เมื่อ อาจารย์แอมป์ อยากแต่งงาน


คิดแล้วอยากไปแต่งงานจริงๆ อิๆๆๆ

เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน

ดิฉันได้ติดตามอ่านบันทึก อาจารย์ สุขุมาล จันทวี (อ.แอมป์)

เป็นบันทึกสี่ตอนจบ

อ่านแล้วประทับใจ คอมเม้นท์ หนึ่งที่ได้รับ จึงขอคัดลอกมาเสนอไว้ในบันทึกตัวเองเนื่องด้วยเพราะ อยากให้ลูกชายสุดที่รักได้อ่าน ถ้าเขาเข้าใจบ้าง เรา..ทั้งพ่อและแม่ เต็มตื้นค่ะ

บทความเรื่องนี้มี 4   ตอนค่ะ

ตอนที่     1    นำเรื่อง                   

ตอนที่     2     วิชาครอบครัวศึกษา                   

ตอนที่     3     วิชารู้เท่าทัน   

ตอนที่      4     วิชาภูมิปัญญาไทย  (จบ)

**********
14. ภูสุภา
เมื่อ อา. 25 ม.ค. 2552 @ 10:49
1091344 [ลบ] [แจ้งลบ]

 คำกล่าวที่ว่า “พ่อแม่  คือ ผู้นำเสนอโลกแก่ลูก” ของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก เป็นถ้อยคำที่ลึกซึ้ง แยบคาย และจับใจมิใช่น้อย

**********        **********        **********

;P เห็นด้วยกับประโยคทอง นี้ค่ะ

หากว่า วิธีที่เรา-พ่อแม่ จะนำเสนอ "โลก" แก่ลูกของเรานั้น...

มันไม่ง่ายเลยนะคะ

อ่านบันทึกนี้แล้วอิ่ม จนไม่ต้องถามอะไรให้มากความ ควรแต่จะต้องไปเรียนรู้ "โลก"ให้ดี

และหาแนวทางนำเสนอ "โลก" ด้วยวิธีที่ดี เหมาะสม...แก่ลูกของเราเอง     ขอบคุณค่ะ

 

***** ***** ***** ****** ***** *****

 

P
16. ดอกไม้ทะเล
เมื่อ พ. 28 ม.ค. 2552 @ 05:26
1097610 [ลบ] [แจ้งลบ]

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็กภูสุภา

วิธีการนำเสนอความรักของผู้เป็นพ่อแม่นี้...อาจต้องมีโรงเรียนสอนทีเดียว

  
"อาจต้องมีโรงเรียนสอน"  แปลว่า อาจต้องมีผู้ถ่ายทอด (หรือหน่วยที่รับผิดชอบถ่ายทอด)

ความรู้ชุดการสื่อสารในครอบครัว  อย่างเป็นระบบครบกระบวน ถี่ถ้วนทุกมิติการสื่อสารของมนุษย์  ทั้งการสื่อสารภายในใจตนเองและการสื่อสารกับบุคคลอื่นในครอบครัว 

คงพอเรียกว่า  "เรียนรู้  Family Communication  เพื่อนำไปสู่ Effective  Family Communication" ได้กระมังคะ

ประสบการณ์เรื่องการสื่อสารในครอบครัวนี้น่าเรียนรู้และน่าศึกษามากเลยค่ะ  ทุกคนมีประสบการณ์นี้  เพียงแต่จะนำมาคิดวิเคราะห์เพื่อปรับแก้ให้ดีขึ้นหรือไม่เท่านั้น

หากโชคดีพอ    คนในครอบครัวคิดวิเคราะห์ร่วมกันด้วยความเข้าใจ  และปรับวิธีสื่อสารเสียใหม่ให้เป็นการสื่อสารที่น่ารัก  และนำเสนอความรักได้อย่างถูกวิธีเหมาะแก่วิถีของครอบครัวนั้นๆ  เราจะได้หน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม  ที่มีความมั่นคงทางจิตใจเพิ่มขึ้นมาอีกหลายหน่วย  และหน่วยเล็กๆเหล่านั้นก็จะเป็นรากฐานของความเข้มแข็งมั่นคงของสังคมต่อไป  เราจะได้สังคมสุขภาวะเป็นของขวัญ  ได้พ่อแม่ลูกที่น่ารักเป็นรางวัล  คิดแล้วอยากไปแต่งงานจริงๆ  อิๆๆๆ

เวลาจะฝึกให้นักศึกษาทำงานอะไรสักอย่างแล้วเธอไม่ได้ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่  พี่แอมป์ชอบล้อเด็กๆด้วยประโยคนี้มากเลยค่ะ 

"..ครูไปแต่งงานดีกว่า..." 

แล้วเด็กก็จะฮากันครืน  เพราะหน้าตาพี่ดูตั้งอกตั้งใจมาก    ว่าพี่หมายฟามเช่นนั้นจริงๆ 

พี่ตั้งใจสื่อความหมายว่า   "ถ้าเราเสียเวลาชีวิตเพื่อทำสิ่งนี้  แล้วมิได้คุณค่าอย่างที่ตั้งใจ ทำแล้วสูญเปล่า  เราจะไปเสียเวลาทำไม  เราไปทำอะไรของเราเอง ให้เราได้รับเอาคุณค่าจากสิ่งที่เราทำอย่างเต็มที่... มิดีกว่าหรือ?"  

 

แล้วพี่ก็ตัดบททันควันว่า   "อย่าตอบครู  จงตอบตัวเอง...   และขอให้โชคดี  เพราะคำตอบแท้ๆจากใจคุณวันนี้ ...จะกำหนดชะตาชีวิตของคุณเอง..และครอบครัว..ในวันหน้า

                                                          ...ถ้า คุณ มี !   ..."

แปลอีกทีว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตมนุษย์สิ่งหนึ่งคือการมีครอบครัวที่ดี  อยู่ในครอบครัวนั้นแล้วอบอุ่นมีความสุข    พี่ถามเด็กๆว่าหากคุณได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แลกกับการสูญเสียครอบครัวที่ดีของเราไป อย่างไม่มีวันเอากลับคืนมาได้  คุณจะยอมไหม?   

 

นึกแล้วกลุ้มใจวิธีสอนของตัวเองเหมือนกันจ๊ะ  เพราะพี่คิดเอาเอง(ด้วยสามัญสำนึกบ้านๆ)ว่าอะไรน่าจะเป็นปัญหาในชีวิตบ้าง  แล้วพี่ก็ยกปัญหาขึ้นมาคุยกับเด็กๆเพื่อวิเคราะห์พินิจพิจารณาร่วมกัน  จากนั้นก็ร่วมหาทางออกแบบทะลุ่มทะลุยตามใจฉัน  แล้วก็ปล่อยให้เด็กๆไปคิดเอง  ไม่เคยมีคำตอบสำเร็จรูปให้เขาสักที  เด็กๆที่เรียนกับพี่จึงประเมินผลการสอนอย่างมั่นใจว่า "...จารย์สอนอะไรก็ไม่รู้..ไม่รู้เรื่อง"..ต่อเนื่องกันมาจนทุกวันนี้     (และพี่ก็ทำใจได้แล้วนะจ๊ะ)  : )  

สุดท้ายนี้  พี่ก็ได้มองเห็นอีกครั้งว่า ความรักของพ่อกับแม่ทำให้ลูกมีหัวใจที่อ่อนโยน ..หากนำเสนออย่างถูกวิธี   จากบันทึกถึงลูกภูของคุณหมอเล็ก  ที่อ่านแล้วก็รู้สึก "อิ่ม"  อย่างยิ่งเช่นกัน 

และทำให้พี่รู้สึกว่า Family Communication  ที่ดี  เริ่มต้นจาก "ความรักและความตั้งใจที่จะเข้าใจกันโดยแท้จริง" เป็นพื้นฐานสำคัญ    

ขอบคุณจริงๆที่หมอเล็กแวะมาร่วมสนทนาเติมเต็ม  

 

สามารถอ้างอิงเรื่อง "ครอบครัวศึกษาฯ"  ให้เห็นหลักฐานจริงเชิงประจักษ์(แก่ตา)ได้ ในบันทึกของคุณหมอเล็กนะคะ  : )   : )

------* ------ *------ *------- *-------- *------- *--------* ------- *-------

**ต้องขอขอบคุณพี่แอมป์เช่นกันค่ะ ที่เข้าใจวัตถุประสงค์ของน้องที่มีบันทึกถึงลูก

และ ขอยืนยันค่ะ ว่าสังคมหน่วยเล็กสุด ครอบครัว ถ้ามีสุข เข้าใจกันและกัน..

บางครั้งเราเป็นครู บางครั้งเขา(ลูก) ก็เป็นเพื่อน(สนิท) เป็นติวเตอร์ เป็นผู้ชี้แนะ เป็นผู้ปลอบโยนใจเรา

ก็มีค่ะ

ขอขอบคุณ อาจารย์สุขุมาล จันทวี (ดอกไม้ทะเล)อีกครั้งค่ะ

**แปลอีกทีว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตมนุษย์สิ่งหนึ่งคือการมีครอบครัวที่ดี  อยู่ในครอบครัวนั้นแล้วอบอุ่นมีความสุข    พี่ถามเด็กๆว่าหากคุณได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แลกกับการสูญเสียครอบครัวที่ดีของเราไป อย่างไม่มีวันเอากลับคืนมาได้  คุณจะยอมไหม?  ** 
หมายเลขบันทึก: 248516เขียนเมื่อ 15 มีนาคม 2009 00:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2013 01:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

เป็นบทความที่มีคุณค่ามาก

การให้ความรักแก่ลูก   แล้วเราจะได้รับความรักกลับมาแน่นอน

หากคุณได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แลกกับการสูญเสียครอบครัวที่ดีของเราไป อย่างไม่มีวันเอากลับคืนมาได้  คุณจะยอมไหม?   

ตอบได้เลยว่าไม่ยอม...

ขอบคุณข้อมมูลดีดีนะคะ

P พี่แก้วคะ ต้องยกเป็นเครดิต พี่แอมป์ อาจารย์ดอกไม้ทะเล สาวริมเล เมืองคนคอน ครูผู้เขียนการสอน เรื่องยาก ๆ ให้เป็นเรื่องขำ ๆ ง่าย ๆ (ไม่ง่ายจริงหรอกค่ะ อ่านแล้วคิดตาม...ยากส์....)

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก : )

ตะกี้พี่แอมป์เช็คอีเมลแล้วเปิดแพลนเน็ตปุ๊บก็ร้องว่า "..แว้ก..ก..ก...  !!! "  ดังลั่น  ลืมมาดกุนสะตีไปสิบกว่าวิ  : )  

คือแบบว่านึกว่าล้อเล่นแต่คุณหมอเล็กเอาจริงอะ
ชื่อบันทึกได้ใจจริงๆ   ;-)

ทุกครั้งที่จะสอนเรื่องครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องความรักระหว่างหญิงและชาย หรืออะไรก็ตามที่คล้ายๆกันนี้ พี่แอมป์จะตั้งต้นเทศน์เอ๊ยพูดกับเด็กๆอย่างตั้งใจทุกครั้งว่า "ครูจะไปแต่งงาน" แม้ว่าพูดทีไรเด็กๆจะฮาครืนทุกที  แต่พี่ก็มิได้ย่อท้อ  ยังคงตั้งหน้าตั้งตาประกาศอุดมการณ์ต่อไปอย่างมุ่งมั่น อันนี้คือพี่ไม่ได้เข้ามาแก้ตัวนะคะ  แต่จะเข้ามารับสมอ้างเอ๊ยจะมาอธิบายขยายความเหตุผลที่พูดไปเช่นนั้นดังต่อไปนี้

๑.พูดเพื่อฝึกวิธีคิดเรื่อง  "ความรับผิดชอบ"

เพราะพี่แอมป์คิดว่าหลักที่จะทำให้คนในครอบครัวยึดโยงกันได้โดยไม่แตกกระจายไปคนละทิศ เมื่อเกิดวิกฤตในชีวิต คือความรับผิดชอบ   การแต่งงานเป็นพิธีกรรม  ที่แสดงกระบวนการเป็นรูปธรรมของการตกลงใจว่าทั้งสองฝ่ายจะรับผิดชอบในกันและกันให้สาธารณะชนรับรู้ 

พี่จึงพูดย้ำคำว่า "ครูจะไปแต่งงาน" ด้วยท่าทีเบิกบานสำราญใจ    เมื่อพูดกับเด็กๆในประเด็นนี้ เพื่อย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง  ต้องประกอบด้วยความรับผิดชอบเป็นหลักสำคัญ  มิใช่มีสัมพันธ์โดยไม่รับผิดชอบ โดยมิสนใจใครผู้ใดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตตนทั้งสิ้น
ทั้งๆที่ทุกสิ่งที่เราลงมือทำในโลกนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  ทั้งกายภาพและจิตภาพ 

และถึงแม้ว่าในรั้วมหาวิทยาลัย  พี่จะเข้าใจปัญหาสังคมชุดนี้ก็แต่ในภาคทฤษฎี    ส่วนเด็กๆจำนวนหนึ่งเธอล้ำหน้าไปสู่ภาคปฏิบัติในฐานะผู้เชี่ยวชาญเสียแล้ว  แต่พี่ก็ยังเชื่อว่าถึงจุดๆหนึ่งมนุษย์ก็จะคิดได้ว่า  (ก.) ตนต้องการอะไรกันแน่  (ข.)  คุณค่าแท้ๆของการครองคู่คืออะไร (ค.) พฤติกรรมที่ตนเลือกทำอยู่นี้ ใช่แบบที่"ควร"จะเป็นหรือไม่

หากเราสื่อสารเรื่องของคุณค่า โดยเฉพาะการรับผิดชอบในคุณค่าของ"ตัวตน"ในบทบาทและในหน้าที่ต่างๆให้เธอฟังบ่อยๆแบบเนียนๆ   เช่นหน้าที่ของ"พ่อ"ที่ดี หน้าที่ของ"แม่" ที่ดี เทียบให้เห็นกับแบบตรงกันข้าม   เธอก็อาจจะฉุกใจคิดและใช้"ชีวิต"แบบสิ้นเปลืองน้อยลง

(คือบางเรื่องพี่ก็จำเป็นต้องฝึกด้วยวิธีคิดแบบคู่ตรงข้าม  เพราะมันเห็นภาพขาวดำตัดกันชัดแจ๋วดี  แต่ก็ยอมรับว่าคงมีผลข้างเคียงติดไปบ้างไม่มากก็น้อย)


๒.ฝึกวิธีคิดเรื่อง "ความซื่อสัตย์" อันเป็นคุณธรรมสำคัญในชีวิตคู่

คุณธรรมในชีวิตคู่  ช่วยให้ชายและหญิงคู่ใดๆก็ตามสามารถนำเสนอโลกที่ดีแก่ลูกได้  เพราะตนเป็นตัวแบบที่ดี   การมีสัมพันธ์ทางกายโดยไม่คำนึงถึงความซื่อสัตย์ทางใจนั้น  ไม่ถือเป็นคุณธรรม  แต่เป็นพฤติกรรมที่ตอบสนองความต้องการทางกายภาพธรรมดา   ผู้ที่ตัดสินใจที่จะครองคู่และได้รับโอกาสที่จะเป็นพ่อแม่คนนั้น  คุณธรรมคือความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญมาก คุณธรรมนี้เองที่จะส่งผลต่อค่านิยมในการดำเนินชีวิตของผู้เป็นลูกด้วย 

นึกย้อนไปสมัยเด็กๆแล้วรู้สึกประทับใจหนังสือหลายเล่ม  อาทิหนังสือนอกเวลาเรื่อง ผู้ดี ของ ดอกไม้สด   สมัยเด็กๆเราอาจอ่านโดยไม่เข้าใจ แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ข้อคิดที่ได้จากเรื่องอาจทำให้ฉุกใจคิด และฝึกคุมกายคุมใจให้อยู่ในที่ในทาง  ชีวิตจะได้ไม่สับสนจน ผู้เป็นลูกก็ได้รับผลอันเป็นมงคลจากพ่อแม่ที่ครองตนอยู่ในธรรมได้

อันนี้พี่ก็ออกจะขำตัวเองอยู่นะคะคุณหมอเล็ก คือแม้ว่าพี่จะยังไม่มีลิขสิทธ์ : )    แต่พี่คิดว่าเราต้องช่วยกันต้องฝึกให้เด็กๆเข้าใจหลักการเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วน  ก่อนที่สภาพปัญหาค่านิยมวัยรุ่นที่ไม่สงวนใดๆ  อ่า..แบบว่า Public Domain จะยิ่งลดทอนคุณค่าของบทบาทต่างๆในครอบครัวไปมากกว่านี้    คือระบบครอบครัวไทย  หากจะให้ลูกมองเห็นและยอมรับได้ว่าบิดามารดาคือพรหมของบุตร   บุคคลทั้งคู่ก็ควรจะเป็นแบบ All Rights Reserved มิใช่แบบ Some Rights Reserved  : ) 

เพราะนี่คือที่มาของคำว่า "กิ๊ก"  และอื่นๆ ซึ่งเป็นค่านิยมความไม่ซื่อสัตย์ที่น่ากลัวเหลือเกิน   ดังนั้นเวลาฝึกเด็กๆ  พี่จะต้องเริ่มที่ความซื่อสัตย์ก่อน  ซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างแต่ก็น่าจะดีกว่าไม่ลงมือทำอะไรเลย .....พี่ปลอบใจตัวเองเช่นนั้นนะคะ...

พี่แอมป์คิดว่าไม่มีผู้ใดในครอบครัวที่จะทำให้ผู้เป็นลูกเจ็บช้ำน้ำใจได้เท่ากับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของผู้ให้กำเนิด  พี่นึกเอาใจช่วยเด็กๆทุกคนที่โชคร้าย ให้ผ่านภาวะวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี  

ครอบครัวที่โชคดี คือครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่เป็นพรหมของบุตร  มีหลักธรรมประจำใจให้ยึดถือในภาวะที่ตนยังเป็นปุถุชน  นับเป็นโชคดีของผู้เป็นลูกอย่างที่สุด  พี่จึงรู้สึกว่าลูกภูโชคดีเหลือเกินที่มีคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นต้นแบบที่ดี และรักห่วงลูกน้อยสุดหัวใจ และพี่เชื่อด้วยว่าลูกภูสัมผัสได้ด้วยหัวใจที่ละเอียดอ่อนนัก  ความรักความอบอุ่นที่คุณพ่อคุณแม่ช่วยกันก่อร่างสร้างรูป ก็จะฝังรูปรอยให้ลูกภูเป็นคนดีมีจิตอันเป็นกุศล  เพราะเห็นตัวแบบที่ดีงามเช่นนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก 

พี่แอมป์เห็นตัวอย่างของครอบครัวที่น่ารักแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอย่างมหาศาล  เพราะครอบครัวที่ดีคือของขวัญที่น่ารักที่สุดที่คนสองคนจะร่วมมือกันสร้างให้แก่โลกใบนี้ได้   เราจะได้สังคมสุขภาวะเป็นของขวัญ  ได้พ่อแม่ลูกที่น่ารักเป็นรางวัล  คิดแล้วอยากไปแต่งงานจริงๆ  อิๆๆๆ

และพวกเพื่อนๆที่ชอบพูดว่าอยากไปๆแบบพี่แอมป์นี่แหละค่ะ ที่ยังนั่งมองหน้ากันตาปริบๆ  ในขณะที่พวกเพื่อนๆที่ไม่กล่าวกระไรมากนั้นบัดนี้มีลูกมีเต้าโตทันใช้กันหมดแล้ว  แต่พวกเราก็ยังคงพูดประโยคนี้ล้อกันเองอย่างสนุกสนานและยังมีความหวังร่วมกันอยู่เสมอ    คือทุกคนคิดว่าเรื่องนี้เป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาว...ว..

แบบว่ายาว..ว..ว..  ไปจนเกษียณเลยอะค่ะคุณหมอเล็ก  อิๆๆๆ    : )   : )   : ) 

นี่หละครับ เสน่ห์ของพี่แอมป์ ที่ผมต้องอ่าน "ข้อความปราณีต" อ่านเเล้วอ่านอีก  :)

วันนี้อยู่ที่ชายทะเลบางแสนครับ...พรุ่งนี้กลับ กทม.จะเข้ามาเขียนยาวๆ นะครับ

คิดถึงพี่สาวทั้งสองนะครับ

P   ตอบน้องเอกก่อนดีกว่า  สั้นกว่า (เม้นท์นะคะ)

มีอะไรที่บางแสนน้า ไปบ่อยจัง

 

น้องเอกและน้องมัท(ดร.พุงโต)  เป็นกามเทพพาพี่ไปพบข้อเขียนอ.แอมป์ค่ะ ต้องขอขอบคุณไว้ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 

เอ  พุงโตเขาระเบิดแล้วยังน้า..จวนเต็มที่แล้ว..

ต้องแวะไป อวยพรก่อน...

อยากแต่งงานด้วยคน แต่หาแฟนไม่ได้ ต้องแวะมาบ่อย ๆ เผื่อจะได้เคล็ดลับค่ะ

P  คุณ กู๊ด angel คะ อยากให้ลองหาพลงหนึ่งมาฟังค่ะ

 

หากันจนเจอ

แต่เราก็หากันจนเจอ

มันนานแค่ไหนที่รอเธอมา

รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า.....

 

...บุ๋ม ๆ ๆ ๆ จำไม่ได้แล้วค่ะ...

 

เพลงหวานมาก ๆ ค่ะ 

ลองหาฟังนะคะ กบ(ทรงสิทธิ์)และกบ(สวนิตย์)ร้องคู่กันค่ะ

ค่ะ

คุณ กู๊ด angel คะ อยากให้ลองหา*เพลง*หนึ่งมาฟังค่ะ

มาแก้คำผิด ค่ะ

 

P 

หากคุณได้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แลกกับการสูญเสียครอบครัวที่ดีของเราไป อย่างไม่มีวันเอากลับคืนมาได้  คุณจะยอมไหม?   

ตอบได้เลยว่าไม่ยอม...

********************

เห็นด้วยอย่างมาก ๆ นะคะ

ยกเว้นเรื่องที่ เป็นสัจธรรม สิ่งจริงแท้  คนทุกคนเมื่อถึงเวลาก็ต้องคืนกลับ ไปพักก่อน หรือ ไปในภพอื่น หรือสลายไป หรือเปลี่ยนสภาพเป็นพลังงานรูปแบบอื่น

เราต้องยอมรับในเรื่องนี้

พี่เคยเขียนคุยกับนักเขียนท่านหนึ่ง ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เริ่มเขียนความนึกคิดของเรา แล้วส่งเป็นจดหมายไปคุยกับคอลัมนิสต์ ซึ่งเราไม่รู้จักเขา เพียงแต่เราแว่บคิดคำนึงข้อคิดขึ้นมาได้ หวังใจว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น ๆ จึงเขียน

ปรากฎว่า ได้ลงจดหมายทั้งฉบับ

เนื้อความคือ เราจะโกรธหรือไม่เข้าใจกับคน โดยเฉพาะคนใกล้ชิด หรือหลัง ๆ พี่อยากใช้คำว่า "คนของความรัก" ไปทำไม

ไม่แน่ว่า วินาทีใดวินาทีหนึ่ง เราจากกันที่หน้าประตูบ้าน เย็นเลิกงาน เราคิดว่าจะพบกัน หาก..

เย็นนั้นเราไม่ได้พบกันเล่า

เราอาจจากพรากกันโดยไม่ทันได้กล่าวลา ไม่มีแม้สัญญาว่าจะพบกัน....

พี่ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่พี่แว่บคิดขึ้นมาในวันที่พี่ และ สามี มีความขัดแย้งกัน

เรื่องมันนานแสนนานมาแล้ว

เมื่อเราขัดใจกันในวันนั้น พี่ไปอยู่เวรฉุกเฉินต่อ

ปรากฎว่ามีอุบัติเหตุค่อนข้างใหญ่ มีผู้เสียชีวิตหลายคน เมื่อเราจัดการงานเรียบร้อย

สิ่งแรกที่พี่ทำ คือ โทรไปปรับความเข้าใจกันและกัน

ตอบซะยาว...น้องแอ๊ด คงเข้าใจ

 

มาอ่านด้วยคนค่ะ เห็นด้วยๆ กับบันทึกนี้ค่ะ
มีดอกกาหลามาฝากค่ะ

P พี่แอมป์คะ คำตอบ คำแสดงความคิดเห็น "อย่างประณีต"ของพี่แอมป์

จุดประกายให้น้องเปิดบล็อกอีกหนึ่งบล็อก ค่ะ

"พูดคุยกับ ครู/กัลยาณมิตรในบล็อก"

ทำนองนี้ค่ะ

 

1.เพราะอยากคุยให้จุใจ
2.ล่อเป้าคนคุยให้มาคุยแบบ..ต่อเนื่องกันไปข้างหนึ่ง
3.คุยขัดแย้งแบบ agree to disagree หรือ disagree โดยสิ้นเชิงก็ได้
4.อื่น ๆ

เชิญพี่แอมป์เป็นเหยื่อ..เอ๊ย..แขกคนแรกเลยค่ะ

ต่อเนื่องจาก..เมื่อครูแอมป์อยากแต่งงาน..นี่แหละค่ะ

 

ได้ร้องกันอีก..แว้กกก...

 

 

3.คุยขัดแย้งแบบ agree to disagree หรือ disagree โดยสิ้นเชิงก็ได้

ประเด็นนี้ เป็นของคุณหมอมัทนา P มัทนา 
  เจ้าค่ะ (เคยพูดคุยกันมาเมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...)

ในฐานะ fan club พี่แอมป์

ขอตามมายืนยันคุณค่าของข้อคิดข้อเขียนของพี่แอมป์อีกคนค่ะ : )

P น้องพุงโต เป็นคนแรก(กามเทพ) ที่พี่ตามรอยไปจน"หากันจนเจอ" กับพี่แอมป์ ค่ะ

พี่แอมป์Pคะ

คำตอบ คำแสดงความคิดเห็น "อย่างประณีต"ของพี่แอมป์ จุดประกายให้น้องเปิดบล็อกอีกหนึ่งบล็อก ค่ะ

"พูดคุยกับ ครู/กัลยาณมิตรในบล็อก" ทำนองนี้ค่ะ

1.เพราะอยากคุยให้จุใจ

2.ล่อเป้าคนคุยให้มาคุยแบบ..ต่อเนื่องกันไปข้างหนึ่ง

3.คุยขัดแย้งแบบ agree to disagree หรือ disagree โดยสิ้นเชิงก็ได้

4.อื่น ๆ เชิญพี่แอมป์เป็นเหยื่อ..เอ๊ย..แขกคนแรกเลยค่ะ ต่อเนื่องจาก..เมื่อครูแอมป์อยากแต่งงาน..นี่แหละค่ะ

 

นึกออกแล้วค่ะ "บล็อกสนทนาวิสาสะ"

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท