เทคนิคการรวมพลังสร้างอนาคต (AIC)


การประชุมระดมความคิด แบบมีส่วนร่วมสูง ( Highly Participative ) ของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายโดยใช้กระบวนการ เทคนิคการรวมพลังสร้างอนาคต ( AIC : Appreciation , Influence , Control ) ผสมผสานร่วมกับ เทคนิคการรวบรวมความคิดเชิงสร้างสรรค์    
( TCT : Total Creative Thinking )

 

 

---------------------------------------------------------

ไพบูลย์     วัฒนศิริธรรม

วิเชียร    ศรีลูกหว้า

มีนาคม  ๒๕๕๒

 

                การที่จะส่งเสริมให้คนมีความร่วมมือกัน รักกัน และ มีการเรียนรู้ร่วมกันได้นั้น ได้มีคนพยายามค้นคว้าวิธีการโดยการพัฒนา และ วิจัยมาแล้วมากกว่า ๕๐ ปี จนกลายเป็นเครื่องมือที่เรียกว่า A – I – C  ( โดย William E. Smith และ Turid Sato แห่งสถาบัน ODII สหรัฐอเมริกา ) ซึ่งได้ผ่านการวิจัย    และทดลองใช้รวมทั้งได้มีการพัฒนาอยู่อย่างสม่ำเสมอ ผู้เขียนเองเป็นผู้หนึ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการทดลอง และนำมาประยุกต์ใช้กับงานพัฒนาแบบมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยได้ปรับประยุกต์กระบวนการ ขั้นตอน ให้เหมาะสมกับสภาพสังคม วัฒนธรรมแบบไทย ๆ อย่างได้ผล

 

                A – I – C  เป็นกระบวนการ และ เทคนิคในการนำคนที่ต้องการทำงานร่วมกันทั้งหมดในระบบใดระบบหนึ่ง หรือ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เข้ามา ประชุมเชิงปฏิบัติการ ( Workshop ) ร่วมกัน ซึ่งมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการนำมาใช้ในการ จัดทำแผนพัฒนาองค์กร ชุมชน และ สังคม เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวจะช่วยก่อให้เกิด พลังแห่งความร่วมมือ ได้อย่างดียิ่ง โดยมีขั้นตอน / กระบวนการดำเนินการตามลำดับ รวม    ขั้น  ดังนี้

 

ขั้นที่ ๑  A : APPRECIATION  ( การสร้างพลังเมตตา )

 

                คือ กระบวนการที่ทำให้ทุกคนให้การยอมรับและชื่นชม ( APPRECIATION ) คนอื่น โดยที่ไม่รู้สึกที่ไม่ดี หรือ แสดงการต่อต้าน หรือ วิพากษ์วิจารณ์

 

                กระบวนการในชั้นนี้ ทุกคนที่เข้าร่วมการประชุมจะมีโอกาสในการแสดงออกได้อย่างทัดเทียมกัน ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้มีโอกาสใช้ทั้ง ข้อเท็จจริง เหตุผล และ ความรู้สึกของตน ตลอดจนการแสดงออกในลักษณะต่าง ๆ ตามที่เป็นจริง เมื่อทุกคนได้แสดงออกโดยได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ จะทำให้ทุกคนมีความรู้สึกที่ดี มีความสุข มีความอบอุ่น และ จะเกิด  พลังร่วม  ขึ้นในระหว่างคนที่มาประชุมร่วมกัน

 

ขั้นที่ ๒  I : INFLUENCE   ( การสร้างพลังปัญญา )

 

                คือ การใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่แต่ละคนมีอยู่ มาช่วยกันกำหนด วิธีการสำคัญ หรือ          ยุทธศาสตร์ ( STRATEGY ) ที่จะทำให้บรรลุ วิสัยทัศน์ร่วม ( SHARED VISION ) หรือ อุดมการณ์ร่วม  ( SHARED  IDEAL ) ของกลุ่มที่มาประชุมร่วมกันได้อย่างดีที่สุด

 

                กระบวนการในชั้นนี้ ทุกคนยังมีโอกาสทัดเทียมกัน ให้เกียรติ ให้โอกาส ซึ่งกันและกัน รับฟังข้อคิดเห็นซึ่งกันและกัน โต้เถียงกันด้วยเหตุและผล ยอมรับกัน จะทำให้เกิด พลังร่วมของสติปัญญา        ที่แต่ละคนมี และ นำออกมาร่วมกันกำหนด วิธีการสำคัญที่จะทำให้บรรลุ วิสัยทัศน์ร่วม หรือ อุดมการณ์ร่วม ซึ่งสมาชิกในกลุ่มจะมี ปฏิสัมพันธ์ ( INFLUENCE หรือ INTERACTION) ซึ่งกันและกันสูงมาก เพื่อให้ได้  วิธีการสำคัญ  ที่กลุ่มเห็นว่าดีที่สุดนั่นเอง

 

ขั้นที่ ๓  C : CONTROL  (  การสร้างพลังพัฒนา )

 

                คือ การนำเอา วิธีการสำคัญ มากำหนดเป็น แผนปฏิบัติการ ( ACTION  PLAN ) อย่างละเอียดว่า จะทำอะไร อย่างไร มีหลักการและเหตุผลอย่างไร ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ใครจะต้องให้ความร่วมมือ จะต้องใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายเท่าไร จะได้จากแหล่งใดบ้าง กลุ่ม / องค์กร / หน่วยงาน ฯลฯ ของตนเอง มีงบประมาณ และ ทรัพยากรอะไรสนับสนุนบ้าง  เหล่านี้เป็นต้น

 

                กระบวนการในชั้นนี้ สมาชิกของกลุ่มแต่ละคนจะตัดสินใจเลือกเองด้วยความสมัครใจว่า     แต่ละคนจะรับอาสาที่จะรับผิดชอบในเรื่องใด หรือ จะให้ความร่วมมือในเรื่องใด หรือ จะเป็นผู้สนับสนุนในเรื่องใด เป็นการกำหนด ข้อผูกพัน ( COMMITMENT ) ให้กับตนเอง เพื่อ ควบคุม ( CONTROL ) ให้เกิดการกระทำอันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย หรือ อุดมการณ์ร่วมกัน ในที่สุด  ซึ่งก็ คือ การก่อเกิด  พลังร่วมของการพัฒนา  นั่นเอง

 

สรุป  A – I – C  คือ กระบวนการรวมพลังสร้างอนาคต เป็นการสร้างพลังร่วมในการทำงานร่วมกันของคนหลายฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและจะเกิดประสิทธิผลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นกระบวนการ ที่ช่วยในการดึงพลังสร้างสรรค์ที่มีอยู่แล้วในกลุ่ม / องค์กร / หน่วยงาน / ตัวบุคคล ฯลฯ ซึ่งต้องการรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันด้วยการยึดหลักของ  ความเมตตา  ซึ่งถือว่าเป็น ธรรมะอย่างสูง  เพราะคนที่จะมี หรือ ให้ความรักความเมตตาคนอื่น ได้นั้น ต้องรับฟังคนอื่นด้วยความอดทน ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกับตน เพราะฉะนั้น  ตัว  A ( เอ ) จะทำให้เกิดพลังแห่งความดี  ถ้าใครมีมาก หรือฝึกได้ถึงขั้นจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่บรรลุ  การพัฒนาทางจิตวิญญาณ  ( SPIRITUAL DEVELOPMENT ) และคน ๆ นั้นจะมีความสุขมาก ซึ่งเมื่อคนที่เข้ามาร่วมกันทำกิจกรรมโดยมีความรักความเมตตาต่อกันแล้ว ก็จะเกิดการเรียนรู้ร่วมกันจากการทำงานด้วยกัน ซึ่งก็ คือ ตัว I ( ไอ ) จะทำให้เกิดพลังร่วมของสติปัญญา เพราะเกิดการเรียนรู้ร่วมกันจากการปฏิบัติอย่างแท้จริง ( INTERACTIVE LEARNING THROUGH ACTION ) ซึ่งกระบวนการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนได้นั้น ต้องการการเรียนรู้ร่วมกันของคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย  ซึ่งจะทำให้ทุกคนตระหนักในความรับผิดชอบ และ ควบคุมตนเอง   ซึ่งก็ คือ ตัว C ( ซี ) ไปสู่การกระทำที่เป็นความต้องการร่วมกัน นั่นเอง

 

อาจสรุปได้ว่าเทคนิค   AIC จะช่วยก่อให้เกิด  พลังของความร่วมมือ  แบบไทย ๆ ว่า............

 

                A  คือ   รู้  รัก  สามัคคี        I   คือ   ร่วมกันคิด        C  คือ  ร่วมกันทำ

 

การรวมความคิดเชิงสร้างสรรค์ ( TCT : Total Creative Thinking ) เป็นเทคนิคอีกรูปแบบหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ในการจัดประชุมระดมความคิด เพื่อการพัฒนาองค์กร โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมประชุมใช้ ความคิดเชิงบวก  มากกว่า  ความคิดเชิงลบ  กล่าวคือ

 

·       ความคิดเชิงบวก ( positive thinking ) คือ การมองอะไรในทัศนะของความเป็นไปได้ เป็นการคิดเพื่อมองหาช่องทางของความสำเร็จ  และ มีความเชื่อว่าทุกอย่างทำสำเร็จได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือ ไม่ช้าก็เร็ว

·       ความคิดเชิงลบ ( negative thinking ) คือ การมองอะไรในทัศนะของความเป็นไปไม่ได้ เป็นการคิดแบบปิดกั้นความคิดตัวเอง ไม่พยายามมองหาช่องทางของความสำเร็จ และ มักจะมีความเชื่อว่าทำไปก็ไม่สำเร็จ หรือ ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร นอกจากนี้ ยังพยายามฉุดรั้งความคิดของคนอื่นอีกต่างหาก ( คุณเคยพูด หรือ เคยได้ยินคำพูดอย่างนี้บ้างไหม เช่น เรื่องนี้ไม่มีทางทำได้สำเร็จหรอก “อย่าไปเสียเวลาคิดเลย  คนมีอำนาจเขาคงไม่เห็นด้วย”  ถ้าเคยพูด หรือ เคยได้ยินมาบ้าง ก็ให้รับรู้ไว้ด้วยว่า ตัวคุณ หรือ คนที่พูด นั้น เป็นคนประเภทนี้แหละ )

 

ขั้นตอนและกระบวนการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการโดยผสมผสานเทคนิค AIC + TCT

 

ขั้นที่ ๑   ตัวเอง ( SELF )

 

Ø ผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคน คิดคนเดียวตามลำพัง โดยการนำสิ่งที่ตนเองรับรู้หรือ ประสบการณ์ตรงของตนเองที่ได้มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องผสมกับความคิดของตนเองที่มีอยู่ โดยการจดบันทึกไว้ในกระดาษสำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่น

 

ขั้นที่ ๒  คนอื่น ( OTHERS )

 

Ø นำข้อสรุปความคิดเห็นของตนเอง ( แต่ละคน) มาเสนอ และ แลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ ในกลุ่มย่อย โดยทุกคนที่เสนอ หรือ แสดงความคิดเห็นอยู่บนพื้นฐานของ หลักการ  Appreciation คือ การนำ พลังเมตตา ที่มีอยู่ในตัวเองออกมาใช้ โดยการชื่นชมยินดีต่อความคิดเห็นของเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม รับรู้ด้วยความเข้าใจ เห็นใจ และ มองเห็นคุณค่าต่อสิ่งที่แต่ละคนนำเสนอ

Ø รวบรวมความคิดเห็นของแต่ละคนเป็น ความคิดเห็นรวบยอดของกลุ่ม โดยการรวมประเด็นที่เหมือนๆ กันเข้าด้วยกัน และ แยกแยะประเด็นที่แตกต่างกันออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ หาข้อ สรุปร่วมกันเป็นประเด็นใหม่ ที่สมาชิกในกลุ่มมีความพอใจและเห็นชอบร่วมกัน โดยสมาชิกทุกคนร่วมกันเสนอหรือแสดงความคิดเห็นอยู่บนพื้นฐานของ หลักการ Influence คือ การนำ พลังปัญญา ที่มีอยู่ในตัวเองออกมาใช้ เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดกันแบบมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งผลกระทบเชิงบวกและช่วยกันหล่อหลอมความคิดของทุกคนเข้าด้วยกันให้เป็นความคิดและข้อสรุปของกลุ่มโดยไม่มีการขัดแย้ง

 

ขั้นที่ ๓  องค์รวม  ( THE  WHOLE )

 

Ø นำข้อสรุปของกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มตามขั้นตอนที่ ๒ มาเสนอในที่ประชุมกลุ่มใหญ่ (รวมทุกกลุ่ม)

Ø สมาชิกในที่ประชุมกลุ่มใหญ่ ร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำความเข้าใจ เสนอแนะเพิ่มเติมความสมบูรณ์ โดยสมาชิกทุกคนยังคงร่วมกันเสนอ หรือ แสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานของ  หลักการ  A  และ  I

Ø สรุปรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็น ความคิดรวบยอดองค์รวม ของที่ประชุม
โดยสมาชิกทุกคนตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของ หลักการ
TCT คือ การรวบรวมความคิดเชิงสร้างสรรค์ ดังนั้น ข้อเสนอหรือความคิดใดๆที่เป็น เชิงลบ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้น ในที่ประชุม ผู้เสนอจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ  หรือ ไม่ควรนำเสนอ

Ø เมื่อได้ความคิดรวบยอดองค์รวม ที่ตกผลึก ตามความต้องการร่วมกันแล้ว จึงนำมากำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ หรือ แผนกลยุทธ์ เพื่อดำเนินการให้บรรลุผลตามเป้าหมาย และ ความต้องการร่วมกัน โดยสมาชิกทุกคนแสดงตนในการเข้าร่วมบนพื้นฐานของ หลักการ Control  คือ การนำพลังพัฒนามาควบคุมตนเองสู่การ<

หมายเลขบันทึก: 260442เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2009 13:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 00:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
วิเชียร ศรีลูกหว้า

บรรทัดสุดท้ายขาดความสมบูรณ์ ต้องต่อตรงเครื่องหมาย< กระทำ ( ควบคุมตนเองสู่การกระทำ )

วิเชียร ศรีลูกหว้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท