ลอยกระทงปีนี้ องค์การนิสิต คิดเนื้องานอย่างใหญ่โต และปีนี้ผมพร้อมทีมงานก็เปิดเวทีแห่งความคิดให้กับพวกเขาได้รังสรรค์งานอย่างที่ใจต้องการ ซึ่งผมก็เชื่อว่าการคิดรูปแบบนั้นไม่น่าห่วง แต่ผมจะห่วงการจัดการเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ เสียมากกว่า
ปีนี้, องค์การนิสิตกำหนดให้ทุกสโมสรนิสิตคณะจัดขบวนกระทงสะท้อนความเป็นวิถีวัฒนธรรมของจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน โดยให้มีการนำวัฒนธรรมของจังหวัดต่าง ๆ มาประยุกต์ไว้ในขบวนแห่ วิธีคิดเช่นนี้จึงดูแปลกและแตกต่างไปจากทุกปี แทนที่จะได้รับรู้แต่เฉพาะความเป็น “มหาสารคาม” แต่บัดนี้ก็จะได้เห็นภาพวัฒนธรรมของความเป็น “อีสาน” ในจังหวัดต่าง ๆ อย่างครบครัน
ขณะที่ผมก็แนะนำ (แกมบังคับ) ให้นิสิตดำเนินการถ่ายทอดเสียงผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยฯ เป็นระยะ ๆ ....
สิ่งที่ผมพานพบเจอในรูปขบวนต่าง ๆ มีความเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดในผืนแผ่นดินที่ราบสูงอย่างชัดเจน สะท้อน "ฮีตสิบสองคองสิบสี่" อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นบุญผเวสของจังหวัดร้อยเอ็ด , ผีตาโขน จังหวัดเลย พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม นักรบหญิงจากเมืองย่าโม รำภูไทจากกาฬสินธุ์ – มุกดาหาร บั้งไฟเมืองยโสธร ฯลฯ.... รวมถึงวิถีวัฒนธรรมการแต่งกาย การกิน และอื่น ๆ อีกจิปาถะ
แต่สิ่งหนึ่งที่เกือบทุกขบวนยึดปฏิบัติเหมือนกันอย่างเด่นชัดก็คือ ... ขบวนเทิดพระเกียรติ “ในหลวง” ซึ่งแต่ละขบวนก็สื่อสารถึงความจงรักภักดีอย่างหลากล้น
ตลอดระยะทางของการเคลื่อนขบวน ผู้คนจำนวนมากทั้งนิสิตและชาวบ้านต่างสัญจรออกมาเกาะกลุ่มเฝ้าดูอย่างล้นหลาม ขบวนแต่ละขบวนใช้ความอดทนอย่างมหาศาลในการเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านเพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัย ระยะทางร่วม 4 กิโลเมตร กอปรกับแดดหนาวในยามบ่ายล้วนเป็นอุปสรรคที่พ่ายพับไปกับวิถีแห่งใจอย่างแทบไม่น่าเชื่อ ....
ผมเชื่ออย่างเหลือเกินว่านาฏกรรมที่เคลื่อนไปตามท้องถนนนั้น เต็มไปด้วย “วิถีชีวิตที่มีชีวิต” การจำลองภาพวัฒนธรรมของแต่ละจังหวัด คือหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ที่ก่อเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลทั้งต่อผู้คิดและผู้ชม เพราะหากไม่มีการศึกษาและค้นคว้าเรื่องวัฒนธรรมของจังหวัดต่าง ๆ ก็ย่อมไม่สามารถสื่อสารออกมาได้
พระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้าเบื้องทิศตะวันตก ... ขบวนกระทง 20 ขบวนทยอยเคลื่อนเข้าสู่มหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง สองฟากถนนในมหาวิทยาลัยเนืองแน่นไปด้วยผู้ชม ลมหนาวบีบตัวแทรกผ่านฝูงชนเข้าสู่บริเวณงานอย่างอหังการ์ ร้านรวงอันเป็นซุ้มขนาดเล็กของชมรมต่าง ๆ เริ่มเปิดตัวขึ้นอย่างคึกคัก ราวกับ “งานวัด” ได้กลับมามีชีวิตชีวาอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ผมสารภาพเลยว่าผมรู้ตัวดีว่ากำลังไม่สบาย ... อาการเหล่านี้ส่งสัญญาณมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งผมได้แต่ข่มใจและพูดย้ำกระตุ้นตนเองอยู่ตลอดเวลาว่า ผมต้องผ่านพ้นห้วงแห่งชะตากรรมแห่งค่ำคืนนี้ไปกับเด็ก ๆ ให้จงได้
ผมรู้สึกตัวดีว่าวิตกจริตไม่น้อยกับงานนี้, วิตกเพราะรู้ดีว่านิสิตได้สร้าง “เนื้องาน” ใหญ่จนน่าใจหาย กำลังคนอันน้อยนิดของนิสิตอาจไม่ทั่วถึงต่อภาระอันใหญ่โตและหนักหน่วง กอรปกับการมาเยือนของกลุ่มคนจากหมู่บ้านต่าง ๆ ก็พลอยทำให้ผมหวั่นวิตกต่อความสงบเรียบร้อยที่อาจจะมีขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หากแต่ในมุมหนึ่งแห่งความรู้สึกอันแท้จริงของผมก็รู้สึกภาคภูมิใจอยู่อย่างล้นใจว่า ลอยกระทงปีนี้ได้เกิดปรากฏการณ์แห่งการสร้างงานในเชิงวัฒนธรรมอย่างมีตัวตน และนั่นก็คือ ศักยภาพของนิสิตที่ควรค่าต่อการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง !
ผมตั้งคำถามมากมายต่อกระบวนการแห่งการทำงานของพวกเขา แต่ที่สุดแล้วก็ปล่อยให้เขาได้ลงมือทำในสิ่งที่เขาเชื่อและศรัทธา หลายอย่างไม่เป็นไปตามอย่างที่วางไว้ แต่หลายอย่างก็ประสบความสำเร็จเกินที่วางไว้เช่นกัน ซึ่งนั่นคือบทสรุปที่อยากจะบอกกับพวกเขาว่า ในโลกนี้ย่อมมีทั้งสิ่งที่เรา “ทำได้และทำไม่ได้” ขึ้นอยู่กับว่า เราจะจริงใจต่อการลงมือทำสิ่งนั้นมาก – น้อย แค่ไหนเท่านั้นเอง
ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ของค่ำคืนนั้นอยู่กับกระบวนงานของนิสิต จากนั้นก็ออกเดินตรวจตราความเรียบร้อยในบริเวณงานอย่างต่อเนื่อง ผมลืมแม้กระทั่งว่า ค่ำคืนนี้มี “คนของความรัก” อีก 3 ชีวิตรอที่จะลอยกระทงกับผม และผมก็ไม่รู้เลยว่าพวกเขาหอบหิ้วกันกลับมาที่พักตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนผมเองคลานกลับมายังห้องหับแห่งความรักก็ล่วงเข้าเกือบตี 2 .....
ผมไม่สามารถตื่นเช้าได้ตามปกติ และนั่นคือสภาพที่ร่างกายได้ยอมจำนนต่อความป่วยไข้ ...
บ่ายคล้อยของวันนี้ผมลุกขึ้นมาทานยาและนั่งขบคิดถึงนาฏกรรมแห่งการลอยกระทงในค่ำคืนที่ผ่านมา ผมมองเห็นตัวเองเคร่งขรึมจนน่ากลัว... เป็นความเคร่งขรึมที่ดูเคร่งเครียด และนั่นเป็นผลพวงของการทำงานในสภาพที่ร่างกายไม่พร้อมที่จะสู้งาน
ผมหลับตาอีกครั้ง เอนกายอันโทรมทรุดลงบนฟูกอันคุ้นเคย เพ่งมองกล่องยาที่อยู่ใกล้ ๆ แต่หัวใจของผมกลับร้องเตือนให้กล่าวปฏิเสธกล่องยานั้นอย่างสิ้นเชิง...
ผมยิ้มเมื่อเห็นภาพที่ประสบความสำเร็จของการงาน แต่ก็รู้สึกหม่นเศร้าอยู่บ้างเมื่อภาพของเนื้องานที่ไม่ประสบความสำเร็จสัญจรผ่านมายิ้มเยาะอย่างน่าชัง !
“ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไร .... เรายังต้องมีวันใหม่สำหรับชีวิตที่ดีกว่าเดิมเสมอ” ผมเรียนรู้ที่จะปลอบประโลมตัวเองอีกครั้ง !
ลอยกระทง คงไม่ใช่วัฒนธรรมที่ชาวต่างชาติชื่นชมจนสามารถร้องเพลงวันลอยกระทงได้ราวกับนกแก้วนกขุนทอง แต่สำหรับคนไทย, เราคงต้องร้องเพลงวันลอยกระทงอย่างมีชีวิต ...ร้องในแบบฉบับที่มันฝังรากลึกอยู่ในวิญญาณ มิใช่ร้องในสไตล์ท่องจำราวกับเป็นแฟชั่น !
อาจารย์ค่ะ
ทุกภาพ ทำให้คิดถึงช่วงที่เรียนได้ทำกิจกรรมประเพณีต่าง ๆ และปัจจุบันเด็ก ๆ กล้าแสดงออกและมีความสามารถหลากหลาย ทั้งอาจารย์เองก็สร้างโอกาศดี ๆ ให้กับเขาด้วย ขอบคุณนะค่ะที่นำมาให้ทุกคนได้ชม
ดิฉันคอยชื่นชมนิสิต มมส มาตลอดว่า
มีความคิดสร้างสรรค์ดี
มาชมงานลอยกระทงด้วยค่ะ
สวยงาม น่าประทับใจ
อย่าลืมดูแลสุขภาพนะคะ อากาศเปลี่ยนถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ไข้หวัดจะตามมาค่ะ
สวัสดีค่ะน้องชาย
ตามมาชื่นชมครับ
นี่ถ้าลูกสาวเพิ่งจะจบ ม.๖ ก็จะให้เลือก มมส.แน่นอน
ขอให้หายไวๆนะครับ
**มารายตัวอีกครั้ง**
สวัสดีครับ..
สวัสดีครับ..
สายลม....
ถึงลอยคนเดียว...พี่ก็เชื่อว่า วิถีแห่งใจเธอไม่เคยเดียวดาย
แมน บ่ บักหล่า !
สวัสดีครับ...
พี่หมูครับ...
งานนี้ถือเป็นการแสดงศักยภาพของนิสิตโดยแท้
ส่วนหนึ่งเป็นการแสดงแสง สี เสียงเทิดพระเกียรติด้วยนะครับ แต่เอาไว้แล้วผมจะเขียนเล่าในบันทึกต่อไปก้แล้วกัน
....
รักษาสุขภาพ ครับ -
สวัสดีครับ อ.แป๋ว..
สวัสดีครับ...
สวัสดีครับ อ.แผ่นดิน
สวัสดีครับ...ครูอ้อย
สวัสดีครับน้อง แผ่นดิน
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
มาให้กำลังใจค่ะ ขอให้สุขภาพดีพร้อมสู้งานต่อไปนะคะ
งานนี้ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากในภาพดูแล้วน่าชื่นชมจริงๆ อย่าให้วัฒนธรรมอย่างนี้ของเราจางหายไปนะคะ
มีบันทึกของคุณ umi เล่าว่า ไปชมงานลอยกระทงปีนี้....ผมเองตั้งใจจะไปชมโนราแต่มีดนตรีแทน
วัฒนธรรมดีๆ ต้องช่วยกันรักษาไว้ค่ะ
สวัสดีครับ...
สวัสดีครับ...
เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับที่ลูกสาวจะมาเรียนที่นี่... ไม่ว่าสถาบันการศึกษาใด ผมก็เชื่อเหลือเกินว่า ไม่เกินแรงแห่งการเรียนรู้ของคนหนุ่มสาวไปได้...
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ...
ตอนนี้สารคาม อากาศเย็นมากครับ... ขณะที่ชาวนาก็ลงทุ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างไม่สะทกสะท้านต่ออากาศอันหนาวเหน็บ..
ลอยกระทงภายใต้ผืนฟ้าและพระจันทร์ดวงเดียวกัน
ผมชอบคำเหล่านี้มากครับ... ฟังแล้วโรแมนติคดี ..
สวัสดีครับ คุณแหวว...
ทุกครั้งที่นิสิตทำกิจกรรม ผมจะมองในมุมที่ว่า นิสิตกำลังเรียนรู้อะไรสักอย่าง ยิ่งในวิถีวัฒนธรรมนั้น ผมเองก็จะประเมินนิสิตว่า ปัจจุบันนี้ คนรุ่นใหม่อย่างพวกเขามีองค์ความรู้ในเรื่องเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ผลงานที่สะท้อนออกมาอาจมีทั้งที่เกิดจาการศึกษาค้นคว้า แต่บางส่วนผมก็เชื่อเหลือเกินว่าเป็นความรู้ที่เกิดจาการสั่งสมมาจากบริบทของการใช้ชีวิตด้วยตนเอง
ลอยกระทง ... ก็เป็นในประเด็นเดียวกันนั้น นิสิตจึงต้องนำความรู้ที่ฝังรากในเชิงวัฒนธรรมในตนเองออกมาประยุกต์ บูรณาการกับสิ่งที่ศึกษา เพื่อให้จัดรูปขบวน หรือแม้แต่กิจกรรมอื่น ๆ ได้อย่างสมจริงที่สุด
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
งานครั้งนี้ทำเอาผมและทีมงานเหนื่อยทั้งกายและความคิดอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะนิสิตเชิญ "พ่อเมือง" มาเป็นประธานเปิดงาน รวมถึงการเชิญคณะกรรมการมาจากส่วนราชการภายนอก ทั้งที่มหาสารคามและต่างจังหวัด
บุคคลเหล่านี้ จึงทำให้เราต้องเข้มงวดกับกระบวนการดูแล ต้อนรับบุคคลเหล่านั้น แต่ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่นิสิตก็ได้พิสูจน์ซึ่งทักษะและความพร้อมของการจัดการดูแลคนเหมือนกัน
ขอบคุณครับ -
สวัสดีครับ...ธ วั ช ชั ย
ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับสำหรับการนำภาพ หรือแม้แต่ข้อมูลใด ๆ ในบันทึกของผมไปใช้ประโยชน์ทั้งโดยส่วนตัว หรือภารกิจหน้าที่
เป็นเกียรติครับ และถือว่า ทุกอย่างในบันทึกเป็นสมบัติสาธารณะ ครับ ..
พี่สมนึก ครับ ...
สวัสดีครับ พี่ศศินันท์
ในทุกครั้งที่เห็นนิสิตขับเคลื่อนกิจกรรมในด้านศิลปวัฒนธรรมนั้น ผมจะมีความสุขร่วมในมิติกิจกรรมนั้นอย่างมาก มองเห็นแววตาของนิสิตฉายประกายอันภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ก็พลอยชื่นใจไปด้วย
ขอบคุณครับ....