๆ

ข่าวที่ออกมาไม่เคลียร์ เลยทำให้สังคมสับสน จะโทษใครดีหละค่ะ โทษคนให้ข่าว หรือโทษผู้ออกข่าว รีบ ๆ ออกมาชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบโดยเร็ว ไม่งั้นอันตรายค่ะ

คิดได้ไงวะ 13 พืชสมุนไพร เป็นสารอันตราย กินกันอยู่ทุกวัน ถ้ามันอันตรายจิง คนไทยคงหมดโลกเเล้วเหละ กินกันมาไม่รู้กี่โครตแล้ว ถ้ามันอันตรายจิง ทำไมไม่ทดสอบละ ระหว่างผมกับคนร่างกฏนี้ ผมจะกินพืชสมุนไพรอันตราย13ชนิดนี้ และคุณกินสารปราบวัชพืช ดูสิว่าใครจะรอด ถ้ามันอันตรายจิงผมคงไม่รอด คุณกล้าลองหรือเปล่าละ ทำอะไรให้คิดเสียบ้าง อย่าให้เด็กมันถอนหอกเอานะ ผากไว้ให้คิด

เมื่อเช้าดูข่าวช่อง 3 อยู่เหมือนกันค่ะ แต่ที่ฟังเหมือนเขาบอกว่าเค้าจะควบคุมผู้ที่ผลิดสารเคมีจากสมุนไพรที่ว่าขายนะคะ แต่ไม่แน่ใจ

สวัสดีครับคุณเต๋อ

  • ใครทำอะไรไว้ ก็จะได้อย่างนั้น หละครับ
  • ต้องโดนซะบ้าง

สวัสดีครับคุณmungbean

  • ถกกัน ได้ผลประการใด บอกต่อด้วยนะครับ

สวัสดีครับคุณเบดูอิน

  • นายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข คงจะร้อนหูแล้วนะครับ

สวัสดีครับคุณjasmin

  • ผู้มีอำนาจ ช่วย ให้กระจ่างหน่อย ก็ดี ครับ

สวัสดีครับคุณ seed

  • เด็กๆ ยังคิดได้เลยครับ
  • แต่ผู้ใหญ่เลยวัยไปแล้ว จึงคิดไม่ออก

สวัสดีครับคุณทรายชล

  • การสื่อสาร จาก ก.อุตสาหกรรม ต้อง ชัดเจนหน่อย
  • ไม่ใช่โยนหินถามทาง
  • ชาวบ้านสับสน ครับ

ถ้าเลิกใช้สมุนไพรทำยาปราบศัตรูพืชแล้วหันมาใช้เคมีแทน ใครได้ประโยชน์มากที่สุด นั่นอาจจะเป็นคำตอบที่มาของเรื่องนี้ก็ได้ค่ะ ปีหนึ่งๆ เคมีที่ใช้กับการเกษตรกำไรเท่าไหร่ ถ้าคนหันมาใช้สมุนไพรมากขึ้นเพราะเรื่องสุขภาพ คนที่เดือดร้อนก็คงเป็นกลุ่มผู้ค้ากับผู้ผลิตรวมถึงผู้นำเข้า อะไรจะขายกำไรดีกว่าพวกนี้ ต้นทุนต่ำขายซะแพง กำไรไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งปุ๋ย ยา ฮอร์โมน ที่ประกาศออกมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ อยากให้ชี้ชัด และพิสูจน์ได้เทียบกันระหว่างสมุนไพรกับสารเคมีว่าอะไรมันอันตรายกว่ากัน

รู้ข่าวแล้วตกใจจัง เกษตรกร จะต้องเป็นผู้ต้องหา ถูกดำเนินคดี ที่ปลูกพริก ข่า ตะใคร้ เอาไว้กิน ที่บ้านจริงหรือ คนออกข้อกฏหมาย เป็นลูกคนเมืองนอกหรือไงนะ เคยไปเดินตามบ้านในชนบทรึเปล่า บ้านไหนเขาก็ปลูกกัน แล้วจะปรับทุกบ้านเลยป่าว รัฐคงรวยขึ้นอีกเยอะนะ หรือ มีเอี่ยวกับธุรกิจทางด้านนี้ จะได้ฮุบเอาไว้สัมปทานปลูกเอง ชัดเจนหน่อยสิ หากินทางอื่นไม่ได้แล้วรึ ระวังจะถูกชาวบ้านนอกอย่างพวกเรา ไล่ให้ไปอยู่ประเทศอื่นนะ

เหตุผลอะไร ชัดเจนหน่อย ไม่เช่นนั้น ผมว่าคนบ้านนอกอย่างเราจะไปเที่ยวดูหน้าท่านสักครั้ง แค่บ้านละคนก็คงจะพอ

  • สวัสดีครับ
  • แค่ที่วัตถุอันตรายที่มีอยู่ก็ดูแลกันไม่ไหวแล้ว
  • อิอิ...คนปลูกพริกและสมุนไพรขายคงลำบากแน่ละคราวนี้(ถ้าว่ากันตาม หลัก กม.ที่มีอยู่)

สวัสดีครับท่านเกษตร  กำลังสงสัยอยู่พอดีเลยเรื่องประกาศสมุนไพร 13 ชนิดเป็นวัตถุอันตราย เป็นการบ้านที่ท่านต้องอธิบายความมากหน่อย นะครับ

สวัสดีค่ะ

  • พอดีวันนี้มีเวลาอันน้อยนิด เลยแวะมาขอบคุณที่คุณหนุ่มร้อยเกาะแวะไปฟังเพลงนะค๊ะ
  • ขอให้มีความสุขมากๆ เช่นกันค่ะ
  • ต้องขอโทษจริงๆ ที่ยังไม่มีเวลาอ่านบันทึกนี้อย่างละเอียด
  • เดี๋ยวจะหาเวลากลับมาอ่านใหม่นะค๊ะ
  • ดีใจที่ได้คุยกับคนกระทรวงเดียวกันค่ะ

  • มาอ่านได้ความรู้
  • Happy valentine's day ค่ะ

-ประกาศมาเพื่อ?

-หลักการและเหตุผลที่ต้องทำการประกาศ?

-ประโยนช์ที่คาดว่าจะได้รับ?

-ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น?

-สรุป-

ถ้าเกิดผลเสียมากกว่า-เราเกษตรกรไม่สนับสนุนแน่ถ้าเป็นนักการเมืองเราจะไม่เลือกท่านอีกถ้าดีเราสนับสนุน

ท่านเต็มที่ เรียนถามมาด้วยความไม่รู้จริงๆ เพาะเราอาจตกงานไปเป็นเกษตรกรเต็มตัวในไม่ช้านี้

บทความของท่านให้ความรู้และข้อคิดเห็นที่ดีมากมายค่ะ  เห็นด้วยกับท่านเป็นอย่างยิ่ง

...สงสัยใจคอคนออกประกาศคง(เจตนาดี)อยากให้ชีวิตพวกเราบริสุทธ์ผุดผ่องมังคะ..แต่คงจะยากเพราะเกิดมาก็อยู่กับสมุนไพรที่ว่าอันตรายนั้นแล้วแหละ...ขาดไปคงอกแตกโดยเฉพาะพริกขี้หนู...(พูดแล้วน้ำลายสอ...)

.................

  • แวะมาเป็นกำลังใจให้เกษตรกรไทยค่ะ
  •   พรุ่งนี้  วันวาเลนไทน์  แล้วนะคะ

    ·    มีความสุข  สดชื่น  สมหวังนะคะ

    ·    จะเป็นดอกไม้หรือสิ่งของใด ๆ

    ·    หากเพียงเรามอบให้...เขา   หรือ เขา มอบให้เรา

    ·    ย่อมไม่สำคัญ...

    ·    เท่ากับการมอบหัวใจ...ที่มั่นคง และจริงใจ

    ·    มีความสุขกับความรักนะคะ

       

    แวะมาอ่าน  ...ตำนานดอกกุหลาบ  ด้วยกันนะคะ

    http://gotoknow.org/blog/childendream/241694

    http://gotoknow.org/blog/childendream/241711

    ปีนี้ ... จะได้ดอกกุหลาบสีอะไร...เอ่ย...

    http://gotoknow.org/blog/loveflower/241736?page=

สวัสดีครับ

- ได้เห็นข่าวครั้งแรกก็แปลกใจ และแปลกดีที่มีความคิดแบบนี้ออกมาได้

- แต่ถ้ามองในแง่มุมของผม ประกาศนี้อาจจะมีส่วนมาจาก "ค่าขนม ค่าน้ำชา" (จากผู้ที่จะได้ประโยชน์ถ้าสำเร็จ) มากกว่าเหตุผลอย่างอื่น(ซึ่งมีน้อยกว่า)

- เพราะภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน-อนาคตอันใกล้(ถึงไกล)นี้ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของ "ค่าขนม" เดือดร้อนเป็นอย่างมาก มีหลายองค์กรระดับกลาง-เล็กได้ปิดตัวไปเป็นจำนวนมาก และองค์กรใหญ่ก็ซวนเซไปตามๆ กัน

- หากปล่อยให้พืชสมุนไพรที่ประกาศนี้(ซึ่งล้วนเป็นตัวหลักในการสกัดใช้กับพืช) เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะช่วงนี้ชาวบ้านต้องลดต้นทุน ผู้เป็นเจ้าของ "ค่าขนม" ก็ไปไม่รอด

- และเพราะปกติในวงการเดียวกันก็สกัดกั้นกันเองโดยวิธีนี้อยู่แล้ว องค์กรใหญ่มีเส้นก๋วยจั๊บ เข้าถึงผู้มีอำนาจทางรัฐฯได้ง่ายกว่า ก็จัดการกีดกันทางนโยบาย ข้อบังคับต่างๆ นานา จนทำให้องค์กรเล็กๆ ต้องเล่นนอกระบบ ทำให้เกิดปัญหากับเกษตรกรดังเช่นปัจจุบัน

- แต่ผมคิดว่าความคิด(ที่ประกาศ)นี้คงไปไม่รอด ยังไงก็ต้องยกเลิก....แน่นอนครับ

ขอมอบความรักความปราถนาดี

แปลกใจมากมากกับ13อันตราย...สับสนด้วยตอนที่ดูข่าวจากทีวี..เกิดอะไรขึ้น

กินเค้กดีกว่านะคะ..ฝากมาให้สวัสดีวันแห่งความรักค่ะ

คิดได้ไง พืชต้องห้าม 13 ชนิด

เอาอะไรคิดไม่ทราบ อย่าใช้ไขสันหลังคิดสิ ใช้...คิดซะบ้าง

เขากินกันมาไม่รู้กี่ชาติ หรือว่าคนที่คิดและสนับสนุนไม่ใช้คนไทย

หรือว่าได้รับเงินก้อนโตจากต่างชาติมารึป่าว

ห้ามคนไทยทำยาฆ่าแมลงจากสมุนไพร เพราะยาฆ่าแมลงจากสารเคมีจะไม่ได้ขาย

ฮั้วกันรึป่าว

ห้ามคนไทยปลูกแต่ให้ต่างชาติเร่งปลูก เพื่อทำเม็ดแคปซูลมาขายให้ไทย

แล้วเขาก็คาบไปจดลิขสิทธิ์

มีรัฐบาลไหน...กว่านี้อีกไหม

อย่างนี้คงไม่ได้กินอะไรแล้วเพราะเครื่องไม่ครบ

ไปกินแพดดีกรีเป็นอาหารหลักเลยดีไหม

นึกว่าจะดีกว่า อุตส่าห์เลือก ที่แท้ก็สมอง... ปัญญา.. กว่าเขาอีก

เซง..........................

สวัสดีครับคุณ

พืชสมุนไพรที่กินกันมาตตั้งแต่โคตรเง่าของเรา

หรือโคตรเง่าพวกนักการเมืองมันกินหญ้าคา

นายกฯไปกู้เงินญี่ป่นแล้วมันให้เราฆ่าเกษตรทิ้งเสียให้หมดหรือเปล่า

กลัวไม่ได้เงินกู้หรือไงวะ

ก็ญี่ปุ่นเขาสนใจสมุนไพรไทยจะตายไป

ลงทุนมาอยู่กินในป่าบ้านเราตั้งห้า หกปีเพื่อศึกษาสมุนไพรป่า

แล้วทำไมคนไทยต้องทำกันเองแบบนี้

เราเป็นทาษเงินกู้จริงๆ

ทำป้ายนี้มาฝากค่ะ เหมือนขำๆ แต่เครียดจริง

13 ชนิด อไรจะขนาดนั้น รัฐบาลใหนขายชาติกันแน่ครับ โฮ๋...ตกงานมาจาก กทม.ก็เศร้าพอแล้ว มาปลูกพริกดามหัวใจที่บอบช้ำ ยั๊ง!!!!!....ตามมารังแกอีก

ฆ่ากันให้ตาย แล้ว ครองโลกคนเดียวไปให้แล้วๆไปซะ พวกเลือบสังคม

เรียน ทุกท่านตรงไปตรงมาครับ

1.พ่อค้าขายยาฆ่าแมลงเป็นใครในรัฐบาลนี้ไปดูเอา

2.พ่อค้ายาฆ่าแมลงที่สนับสนุนรัฐบาลนี้ดูเอาเป็นใคร

3.สิ่งที่เขายัดลงในประกาศฉบับนี้คือสารอะไรที่แอบแฝงให้ยกเลิกการควบคุม

4.คุณหนุ่มดูจากข้อ 3 และช่วยเตือนพี่น้องเราอย่าหลงประเด็น

5.สารอะไรที่มีมูลค่า 2500 ล้านบาทที่ถูกนำเข้ามาที่กำลังจะเกิดประโยชน์กับคนบางกลุ่มเมื่อเอามาหลอกอล่อให้เราตายใจต่อต้านการคุมพืชสมุนไพร 13 ชนิด

6.ดูให้ดีๆรัฐบาลนี้กำลังทำอะไรต่างตอบแทนแบบน่าไม่อายเพราะคิดว่ามีเส้นใหญ่ดูแลหรือเปล่า

7.ไม่ว่าเราจะกราบไหว้ใคร..สุดท้ายเราก็ยังซื้อข้าวกินเองเหมือนเดิม..คนบางคนรวยจนกินอีก20 ชาติเงินก็ไม่หมดไม่เห็นมาดูแลพวกเราบ้าง...จะเอาไปไหน...เงิน

สวัสดีครับ คุณ

คิดว่า ทุกคน ต้องหันหน้ามาคุยกันแล้วครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท