คิดเรื่องงาน (49) : หัวใจแห่งการเป็นผู้ให้ 3 ประการ


การรับผิดชอบต่อสังคม ก็หมายถึง การรับผิชอบต่อตัวเองนั่นแหละ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเราเป็นหลัก

เมื่อวานมีภารกิจหลายอย่างอยู่เหมือนกัน 
ช่วงเช้านิสิตหลายกลุ่มสัญจรไปทอดเทียนพรรษาตามวัดต่างๆ  ส่วนช่วงบ่ายก็ยังขับเคลื่อนออกไปสู่วัดอย่างไม่ย่อท้อ  
 

ผมมีโอกาสได้ร่วมวิถีแห่งการเอาใจนำพาเอาศรัทธานำทางด้วยเหมือนกัน  ...อิ่มสุข สำราญใจไม่แพ้นิสิต
ผู้ลงแรงด้วยตนเอง  
 

ถัดจากนั้น ผมก็จำต้องรีบบึ่งทะยานมายังเทศบาลตำบลขามเรียง  เพื่อหารือเรื่องการสอดประสานแผนพัฒนานิสิตกับชุมชนในปีงบประมาณ 53 

เสร็จแล้วก็ถลาเข้ามาร่วมให้กำลังใจแก่ผู้เข้าอบรมโครงการอบรมการพัฒนาสมรรถนะหลักของผู้บริหารสายสนับสนุนในมหาวิทยาลัยของรัฐ   กรณีหัวหน้างาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปี 2552 (รุ่น3) ซึ่งรุ่นนี้มี จำนวน 47 คน มีขุนพลกองกิจฯ เข้าร่วมเรียนรู้มากถึง 4 คนด้วยเช่นกัน


 

การไปเยือนในครั้งนี้  ไม่เพียงไปสังเกตการณ์และให้กำลังใจเท่านั้น หากแต่ยังต้องทำหน้าที่ในการสรุปบทเรียนประจำวันให้กับรุ่นนี้ด้วย

 

ประเด็นการเรียนรู้ของวันนี้คือ คุณธรรม จริยธรรม  ซึ่งเป็นโจทย์อุดมคติมากเลยทีเดียว  ผมบอกกับ
ผู้เข้าอบรมว่า หากรู้ล่วงหน้าสักนิดว่า วันนี้คือโจทย์นี้  เห็นทีคงไม่มาหรอก เพราะไม่ค่อยถนัดนัก  แต่หากเป็นประเด็นผู้นำโดยตรง  ผมไม่ปฏิเสธแน่  เพราะประเด็นหลังนั้น ผมมีเรื่องคุยเยอะแยะไปหมด 

แต่ก็อย่างว่า  ในฐานะรุ่นพี่ ผมก็จำต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด ขึ้นหลังเสือมาแล้ว ก็จำต้องบังคับการวิ่งของเสือให้ได้ ...

จากการสังเกตการณ์วิธีการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม  เห็นได้ชัดว่า แต่ละกลุ่มทำงานองค์รวมได้ค่อนข้างดี  การนำเสนอมีผลึกความคิดที่น่าสนใจ  มีโมเดลให้ชวนคิดชวนวิพากษ์

   

ถึงกระนั้นก็เถอะ  ในประเด็นที่หยิบมาถกคิดกันในวันนี้นั้น  ผมยังมองว่า  บรรดาผู้เข้าร่วมอบรมยังไม่ลงสู่เนื้อคิดของคำว่า คุณธรรมจริยธรรม มากนัก  ส่วนใหญ่เป็นการเบิ่งมองรวมๆ และดูเหมือนจะมองในภาพรวมเสียมากกว่า โดยภาพรวมที่ว่านั้นก็คือการสื่อความถึงภาพรวม หรือภาพกว้างของเรื่อง ผู้นำ
หรือภาวะผู้นำ
  อย่างเห็นๆ


แต่ก็แน่ล่ะ  สองเรื่องนี้แทบจะเป็นเนื้อแท้เดียวกันเลยก็ว่าได้  โดยผู้นำที่ดีก็คงต้องมีคุณธรรมจริยธรรม
เป็นธงปักอยู่ในใจ 
แต่เวทีนี้ ยกนี้  ผมยังมองว่า  สิ่งที่ถกคิดนั้นต้องเจาะลงไปว่า
คุณธรรมจริยธรรม  ในการทำงานนั้น
ควรต้องมีอะไรบ้างเป็นสำคัญ


นอกจากนั้น  ผมยังเสนอมุมมองของผมในทำนองว่า เรื่องที่คุยคิดกันอยู่ในขณะนี้  เป็นเรื่อง อุดมคติ ชวนคิดและชวนฝันเป็นยิ่งนัก  จนบางครั้งก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่า มันเป็นเรื่อง นามธรรม  อยู่มากโข  ซึ่งผมก็ได้แต่ย้ำเน้นว่า เพราะเราต่างยังมีอุดมคติกันนั่นแหละ  เราถึงมีพลังต่อการทำวันนี้และสร้างพรุ่งนี้อยู่ร่ำไป


 

สำหรับเนื้อความที่นำเสนอกันนั้น  หลักๆ ยังคงเป็นครรลองที่เรามักคุ้นกันดีอยู่แล้ว  นั่นคือ การยึดหลักคิดเกี่ยวกับเรื่องพรหมวิหาร 4  อิทธิบาท 4  ซึ่งนั่นก็หมายถึงวาทกรรม ครองตน-ครองคน-ครองงานตามลำดับ


แต่สำหรับผมนั้น ผมก็ไม่วายหยิกแหย่ตามแบบฉบับของตัวเองว่า ถ้าเป็นผม-ผมจัดเรียงตามวิถีคิดของตัวเองดังนี้ คือ ครองตน-ครองงาน-ครองคน  แต่แน่ละ  ในวิถีแห่งความเป็นจริงนั้น  พูดให้เป็นปรัชญาหน่อย  ก็คงปฏิเสธได้ว่า  การครองตน คือ อภิมหาศาสตร์อันลึกล้ำ เฉกเช่นกับวิถีผู้นำนั้น การครองคน
ก็เป็นอำนาจบารมีที่ใครต่อใคร  ก็ล้วนแล้วแต่หลงรักและพึงปรารถนาอยู่อย่างไม่ลดละ


จนท้ายที่สุดนั้น  ผมจึงสรุปความโดยการนำทัศนะของตัวเองมาแลกเปลี่ยน 2 ประเด็นหลักๆ  นั่นคือคุณธรรม หรือจริยธรรมที่ผมคิดว่าต้อง ฟื้นฟู กันให้หนัก  คือ เรื่องความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ 

ครับ, ความซื่อสัตย์  ฟังดูยิ่งใหญ่เป็นอุดมคติมาก  แต่สำหรับเรื่องความรับผิดชอบนั้น ผมถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนแตะต้องสัมผัสได้โดยง่ายมาก  เพราะในแต่ละวัน  เราสามารถบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ได้อย่าง
ไม่ซับซ้อน โดยให้แต่ละคนหวนคิดดูเองว่า  ในวันๆ หนึ่ง  เรารับผิดชอบต่อภารกิจและพันธกิจชีวิตเช่นใดบ้าง  ...มาสาย  หย่อนยาน  เลี่ยงงาน ...หรือเต็มที่เต็มกำลังอย่างน่าทึ่ง !



แต่ทั้งปวงที่ผมกล่าวถึงไปแล้วนั้น   ก็ยังเป็นหนึ่งเดียวกับคำว่าซื่อสัตย์อยู่วันยังค่ำเพราะมันคือ
ความซื่อสัตย์ต่อสถานะและบทบาทแห่งชีวิตของเราเอง  หากแต่ที่เน้นเรื่องความรับผิดชอบมากเป็นพิเศษ  เนื่องเพราะผมรู้สึกและเข้าใจไปเองว่า  มันดูสมจริงและแตะต้องได้ง่ายกว่าเท่านั้นเอง

 

เฉกเช่นกับการทิ้งทวนในเรื่องนี้ว่า ...การรับผิดชอบต่อสังคม ก็หมายถึง การรับผิชอบต่อตัวเองนั่นแหละ  ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเราเป็นหลัก  ดังนั้นการดูแลสังคม จึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อตัวเอง รับผิดชอบต่อบทบาทและสถานะของตัวเองอย่างเต็มที่ และทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราพึงกระทำได้ ...



ส่วนประเด็นที่สองก็คือเรื่องของ
หัวใจแห่งการเป็นผู้ให้ 3 ประการ  ซึ่งผมถือเป็นโมเดลของตัวเอง
ในระยะหลัง นั่นก็คือ ให้ใจ-ให้งาน (ให้โอกาส)-ให้อภัย


ให้ใจ :  จริงจังและจริงใจกับทีมงาน  เป็นแบบอย่าง ร่วมสร้างและร่วมแก้ไข

ให้งาน (ให้โอกาส)  : รักและดูแลทุกคนเสมอภาค แบ่งสรรปันงานอย่างเท่าเทียมและสอดรับกับความถนัดของบุคคล ฝึกฝนให้แต่ละคนเรียนรู้อย่างมีพัฒนาการ

ให้อภัย :  ให้อภัยต่อคนอื่นๆ  เฉกเช่นกับการที่เราให้อภัยกับตัวเองเสมอมา  แต่ต้องสอนให้รู้ว่าทุกอย่างต้องก่อรูปร่างจากความเป็นเหตุเป็นผล

 

.....

 

๒๕  กรกฎาคม ๕๒
พิพิธภัณฑ์ มมส

หมายเลขบันทึก: 280253เขียนเมื่อ 26 กรกฎาคม 2009 08:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (38)

สวัสดีค่ะ

  • พี่คิมพยายามอ่าน..และลำดับความคิด
  • ในที่สุดก็คือ...ให้ใจ ให้งาน ให้อภัย
  • ขอขอบพระคุณค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

พาหลานม่อนมาเยี่ยม และนำใจมาให้ครับ ขอให้ท่านประสบความสุข ความสำเร็จครับ

ขอบคุณแง่คิดีดีในการทำงานนะคะ

สวัสดี ค่ะ อ. แผ่นดิน

อ่านแล้ว รู้สึกด้วยใจตัวเอง ยอมรับตัวเอง ว่า บางที เรายังรับผิดชอบงานในฐานะ ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ไม่เต็มที่เลยนะคะ

สำหรับตัวเองมีบ้างยังยึดตัวเองเป็นหลัก ยังเอาเรื่องส่วนตัวมาคิด มาปนกับงาน ทำให้เราทำงานได้ ไม่เต็มที่ แต่ไม่บ่อยหรอกนะคะที่เป็นแบบนั้น ยกเว้นในวันที่ใจมันล้ามากๆ

คิดว่า ถ้าเราทำใจให้มัน เข้มแข็ง ไม่ยึดติดเรื่อง ไม่เป็นเรื่องซะบ้างจะทำให้เราทำงานได้ดีขึ้นนะคะ ที่สำคัญอีกอย่าง สัมพันธภาพในทีมผู้ร่วมงานก็สำคัญ ค่ะ ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน เห็นด้วยกับ อ.นะคะ

 ...การรับผิดชอบต่อสังคม ก็หมายถึง การรับผิชอบต่อตัวเองนั่นแหละ  ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเราเป็นหลัก  ดังนั้นการดูแลสังคม จึงหมายถึงการรับผิดชอบต่อตัวเอง รับผิดชอบต่อบทบาทและสถานะของตัวเองอย่างเต็มที่ และทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราพึงกระทำได้ ...

 

สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน

๓ ให้เป็นหัวใจของการทำงานอย่างมีความสุขค่ะ ประเภทสุขเขา สุขเราค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์แผ่นดิน

  • ได้อ่านข้อคิดดี ๆวันนี้
  • การที่จะปลูกฝังการคิดนั้น เวลาและประสบการณ์ก็จำเป็น หากแต่องค์ใดมิสนใจที่จะเสวนาในเรื่องเช่นนี้เลย คนขององค์กรนั้นคงจะไร้ทิศทางในการนำคุณธรรม จริยธรรมเข้ามาปรับใช้ในชีวิตและการทำงานค่ะ
  • เพียงความรับผิดชอบประเด็นเดียวนี้ หากแต่ถ้าเข้าใจ ประเด็นอื่นก็ตามมาด้วย
  • การให้ใจ ให้โอกาส ให้อภัย เป็นหัวใจสำคัญแล้วนะคะ
  • ขอให้ทำงานอย่างมีความสุขนะคะ

ขอบคุณค่ะ

  • ให้ใจ  ให้งาน  และให้อภัย
  • สามประการแห่งการให้ ครูอิงคิดว่าคนที่ให้คนอื่น ก็คงอยากได้รับการให้จากคนอื่นด้วยเช่นกัน
  • ถ้าทุกคนมีให้กัน ก็คงมีความสุขนะคะ
  • โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ของคนที่เป็นผู้บริหาร
  • ขอบพระคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ ค่ะ
  • มีความสุขเสมอ ๆ นะคะ

 

สวัสดีครับ พี่. ครูคิม

อันที่จริงก็ต้องการเขียนถึง "หัวใจแห่งการเป็นผู้ให้" ..นี่แหละครับ
แต่กลัวมันจะสั้นจนเกินไป  ก็เลยผูกเรื่องไว้อย่างยืดยาว  สงสัยติดอ่านวรรณกรรมของนักเขียนบางท่านมากไปหน่อย เลยพลอยให้รับอิทธิพลมาเข้าสู่ตัวเอง  ชนิดจั่วขึ้นหัว แล้วก้ไหลลอยไปเรื่องอื่นๆ ..พอตอนท้ายก็วกมาปิดประเด็น เสร็จแล้วก็ลุกไปแบบเฉยๆ ...

แต่อย่างไรก็ขอบคุณนะครับที่อุตสาห์ติดตามอ่านให้จนจบ
ขอบคุณครับ

  • ...การรับผิดชอบต่อสังคม ก็หมายถึง การรับผิดชอบต่อตัวเองนั่นแหละ
  •   ถูกต้องที่สุดค่ะ พี่แผ่นดิน
  • มีความสุขกับงานเยอะ ๆ นะคะ

สวัสดีครับ ท่าน อ.ประจักษ์~natadee

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับกำลังใจและความปรารถดีที่มีให้ผมนะครับ..

หลานตัวน้อย น่ารักมากครับ...สดใส...มีชีวิตชีวา..สมแล้วที่เรากล่าวถึงเด็กๆ ว่า..เด็กน้อย คือ ความสดใสของโลกมนุษย์

สวัสดีครับ  ครูพิษณุโลก

เป็นมุมคิดเล็กๆ ที่ผมกำลังนำมาใช้ในองค์กร ครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

*** เพราะเราต่างยังมีอุดมคติกันนั่นแหละ เราถึงมีพลังต่อการทำวันนี้และสร้างพรุ่งนี้อยู่ร่ำไป...บางครั้งก็ท้อกับกระแสสังคมยุคทุนนิยมจริงๆนะคะ

*** ขอบคุณที่มีถ้อยคำดีๆให้ช่วยเป้นกำลังใจ

ครองใจ ครองคน ครองงาน...ตามติดและติดตามครับอาจารย์

เป็นกำลังใจและมีความสุขกับการทำงานครับ

  • ขอบคุณข้อมูลดี ๆ
  • หัวใจของการเป็นผู้ให้
    แล้วอย่าลืมฝากนิสิตให้เจริญรอย
    ตามพ่อหลวงอยู่สองเรื่องคือ
     ๑. ทำงานอย่างมีความสุข
     ๒. ทำอย่างสุดความสามารถ
    ด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน

ขอบคุณบทความดีๆ

แวะมาเยี่ยมด้วยความระลึกนึกถึงค่ะ

โชคดีค่ะ

  • แวะมาชื่นชมงานสร้างคนของอาจารย์พนัสด้วยใจจริง
  • เป็นผู้ให้โดยแท้จริง

Dsc00537

กล้วยหอมทองที่บ้านค่ะ ฝากที่นี่ก็แล้วกัน

สวัสดีครับ  subah

ผมเห็นด้วยและเข้าใจภาวะนี้ นะครับ

สำหรับตัวเองมีบ้างยังยึดตัวเองเป็นหลัก ยังเอาเรื่องส่วนตัวมาคิด มาปนกับงาน ทำให้เราทำงานได้ ไม่เต็มที่ แต่ไม่บ่อยหรอกนะคะที่เป็นแบบนั้น ยกเว้นในวันที่ใจมันล้ามากๆ

ใช่ครับ..โดยเฉพาะในวันที่เราอ่อนล้ามากๆ
อย่างล่าสุดเช้าวันศุกร์  ผมก็เปิดเปลือยให้ทีมงานได้ฟังว่า ทำไมก่อนหน้านั้น ผมถึงดูทุกข์ท้นนัก นั่นเพราะเราแบกรับอะไรเยอะมาก และไม่พึงใจให้ลูกทีมได้รับรู้  กระทั่งคลี่คลายมาแล้วในระดับหนึ่ง ถึงได้บอกกล่าวเล่าความให้กันฟัง

ผมเป็นคนประเภทค่อนข้างอิงระบบ..บางทีก็ไม่ชอบรอการสั่งการจากเบื้องบนนัก  อะไรทำได้...ก็ต้องทำ...จนบางที บางจังหวะ ก็ดูเหมือนจะก้าวกระโดดอยู่บ้า

ขอบคุณครับ...
ผมเป็นกำลังใจให้ เสมอ นะครับ

สวัสดีครับ... noktalay

ตอนนี้ที่กำลังเตือนสติตัวเองอีกอย่างก็คือ เดินให้ช้าลง..เพื่อให้ลูกทีมเดินได้ทัน

เพราะนั่นคือ ...สุขเขา...สุขเขา...

ขอบคุณครับ

  • ขออำภัยหลาย ๆ คับอ้าย
  • ไปสารคามแต่บ่ได้แวะกอด
  • อิอิ มีอีกโปรเจคอยู่ครับ เดี๋ยวสิส่งข่าวไวไวนี้
  • กับกลุ่มอิสานอาสา เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วคับ
  • อิอิ

มาอ่านความคิดค่ะ เห็นด้วยกับการมีอุดมคติประจำตัวที่คอยผลักดันให้เราทำวันนี้ วันต่อๆไปของเรา ในงานของใครของคนนั้น เรื่องคุณธรรม จริยธรรม ยิ่งเรื่องความซื่อสัตย์ที่จะปลูกฝังในเยาวชน ให้แทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งของการมีอุดมคติในตัว รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบในภาวะผู้นำ...อ่านไปคิดไปค่ะ อาจเป็นช่วงมีเรื่องมากระทบใจอยู่เพราะเจ้าสิ่งนี้ ที่ทำให้เห็นความเดือดร้อนในคนใกล้ชิดหลายๆ ฝ่าย ในฐานะคู่กรณี

ขอเรื่องนี้ไปวางลิงค์ให้คนที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้ใหญ่ในพื้นที่ที่รู้จักให้มาอ่านด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

รับผิดชอบต่อสังคม คือรับผิดชอบต่อตัวเอง ให้ใจ-ให้งาน (ให้โอกาส)-ให้อภัย

สวัสดีค่ะ  ขาดอีก  1  ประการ  จะครบสี่ห้องหัวใจค่ะ

ตามมาขอบคุณค่ะ อ.แผ่นดิน ที่แวะมาเยี่ยมที่บล็อกค่ะ

 

ให้ใจ ให้โอกาส ให้อภัย สามคำจำง่ายๆ และประทับใจครับ

สวัสดีครับ  เมียวดี

เหตุหนึ่งที่ผมพยายามเลี่ยงที่จะนำเสนอเรื่องคุณธรรม จริยธรรมนั้น  เพราะเห็นว่า เป็นเรื่องที่ตอบได้ในอุดมคติกันดีอยู่แล้ว  และเราก็พร่ำหากันเสมอมาอยู่เรื่อยๆ  แต่ที่ย้ำเรื่อง "ความรับผิดชอบ" นั้น  เพราะผมรู้สึกเองว่า  มันแตะต้องสัมผัสได้  และมีประเด็นง่ายๆ ให้หยิบมาถกคิดถกคุยกันได้  รวมถึงประเด็นอันเกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบนั้น ก็ยังผูกรวมไปถึงเรื่องคุณธรรมจริยธรรมอยู่วันยังค่ำ  เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงทฤษฎีอะไรมาก  แต่ความรับผิดชอบที่หยิบมากล่าวถึงนั้น จริงๆ ต้องยอมรับว่าเป็นคุณธรรม จริยธรรมดีๆ นั่นเอง ...

ตอนนี้ ผมก็เลยคิดได้ว่า จะทำกระบวนการว่าด้วย "ความรับผิดชอบ" ขึ้นมาสักครั้ง  เป็นการสะกัดออกจากตัวตนของแต่ละคน  แล้วมาสะท้อนว่า ในองค์กรของเรานั้น  มีเรื่องของความรับผิดชอบใดที่เราปฏิบัติได้ดีอยู่แล้ว และเรื่องใดที่เราปฏิบัติได้อย่างไม่เต็มกำลังนัก เป็นต้น

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ อิงจันทร์

สำหรับผมแล้ว..ในประเด็นผู้นำนั้น
ในแต่ละวัน ผมจะให้คะแนนตัวเองเสมอ
วันไหนได้คะแนนดี วันไหนติดลบ...

มันช่วยให้เราได้ประเมินบทบาทตัวเองไปในตัว ฝึกการควบคุมตัวเองไปด้วย  ...ครับ-ภาวะผู้นำ คือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ให้มากๆ ..

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ  เพ็ญศรี(นก)

จริงๆ แล้ว การทำงานในแต่ละวันนั้น หากเราคิดว่า "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด"
ก็ถือได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเช่นกัน นะครับ

ผมเชื่อเช่นนั้น

สวัสดีครับ อ.กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

ในยามที่รู้สึกท้อและต้องเผชิญหน้ากับปัญหาของวันนี้  ผมมักจะปลอบตัวเองด้วยกลอนของตัวเองเสมอว่า ..

ชีวิตเปลี่ยนได้เสมอเสมอ
วันหนึ่งย่อมเจอะเจอสิ่งหลากหลาย
สุขบ้าง-ทุกข์บ้าง ประปราย
แต่ชีวิตก็เปลี่ยนได้ไม่เว้นวัน

....

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ เสียงเล็กๆ

สำหรับผมแล้ว

ครองตน..สำคัญที่สุด
ครองคน..ยิ่งใหญ่ที่สุด

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ . อ.วราภรณ์ ธรรมทิพย์สกุล

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับง..ทำอย่างมีความสุข..และทำอย่างสุดความสามารถ  ขอเพียงเต็มที่กับมันแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นยังไง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  เพราะในโลกนี้ คงไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ กระมัง...

ขอบคุณครับ

  • แวะมาอ่านเรื่องราวดี ๆ ครับ
  • มาให้กำลังใจพี่แผ่นดิน
  • สบายดีนะครับ

สวัสดีครับ ครูจิ๋ว

ผมนึกโมเดล แนวคิดแบบเร่งด่วนครับ  โชคดีหน่อยนึกขึ้นมาได้ เลยถือโอกาสพูดและนำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้เข้าร่วมการอบรม

ขอบคุณครับมากครับที่แวะมาเยี่ยมเสมอๆ ..

สวัสดีครับ พี่เกศนี

ว่างๆ จะแวะไปเยี่ยมนะครับ
ขอนแก่น-สารคาม ..บ้านพี่เมืองน้อง ครับ

น้อง สายลม ครับ

วันหลังอย่าลืมแวะมากอด..คนที่สารคามก่อนนะครับ
จะได้ฝากพลังชีวิตไปแบ่งปันอีกแรงหนึ่ง

เป็นกำลังใจให้เสมอเด้อน้องหล่า

สวัสดีค่ะ

-มาเรียนรู้การเป็นผู้ให้ “หัวใจแห่งการเป็นผู้ให้ 3 ประการ”

-ให้ใจ ,ให้งาน (ให้โอกาส),ให้อภัย ยอดเยี่ยมมากค่ะ

-นิยมคนดีมีคุณธรรมค่ะ

-เป็นกำลังใจให้เพื่อน gotoknow ค่ะ

สวัสดีครับ พี่ ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี

ผมเชื่อว่า ความคิดที่แตกต่าง เป็นสีสันในองค์กรของคนเรามาก
ความแตกต่างที่ว่านั้น คือ กระบวนการขัดเกลาและตบแต่งความคิดของเราไปในที
สำคัญอยู่ที่ว่า  ในองค์กรนั้นๆ มีหลักยึดที่เป็นมิตรภาพระหว่างกันและกันกี่มากน้อย ..
ตอนนี้ ผมเลยกำลังลงมือลุยระบบแนวคิด "รู้จักฉันรู้จักเธอ" ...
โดยหวังว่า  จะใช้กิจกรรมนี้เป็นเครื่องมือในการหลอมรวมคนในองค์กรให้รักและเข้าใจกัน

....ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ...

สวัสดีครับ  KRUPOM

ที่ว่าขาดไปอีก 1 ประการนั้น น่าจะเป็นอะไรดี-ช่วยผมคิดหน่อยสิครับ


ให้ใจ
ให้งาน..ให้โอกาส
ให้อภัย

และอะไรดี...ตอนนี้ผมคิดไม่ออกจริงๆ ...

ให้ใจ ให้โอกาส ให้เกียรติ ให้อภัย ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงานครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท