เลียบเลาะตู้หนังสือนายแผ่นดิน (๒) : ม้าก้านกล้วย ..


พ่อส่งเงินจำนวนไม่มากนักให้ประทังชีวิต พร้อม ๆ กับถ้อยคำที่บอกกล่าวในทำนองว่า ให้ใช้อย่างประหยัด ที่บ้านเดือดร้อน และไม่รู้ว่าปีนี้จะมีฝนให้ดำนา หรือไม่ ?

ทิ้งช่วงไปนานเลยสำหรับบันทึกที่ว่าด้วยการเลียบเลาะตู้หนังสือนายแผ่นดิน ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่า จะเขียนให้ต่อเนื่องที่สุด อย่างน้อยก็สัปดาห์ละเล่ม แต่ด้วยภารกิจที่ชูธงรบเข้ามาแบบไร้สาระทิศ ก็พลอยให้ชีวิตกระโจนออกไปร่ำรบอย่างไร้รูปแบบ และเวลา จนในที่สุดก็ไม่อาจทำในสิ่งที่ปรารถนาได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นธรรมดากระมังครับ เพราะความเป็นจริง เราต่างก็เคยได้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ และเคยไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำมาแล้วด้วยกันทั้งนั้น

วันนี้เลยกัดฟันเข็นหนังสือเล่มที่สองออกมาอีกครั้ง เป็นหนังสือที่ผมชอบและรักมากที่สุดอีกเล่มหนึ่งเลยก็ว่าได้ นั่นคือ ม้าก้านกล้วย ของคุณไพวรินทร์ ขาวงาม (นักเขียนซีไรต์ ๒๕๓๘)

ม้าก้านกล้วย เป็นหนังสือรวมบทกวีที่พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๓๘ และเล่มที่ผมถือครองอยู่นี้ก็เป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรก ราคา ๖๐ บาท โดยแพรวสำนักพิมพ์ ซึ่งในปีเดียวกันนี้ หนังสือเล่มดังกล่าว ก็ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์ : S.E.A. WRITE AWARD)


โดยส่วนตัว ผมชื่นชอบคุณไพวรินทร์ ขาวงามมาก ทั้งโดยงานและการดำเนินชีวิต จนถึงขั้นตัดสินใจไปฝึกงานกับพี่ไพวรินทร์ที่กรุงเทพฯ ซึ่งครั้งนั้นนักเขียนท่านนี้ ดำรงตำแหน่งเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ชีวิตต้องสู้

ผมชอบอ่านบทกวี หรืองานเขียนของคุณไพวรินทร์ ขาวงาม เพราะอ่านเข้าใจง่าย ภาษาสวย และได้มุมคิดที่งดงามเสมอ ยิ่งบทกวีที่เกี่ยวกับความเป็นพื้นถิ่นอีสาน หรือคนอีสานแล้วยิ่งต้องยอมรับว่า งานนั้น ๆ แจ่มชัด มีชีวิต และมีพลังอย่างมหัศจรรย์

ยิ่งในหนังสือกวีนิพนธ์เล่มนี้ มีเรื่องราวจำนวนมากมิใช่น้อยที่บันทึกเรื่องราวอันปรากฏการณ์ของคนอีสาน ทั้งที่ดิ้นรนอยู่ในชนบท และโลดเต้นเลี้ยงชีวิตอยู่ตามเมืองใหญ่ ผมยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกราวกับว่ากำลังอ่านชีวิตตัวเอง อ่านเรื่องราวของพี่น้องคนอีสาน อ่านเรื่องราวของญาติ ๆ ทั้งที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย

อันที่จริง “ม้าก้านกล้วย” มีเนื้อหาหลากหลาย ไม่เฉพาะแต่การสะท้อนภาพชีวิตพื้นถิ่นอีสานเท่านั้น แต่ในบันทึกนี้ ขออนุญาตนำมากล่าวโยงไว้เฉพาะบทกวีที่ผมชื่นชอบ - บทกวีที่ผมอ่านแล้วทำให้ตัวเองไม่ลืม “รากเหง้า” ของตนเอง, อ่านแล้วมีพลัง มีความหวังในการดำเนินชีวิต

...........

หนังสือเล่มนี้ ผมซื้อที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๓๘ ซื้อแถว ๆ ห้างเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในย่านสุขาภิบาล ๓ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชีวิตผมกำลังรอนแรมเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน อันเป็นโลกใบใหม่ที่ผมต้องปรับตัวขนานใหญ่ เงินติดถุงก็แทบไม่มี พ่อส่งเงินจำนวนไม่มากนักให้ประทังชีวิต พร้อม ๆ กับถ้อยคำที่บอกกล่าวในทำนองว่า ให้ใช้อย่างประหยัด ที่บ้านเดือดร้อน และไม่รู้ว่าปีนี้จะมีฝนให้ดำนา หรือไม่ ?

ท่ามกลางความแปลกเปลี่ยวของชีวิต ผมก็ได้หนังสือเล่มนี้แหละที่เยียวยาความเปลี่ยวเหงา และเติมเต็มพลังให้กับชีวิต ประหนึ่งการสื่อสัมผัสให้ผมรู้สึกราวกับว่า ท้องทุ่งและบ้านเกิดอยู่ไม่ใกล้และไม่ไกลจากตัวผม . และเฝ้ามองผมอย่างเข้าใจ

ทุกคราวครั้งที่ทุกข์ท้อ หรือหวาดหวั่นกับชีวิต คำนำ (เสมือนคำนำ) ในหนังสือเล่มนี้กลายมาเป็นพลังชีวิตอย่างแทบไม่น่าเชื่อ นั่นคือ .......

นกกระดาษ

อีกเรื่องราว ของชาวนา บนนากระดาษ

เปลี่ยวไถแปร ไถคราด กระดาษเปล่า

เพาะกล้าใจ ฤดูฝัน ค่ำยันเช้า

ปลูกข้าวรอ เขา-เรา เกี่ยวข้าวรัก

หรือแม้แต่บทกวีที่มีชื่อว่า ม้าก้านกล้วย 2 ก็เป็นอีกบทที่ปลุกปลอบให้ผมสู้ชีวิต และรู้ตนเองเสมอว่า สักวันหนึ่งผมจะกลับบ้าน และที่บ้านก็มีคำปลอบประโลมอันอบอุ่นรออยู่ -

กลับบ้านกันเถิดเพื่อนรัก
ย้อนเยี่ยมอาณาจักรความหลัง

ชักม้าชวนม้าออกกำลัง

บ่ายหน้าบ่ายหวังออกจากเมือง

เมืองนี้อยู่นานแล้วเหน็ดเหนื่อย

เหน็บหนาวหนืดเนือยจนหน้าเหลือง

ควบม้าเพื่อนยากย่างเยื้อง

ผ่านทุ่งมุ่งเบื้องบูรพา

...

กราบพ่อขอโทษที่ลูกแพ้

กราบแม่ขอพรรำพึงแผ่ว

พ่อยิ้มแม่แย้มอยู่นั่นแล้ว

ปลอบว่า – ลูกแก้วอย่ากังวล

กินข้าวกินปลาเสียก่อนเถิด

แนบกายบ้านเกิดอีกสักหน

หายเหนื่อยพรุ่งนี้ไม่จำนน

อีกครั้งเริ่มต้นจะเป็นไร

....

ไม่เพียงแค่นั้น บทกวีที่มีชื่อว่า เจ้าสาวใบตอง ยังเป็นสุ่มเสียงหนึ่งที่ผมหลงรักเป็นพิเศษ มันไม่ใช่แค่วิถีของคนอีสาน หากแต่เป็นวิถีของคนไทยที่ง่ายงาม และมีค่า ดังว่า

เธอเจ้าสาวใบตองในร่องสวน

เคยขอนวลมาพอห่อข้าวขาว

จะออกทุ่งออกทางทุกครั้งคราว

ต้องห่อข้าวห่อของแล้วท่องไป

ถึงยาวหิวแกะห่อก็ข้าวหอม

ถึงกลางแดดแผดดอมก็หอมได้

ละคำเคยอิ่มหอมถึงหัวใจ
หอมแต่น้อยคุ้มใหญ่หอมไม่จาง

...

โอ้เจ้าสาวใบตองในร่องสวน

ยุคฉะนี้เขียวนวลคงด่วนหมอง

ยินแต่เสียงเพลงพลาสติกระริกร้อง

หรือสิ้นเพลงใบตองเสียแล้วเอย.

และอีกบทที่ผมชื่นชอบและศรัทธาต่อถ้อยคำและแนวคิดเป็นอย่างมาก นั่นคือ ไหมแท้ที่แม่ทอ ซึ่งบทกวีนี้ ผมเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าไม่ใช่คนอีสาน เลือดอีสาน ก็คงเขียนได้ไม่ถึงแก่น ราวกับการเขียนด้วยชีวิต เขียนด้วยวิญญาณที่ควรค่าต่อการน้อมเคารพเป็นที่สุด เป็นต้นว่า

แม่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตั้งใจนัก

เรี่ยวแรงรักแม่ใช้เพื่อใฝ่ฝัน

อีกสาวไหมด้วยมือซื่อสัตย์นั้น

ทั้งทอมันละเมียดละไมใช้เวลา

สื่อวิญญาณผ่านมือสู่เส้นไหม

ถักเส้นใยแต่ละเส้นเป็นเนื้อผ้า

ตีนที่ใช้กระตุกกี่คือชีวา

มือที่คว้ากระสวยวาดคือชีวิต

ผ้าขาวม้าผืนใหม่แม่ให้ลูก

รักพันผูกทุกใยไหมวิจิตร

ใยไหมโยงใจแม่เนรมิต

ไหมอุทิศ แม่ก็ทอ ต่อตำนาน

ลูกก็ถือผ้าทอที่แม่ให้

เป็นเยื่อใยไหมและแม่ที่กล้าหาญ

ผ้าทั้งผืนมีชีวิตจิตวิญญาณ

ถักประสานสอดสร้างอย่างแยบยล

มือน้อยน้อยของแม่ดูแค่นี้
เคยเฆี่ยนตีลูกบ้างในบางหน

แต่มือเดียวกันนี้แหละสู้ทน

ประคองลูกให้พ้นภยันตราย

....

พร้อมทั้งสอนลูกสาวเจ้าศรีเรือน

อยู่เป็นเพื่อนแม่ทอปรารถนา

เพื่อสืบทอดแรงงานกาลเวลา

ก่อนมือแม่จะอ่อนล้าต้องลาพัก

และสอนเจ้าลูกชายให้ทระนง

รักแม่ก็ขอจงทำงานหนัก

ด้วยละเอียดอ่อนในเยื่อใยรัก

พลีชีวิตเพื่อถักและทอไท

สักวันหนึ่งถึงไม่มีชีวิตแม่

ลูกที่แท้ก็คงทอสืบต่อได้

แม่ก็ทอ ลูกก็ทอ ต่อเส้นใย

ผ้าชีวิตผืนใหม่ จะต้องงาม.

นี่อาจจะเป็นบันทึกที่ยาวเยิ่นมิใช่น้อย แต่ก็มุ่งมาดให้มิ่งมิตรได้อ่าน ..และขอให้มีความสุขกับการท่องเล่นในตู้หนังสือของผม นะครับ

.....

หมายเหตุ : ก่อนหน้านี้ มีหนังสือบางเล่มของนักเขียนท่านนี้ เคยเข้ารอบชิงซีไรต์มาแล้ว คือ คำใดจะเอ่ยได้ดังใจ (๒๕๒๙) ฤดีกาล (๒๕๓๕)

หมายเลขบันทึก: 197419เขียนเมื่อ 30 กรกฎาคม 2008 08:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 ธันวาคม 2015 20:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

สวัสดีครับอาจารย์แผ่นดิน

             อ่านเรื่องย่อแล้วอยากหาอ่านเล่มเต็ม ๆ ครับ...เดี๋ยวต้องไปหาดูที่ร้านหนังสือแล้วละครับ ถ้าไม่มีคงต้องเดินวนแถวร้านหนังสือมือสองละครับ

                                                              ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ

"ชาวป่งใบ" ยังคงแอบติดตามอ่านบล็อกอยู่นะครับ คงสบายดีนะครับ

สวัสดีครับ นายช่างใหญ่

กวีนิพนธ์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นวรรณกรรมคุณภาพอีกเล่มของเมืองไทยเลยทีเดียว  และรู้สึกว่าจะมียอดขายที่ดีด้วยเช่นกัน  ซึ่งหนังสือประเภทบทกวีนั้น  ส่วนใหญ่ขายได้ไม่มากนัก  ตรงกันข้าม เรื่องนี้กลับได้รับความนิยมอย่างน่าพอใจ  สังเกตได้จากมีการตีพิมพ์อยู่หลายครั้ง -

เนื้อหา.  มีหลายส่วนนะครับ  บางเรื่องก็บันทึกเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของสังคมไว้บ้างเหมือนกัน เช่น  เรื่องไฟไหม้โรงงานตุ๊กตา  ว่า

โรงงานเหมือนโรงงก
เหมือนนรก เหมือนสุสาน
กลบฝังร่างคนงาน
ให้ร้าวรานทุกวิญญาณ์

หรือเรื่องเด็กน้อยในเมืองใหญ่ ว่า

สังคมยังว้าเหว่
หากเด็กเร่ร้างไร้บ้าน
สังคมยังทรมาน
หากเด็กถูกทารุณกรรม ...
ไยเด็กน่าสงสาร
นั่งขอทานอยู่ริมถนน
นี่หรือสังคมคน
สังคมที่มีเมตตา ...

บทหลังนี้  แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น เช่นเดียวกับบท "ไหมแท้ที่แม่ทอ" ..

...

 

แล้วยังไง. ขอให้โชคดีกับการหาซื้อมาอ่านนะครับ.

สวัสดีครับ พี่ สาคร สารคาม

ขอบคุณนะครับที่ยังแวะเวียนมาให้กำลังใจ..

ภาพชีวิตที่ยังพบพานกันนั้น  ยังตรึงใจผมจนบัดนี้  เมื่อเดือนที่แล้ว ได้เจอพี่แป๋ว  ก็ยังได้ถามถึงพี่อยู่เหมือนกัน

ปีนี้, ดีใจที่หนังสือของพี่ฟิวเข้ารอบชิงซีไรต์ .. ผมซื้อมาอ่านแล้ว  เพราะพี่แกไม่เคยส่งมาให้น้องนุ่งได้อ่านฟรี ๆ (เหมือนที่เคยบอก) ..  มีหลายเรื่องที่ชอบ.  เป็นเรื่องที่หยิบเอากระแสสังคมมาพูดถึงได้อย่างน่าฟัง.

เชียร์ให้ได้ซีไรต์ ...

นี่คือ..ความภูมิใจของป่งใบ. ของ มมส...

.....

มีความสุขมาก ๆ นะครับ.

ว่าง ๆ แวะมามหาสารคาม อย่าลืมบอกข่าวนะครับ. 

  • ตามมาเลย
  • ผมสงสัยตัวเองเสมอ
  • ว่าทำไมชอบเรื่องสั้น ลำนำ บทกวี
  • ทั้งที่การทำงานของผมต่างจากเรื่องแบบนี้
  • สงสัยเรื่องแบบนี้อยู่ในจิตใต้สำนึกของหัวใจ
  • สบายดีไหมครับน้องแผ่นดิน

สวัสดีครับ พี่แผ่นดิน

  • แวะมาอ่านหนังสือด้วยคนครับ
  • สบายดีนะครับ

+ สวัสดีค่ะ....

+ เข้ามาบอกว่า...ชอบเหมือนกันค่ะ...

+ มีครบทุกเล่มเลยค่ะทั้ง ฤดีกาล คำใดจะเอ่ยได้ดั่งใจ ม้าก้านกล้วย

+ แต่เล่มที่ชอบคือ..." คำใดจะเอ่ยได้ดั่งใจ ".....

+ ดีใจจัง.....

  • สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน แวะมาเข้ามาอ่านหนังสือดีดี
  • หนังสือเก่าๆ เริ่มหาอ่านได้ยากแล้วนะคะ
  • ขอบคุณที่เป็นแหล่งช้อป หนังสือค่ะ

กินข้าวกินปลาเสียก่อนเถิด

แนบกายบ้านเกิดอีกสักหน

หายเหนื่อยพรุ่งนี้ไม่จำนน

อีกครั้งเริ่มต้นจะเป็นไร

....

อ่านแล้ว มีพลัง มีความหวัง และ กำลังใจ ค่ะ

...

 

น่ารัก ภาษาเข้าใจง่าย ค่ะ

 

เล่มนี้ จำได้ค่ะ ป๋าปู ชอบมากค่ะ

 

...

 

แม้มาอยู่ที่นี่ แดนดินถิ่นอิสานได้ไม่นาน

 

แต่รับรู้ได้ถึง ความมีน้ำจิตน้ำใจ ของชาวบ้านค่ะ

 

เชื่อไหมคะ ปูมีพ่อแม่ บุญธรรม ที่นี่แล้วค่ะ 5 5

 

งง เลย แบบทำตัวไม่ถูก เพราะกลัวทำหน้าที่ได้ไม่ดี

 

ประทับใจ มากๆ ค่ะ ... สำหรับ คนไกลบ้าน ...

 

...

 

 

... ตอนนี้ฝนกำลังพรำพราย ดีหน่อย ชาวบ้าน กำลังบ่นขอฝน นาแห้งแล้งหลายค่ะ ... ขอบคุณค่ะ ...

 

สวัสดีครับ ท่านพี่ขจิต 

  • ผมพบเจอมาไม่น้อยนะครับ
  • คนที่มีจิตอาสา
  • มักจะชอบงานศิลปะแขนงต่าง ๆ ..
  • หรือแม้แต่วรรณกรรมประเภท  บทกวี  เรื่องสั้น ..
  • สิ่งเหล่านี้เสนอภาพชีวิตอย่างมีเสน่ห์ ...
  • สำคัญ
  • ส่วนหนึ่งก็ถูกนำเป็นเครื่องมือในทางสังคมอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
  • แต่เหนือมิติของศิลปะ..เพื่อ..ศิลปะ
  • ก็คือ ศิลปะเพื่อความงาม นั่นเอง
  • และนั่นก็หมายถึง.  เราต่างมีหัวใจของความเป็นศิลปะ ศิลปินอยู่ในตัวด้วยเช่นกัน
  • .... แมน บ่ .....

 

สวัสดีครับ  ครูโย่ง

  • ผมสบายดี
  • ตอนนี้ก็ยังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน....
  • แวะมาดูการประมูลงานศิลปะ
  • สนุกสนาน - ฮาเฮ  พร้อม ๆ กับได้ความรู้ไปมากโข
  • ปีนี้....
  • ควักกระเป๋าเกือบพันบาท  ได้ภาพขนาดใหญ่มา 4  ชิ้น
  • แต่ปีที่แล้ว.  พันกว่าบาทได้มาแค่ 2 ชิ้นเอง
  • แต่อย่างว่า..
  • ศิลปะ  ประเมินตัวเลขได้ยากมาก
  • สำหรับผมแล้ว.  เอาหัวใจเข้าว่าเลยว่า "ชอบ หรือไม่ชอบ.."
  • ....
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

  • ติดตามมาอ่านเรื่องย่อ  "ม้าก้านกล้วย"
  • เขียนบันทึกได้น่าอ่านดีมากค่ะ  ทำให้ต้องรีบค้นหาหนังสือดีๆเช่นนี้ของลูกชายมาอ่านบ้างเพราะเขาชอบสะสมหนังสือ
  • ขอบคุณมากนะคะ ที่แนะนำหนังสือดีๆมีคุณค่าสู่กัน
  • ซึ้งใจกับบทกลอนนี้จัง....คิดถึงแม่ที่จากไปไม่มีวันกลับแต่แม่คงอยู่ในใจของลูกไม่ลบเลือน

สักวันหนึ่งถึงไม่มีชีวิตแม่                                                  ลูกที่แท้ก็คงทอสืบต่อได้                                                  แม่ก็ทอ ลูกก็ทอ ต่อเส้นใย                                                  ผ้าชีวิตผืนใหม่ จะต้องงาม.

สวัสดีครับ. แอมแปร์

ผมมีงานของพี่ไพวรินทร์ เกือบทุกเรื่อง. และนั่นก็หมายถึง การเคยมีด้วยเช่นกัน  เพราะหลายเรื่องถูกใคร ๆ ยืมแล้วไม่คืน.

ผมชอบเล่ม ไม่ใช่กวีนิพนธ์จากชายป่าอารยะธรรม (ชื่อประมาณนี้.. - ไม่แน่ใจ)  และ ฤดีกาล  เป็นอีกเล่มที่ผมชอบมาก  เพราะมีบทกวีที่เกี่ยวกับมิ่งมิตรอยู่หลายบท  อ่านแล้ว, เข้าใจง่าย...

ดีใจครับที่รู้ว่าชอบหนังสือในแนวเดียวกันนี้...

 

 

สวัสดีครับ.คุณ เอื้องแซะ

ผมเชื่อเสมอมาว่า ...
หนังสือ
เป็นเสมือน สวนดอกไม้อันร่มรื่น
ดังนั้น.
ผมจึงมีความสุขกับการได้อยู่กับหนังสือนาน ๆ ...

ทุกวันนี้.
หนังสือเก่า ไม่เพียงหาอ่านยาก ..แต่ราคาก็สูงเอามาก ๆ เลยทีเดียว  ผมเคยซื้อมาในราคา 3 - 4 ร้อยบาท ทั้ง ๆ ที่ราคาปกแค่ ไม่ถึง 10 บาทเลยด้วยซ้ำไป

....

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ คุณปู poo

คืนนี้...
ภายหลังกลับไปส่งสองหนุ่มที่บ้าน  ผมก็กลับมานั่งทำงานอีกรอบ

ตอนนี้ฝนโปรยสายเริ่มหนักขึ้น และหนักขึ้น.

ดูเหมือนชีวิตก็รู้สึกจะหนัก ๆ  กับชีวิตอีกแล้วเหมือนกัน

....

ผมเชื่อนะครับว่า  ไม่มีท้องถนนใดไร้คนเดินทาง  และการเดินทางก็ไม่ไร้น้ำใจจากคนรอบข้าง

....

โชคดีกับชีวิตนะครับ

  • ธุ คุณแผ่นดินค่ะ..

ต้อมเคยมีหนังสือเล่มนี้ด้วย  แต่ได้มอบให้พี่คนหนึ่งไปแล้วเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ^^

สวัสดีครับ. Preeda

ผมชอบกลอนบทนี้มาก  (ไหมแท้ที่แม่ทอ)  อ่านแล้วเห็นภาพชีวิตในครัวเรือนที่เต็มไปด้วยสายใยแห่งความผูกพันระหว่างสายเลือดเป็นยิ่งนัก

และหนึ่งในนั้น  มันก็เหมือนการย้ำเตือนให้เราไม่สิ้นหวังการกับดำรงชีวิตด้วยเหมือนกัน

ขอบคุณครับ

บางคนก็หลงลืมถึงความสามารถส่วนอื่นๆ เพราะถูกบ่มเพาะให้เรียนรู้ในเรื่องราวเฉพาะและการทำงานที่เจาะจง

บางคนลืมไปแล้วว่าสมัยเด็กวาดรูปได้ดีขนาดไหน

...เกี่ยวกันไหมนี่..

ขอบคุณ อาจารย์แผ่นดิน ที่คัดมาให้อ่าน

สวัสดีครับ คุณต้อม  เนปาลี

หนังสือเล่มนี้  ถูกหยิบยืมไปหลายคนเหมือนกัน  แต่ผมย้ำว่าห้ามยึด. ห้ามขาย  เพราะมีเล่มเดียว  (โดยไม่ยอมซื้อเล่มอื่น)  เพราะเล่มนี้เป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรก .. ยังไม่ตีตราซีไรต์เลยนะครับ..

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม...
มีความสุขมาก ๆ นะครับ

สวัสดีครับ คุณจินตนาภร คงชะนะ


บางคนลืมไปแล้วว่าสมัยเด็กวาดรูปได้ดีขนาดไหน

...

ผมชอบถ้อยคำเหล่านั้นมาก

มันทำให้ผมหันมาถามตัวเองว่า

วันนี้ผมลืมชื่อต้นไม้พื้นเมืองไปเกือบสิ้นแล้ว  เดินขึ้นเขาเข้าป่า บอกไม่ได้เลยว่าต้นนี้ชื่ออะไร  ทั้ง ๆ ที่ในสมัยที่ยังเลี้ยงวัวอยู่นั้น  แทบจะเรียกชื่อได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

...

ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ.คุณจริยา

เป็นยังไงบ้างครับ ชอบหนังสือเล่มนี้มากมั๊ย .. มีบทใดอ่านแล้วประทับใจเป็นพิเศษ หรือเปล่า

ผมเองยังฝันว่าอยากเป็นนักเขียน..แต่รู้ดีครับว่าตนเองไปยังไมถึง  และบางทีอาจไม่ถึงฝั่งฝันนั้น

แต่ก็มีความสุขดีกับการได้อ่านหนังสืออย่างต่อเนื่องบ้าง

...

ขอบคุณครับ

 

 

น้องนัส

อ้ายคึดฮอดคือกันเด้อ งานยุ่งหลาย สามสี่เดือนได้เข้าเน็ตทีหนึ่ง เก่งก็ไม่เก่งคล่องก็ไม่คล่อง กลายเป็นคนตกยุคเหมือนอณูทิพย์แล้ว (ตอนนี้อณูทิพย์กำลังจะกลายเป็นเศรษฐีสวนกฤษณาแล้วล่ะ อ้ายเคยไปเยี่ยมยามสามสี่ครั้ง ส่วนราชบดินทร์ พี่ใหญ่อีกท่านหนึ่ง ก็โทรคุยกันบ้าง สำหรับขุมนรกก็แวะหากันบ่อย ๆ ชะอวดเมืองนคร เป็นครูที่นางรอง บุรีรัมย์ (ไม่เกี่ยวกับพระวิหาร ) สว่าง เชยสงค์ อยู่ที่ หนองสอวิทยาคม กาฬสินธุ์ (กระซิบให้ฟังว่า ประโยคเด็ดตอนท้าย ของ สมภารระดับ 8 ดัดแปลงมาจากคำสนทนากันกับสว่างวันคืนวันหนึ่ง) ส่วนสาคร สารคาม ยังเหนียวแน่นเหมือน่วมวงชงเหล้ากันทุกวี่วัน

..ป่งใบ ชื่นใบ ใหม่สด

ป่งใบ อิ่มรส สดใหม่

ชีวิต ยังคง ป่งใบ

หัวใจ ยังคง "ป่งรัก"

ชอบบทกวีสั้น ๆนี้ของไพวรินทร์ ขาวงาม จังเลย เขาเขียนใส่มือพี่ในคราวที่ไปเป็นวิทยากรด้วยกันที่ ราชภัฏโคราช เมื่อคราววันภาษาไทยแห่งชาติ ปี 38 ว่าแล้วก็ขอแซวแอนด์อำ ท่านมหากวีสักหน่อย อย่าว่ากันนะ เพราะตอนนี้ไม่รู้จะเขียนอะไรฝากท้ายให้น้องนัสดี

ไผ กะตมดื่มเหล้า เมามาย

วะ วาบซึมซาบหาย หมดแก้ว

ริน ตื่มจนตาลาย คออ่อน

สาวงาม เลยกินแห้ว อดได้........ฯ

อีกเดือนพบกันใหม่เด้อหล่า

แก้ไข

ไผ กะตามดื่มเหล้า เมามาย

วะ วาบซึมซาบหาย หมดแก้ว

ริน ตื่มจนตาลาย ฟุบหลับ

สาวงาม เลยกินแห้ว ดอได้........(บ่กล้าเผย)

วันที่ 28-30 สิงหาคม อ้ายไปเป็นวิทยากรให้ค่ายครูสลา ที่ครบุรี เขื่อนลำมูลบน ใครว่างน่าจะไปพบสุมาลี (พบหน่อย)

สวัสดีค่ะ

อยากจะให้ช่วยย่อเรื่อง<ม้าก้านกล้วย><สร้อยทอง><ขบวนการหนังสติ๊ก>จะได้มั้ยค่ะ

เพราะอยูป.6ครูให้ย่อมาเรื่องละ20หน้าอ่ะ ค่ะช่วยที

อยากได้เรื่องย่อม้าก้านกล้วยอ่ะ

3ภาค อ่านไม่ค่อยเป็นช่วยย่อให้ทีน่อใครรุ้เรื่อง

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดินมาเยี่ยมชมหนังสือดีๆแบบม้าก้านกล้วย เห็นชื่อผู้เขียนแล้วก็ชอบมากๆนะคะ บทกวีของท่านเพราะๆจับใจทุกครั้งไม่ว่าจะเขียนแบบไหน ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ

อิอิ แม้แต่พี่พนัสยังไม่เคยได้อ่านหนังสือพี่ฟิว

แบบฟรีๆๆเหมือนกันเหรอคะ หนูเข้าใจแล้วล่ะ 555+

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท