การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง .. เช้าวันที่ 15 เมษายน ผมและเพื่อนชีวิตพร้อมด้วยน้องแดนไทสัญจรออกจากบ้านหนองทับม้าในช่วงเวลาราว ๆ ประมาณ 3 โมงเศษ ๆ ...
สำหรับผมแล้ว, การมีโอกาสได้เดินทางร่วมกับคนที่เรามีความรู้สึกอันดีด้วย ถือเป็นการกำไรชีวิตที่ช่วยเติมเต็มให้เส้นทางแห่งการสัญจรดูรื่นรมย์ มีค่าและมีความหมายไปกว่าเดินทางธรรมดาทั่วไป
คราวนี้ยังไม่ทัน 20 กิโลเมตรเจ้าแดนไทก็ถือโอกาสหลับสบายในรถเสียแล้ว หรือเพราะแกอาจคิดได้ว่าบัดนี้ - ผมมีเพื่อนคุยแล้วจึงถือโอกาสใช้ชีวิตแห่งความสุขนั้นด้วยการนอนหลับอย่างสบายอกสบายใจ จนกระทั่งมาตื่นอีกทีก็ตอนเข้าสู่ตัวเมืองร้อยเอ็ด...
และการตื่นของแกก็มาพร้อมกับการกินนานาชนิด ซึ่งถูกลำเลียงเข้าสู่กระเพาะอย่างต่อเนื่องและแสนเอร็ดอร่อย....(อย่างน่าหยิก....นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นกิน !)
ตลอดเส้นทางเราต่างพานพบนาฏกรรมชีวิตในเทศกาลน้ำอย่างมากมาย หรืออาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเล่นน้ำ หลายชุมชนจึงส่งท้ายกันอย่างคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในถนนน้ำของจังหวัดกาฬสินธุ์นั้นถือได้ว่า "คนแน่น - รถติดอย่างยาวเยียด"
ขณะที่ผมกำลังขับรถอย่างใจเย็นและมีสติกลับบ้านไปนั้น บังเอิญมีรถกระบะคันหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ด้านหน้าของผม ซึ่งแดนไทก็มองเห็นอย่างชัดแจ้งว่าหลังบิ๊กอัพคันนั้นมีพระสงฆ์ 3 - 4 รูปนั่งเรียงรายและเปียกปอนไปทั่วทั้งตัว...
เจ้าแดนไทถามผมว่า "พระเล่นน้ำกับโยมได้อยู่บ่ ?"
"ได้..เพิ่นให้เล่นแต่เฉพาะสงกรานต์เท่านั้นแหละ..."
"มันบ่บาปบ่พ่อ ?"....
"บ่บาปดอก... แต่ถ้าบ่แมนช่วงสงกรานต์ กะบาปคือกัน.."
และหลังจากนั้นผมก็ยังพูดคุยหยอกเล่นกันต่อไป จนบางทีคนข้าง ๆ ก็บ่นดุในทำนองว่าให้ผมตั้งใจขับรถหน่อย อย่ามัวแต่คุยและเล่นกับลูกมากนัก !
ผมกลับถึงบ้านราว ๆ บ่าย 4 โยง... ทันทีที่ประตูรถถูกเปิดออก เจ้าแดนไทก็ส่งเสียงร้องถึง "พ่อปู่" อย่างดังลั่น...ขณะที่พ่อของผมก็เร่งเดินออกมารับหลานชายเข้าสู่อ้อมกอดอย่างมีความสุข
จากนั้นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ บ้านหนองทับม้า ทั้งเป็ดตัวน้อย ยายหวี ยายทวด ตาโรจน์ บิณฑบาตรับเงินก็พรั่งพรูจากแกไปยังคุณปู่อย่างต่อเนื่อง....ซึ่งทั้งสองก็ดูจะมีความสุขกับการได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันราวกับห่างหายกันไปนานแสนนานก็ไม่ปาน !
ตกเย็น...แม่บ้านของผมเข้าครัวแสดงฝีมือร่วมกับพี่สะใภ้ด้วยการ "นึ่งปลานิลตัวเล็ก, นึ่งผัก, ตำแจ่ว, ซุบเนื้อวัวใส่แตงกวา" ซึ่งทั้งหมดคืออาหารเย็นที่กำลังจะมีขึ้นในไม่ช้า...
กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น.... ดูเหมือนจะเป็นภาพที่แจ่มชัดยิ่งนักในมื้อเย็นของผม ณ บ้านเกิดอันแสนรัก
เราตั้งวงกินข้าวร่วมกันเล็ก ๆ ง่าย ๆ ...เริ่มจากน้องแผ่นดินรับอาสา "ปูสาด" (เสื่อ) และร่วมกับน้องแดนทะยอยลำเลียงอาหารเพียงไม่กี่จานก็มาวางอย่างที่เคยเป็น...
"กินข้าวฮวมพา กินปลาฮวมปิ้ง.." ถือเป็นบุญวาสนาของเราและเราในชายคาบ้านอันเป็นที่รัก
พ่อ..ยังทำหน้าที่แยกชิ้นปลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้หลานทั้งสองคนอย่างน่าเอ็นดู ผมทานอะไรไม่ได้มากนัก เพราะเหนื่อยเกินจะกินอะไรได้ ..
ผมชอบบรรยากาศเช่นนี้ - หวนคิดถึงวงข้าว (พาข้าว) ในอดีตอันแสนนานของชีวิตที่นั่งล้อมวงกินข้าวกับพี่ ๆ ในครอบครัวของตนเอง ซึ่งผมมักจะได้รับการดูแลเรื่องอาหารการกินอันดีจากพวกเขาเสมอ และที่สำคัญคือเรื่องเล่านานเรื่องก็ถูกถ่ายโยงสู่กันและกันอย่างไม่ปิดบัง ...
วงข้าวของครอบครัว คือ เวทีร่วมทางสายใยที่ร้อยรัดให้คนในครอบครัวรักและผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น.... ซึ่งนานมาแล้ว ผมเคยถูกถามถึงผลการเรียนต่อหน้าพี่ ๆ ในวงข้าวนั้น ๆ และคำตอบของผมก็ยิ่งช่วยให้อาหารในเย็นนั้นมีรสชาติเอร็ดอร่อยขึ้นเท่าตัว ....
หากแต่เรื่องเล่าในวงข้าวของค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของเทศกาลน้ำอย่างคึกคัก เจ้าแผ่นดินเล่าถึงเรื่องการเล่นน้ำของวันนี้อย่างสนุก รวมถึงการพูดโยงถึงโปรแกรมการไปเที่ยวสวนน้ำ (ขอนแก่น) ที่กำลังจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ขณะที่แดนไทก็นำเสนอเรื่องราวของตัวเองที่พบเจอและสัมผัสจากบรรดาญาติ ๆ ที่เข้ามาห้อมล้อม ณ บ้านหนองทับม้า ...
ผมนั่งฟัง - นั่งยิ้ม....ส่วนคุณพ่อก็นั่งฟังและนั่งซักโน่นซักนี่เพื่อเอาใจหลาน ๆ
เย็นวันนั้นอาหารไม่มากมายนัก และดูเหมือนจะเป็นอาหารคนยากเลยก็ว่าได้... แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้นในวงข้าวกลับเต็มไปด้วยชีวิตและรสชาติอันน่าประทับใจ....
ผมรักและหลงใหลอย่างสุดซึ้งกับบรรยากาศใน "วงข้าว" ของเย็นวันนั้นจริง ๆ ...
เณรแผ่นดิน ลาสิกขาบทแล้วเหรอครับ
บรรยากาศทานข้าว เป็นบรรยากาศที่ม่วนซื่นนะครับ หากได้ทานกับคนที่รัก มีความสุขไม่น้อย
ขอให้มีความสุขกับบรรยากาศของครอบครัวและวันแห่งครอบครัว
แวะมาดูบรรยากาศ "กินข้าวฮวมพา กินปลาฮวมปิ้ง.." ครอบครัวอบอุ่นค่ะ
ลูกชายคงได้เรียนรู้แบบ "ภาษาธรรมชาติ" พร้อมกับซึมซับวัฒนธรรมอิสานบ้านเรา
แผ่นดินลาสึกเมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมา...ตอนนี้ดูผอม เพราะช่วงบวชเณรไม่ยอมดื่มนมแม้แต่กล่องเดียว (เพราะกลัวบาป)...ตอนนี้ก็เริ่มทานข้าวมากขึ้นและหันมาดื่มนมเหมือนเคยแล้ว...
ความสุขของการทานข้าวสำหรับผมไม่ค่อยขึ้นอยู่กับรสชาตินัก เพราะปกติเป็นคนทานง่าย ไม่รู้รสชาติอาหาร...แต่การได้ทานกับคนที่เรารักและผูกพัน คือ ปัจจัยอันสำคัญสุดของความสุขในการทานข้าวของผม
ขอบคุณครับ
การเฝ้ามองการเติบโตของลูกเป็นความสุขที่ผมสัมผัสได้ว่ายิ่งใหญ่นัก...ผมไม่เคยลังเลที่จะปล่อยลุกให้ท่องเล่นอยู่ตามวิถีของหมู่บ้าน เพราะนั่นคือการสอนให้เขาได้เรียนรู้ความจริงอันเป็นพื้นฐานของชีวิตและสังคม..และโดยเฉพาะการเรียนรู้รากเหง้าของตนเอง
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่ยากจนแต่ร่ำรวยความสุข...และผมก็มีความสุขที่ได้มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราวอันเป็นความสุขของครอบครัวตัวเอง
ขอบพระคุณครับ...
อบอุ่น อุ่นอก สายใยครอบครัว
มาเยี่ยม...
ทำให้คิดถึงตอนเป็นเด็ก ๆ กินข้าวจุดกะบองแทนไฟฟ้ายามค่ำคืน...อิ่มแล้วนั่งล้อมวงฟังนิทานจากคุณพ่อ...ฮา ๆ เอิก ๆ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
มาร่วมยินดีและปลาบปลื้มใจกับคนที่ " รวยความสุข "..ที่มีอย่างล้นเหลือ..และใจดีเหลือเกินที่เอามาแบ่งปันให้คนรอบข้างได้อิ่มเอมใจไปด้วย
ขอบคุณมากค่ะกับบันทึกที่น่ารักนัก..บันทึกนี้
สวัสดีครับ พี่อัมพร
ไม่อยากบอกเลยว่าพรุ่งนี้จะเดินทางกลับบ้านอีกแล้ว..คิดถึงบ้าน คิดถึงคนที่บ้าน....แต่น้ำมันแพงจังเลยนะครับ...
ช่วงนี้น้อง ๆ ในสำนักงานก็แซวถี่ครั้งว่า "รู้จักทำให้ตนเองมีวันหยุดแล้วสินะ"
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
ผมปรับเปลี่ยนคำหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอขอบพระคุณเป็นย่างสูงที่กรุณาให้คำแนะนำนะครับ
นี่ต้องเป็นคำหลักที่ยาวที่สุดใน GotoKnow เลยนะคะเนี่ย คุณแผ่นดินตั้งใจอย่างนั้นหรือเปล่าคะ
พี่เข้าใจว่าคำหลัก น่าจะเป็นคำสั้นๆ ที่ค้นได้ทีละกว้างๆก่อนน่ะค่ะ แต่ถ้าเราจะให้ unique (หาคำไทยที่ถูกตรงใจไม่ได้ค่ะ ขออนุญาตใช้คำนี้) สำหรับบันทึกชุดนี้ก็คง OK นะคะ (ชักรู้สึกว่าตัวเองดัดจริตจังค่ะ อย่าว่ากันนะคะ) เท่ห์จริงๆค่ะ (คำหลักคำใหม่ของคุณแผ่นดินเนี่ย)
ผมมีเจตนาที่จะใช้คำหลักเช่นนี้จริง และในหลาย ๆ บันทึกผมก็มีคำหลักที่ยาว ๆ เช่นนี้ เนื่องจากต้องการรวมหลายเรื่องมาไว้ด้วยกัน เช่น
บ้าน วิถีทุ่ง คนที่รักและความทรงจำไม่รู้จบ
เปลือยชีวิต คนของความรัก โลกและชีวิต
ถ้ายังจะใช้คำหลักเช่นนี้สืบไปก็คงสามารถเป็นไปได้ใช่ไหมครับ...
สวัสดีครับ อ. แป๋ว
กินข้าวฮวมพา กินปลาฮวมปิ้งกับพ่อ.. และคนของความรัก ถ้าเลือกได้ก็อยากให้เป็นเช่นนี้เสมอไป
ขอบพระคุณครับ
สวัสดีค่ะพี่แผ่นดินน้องชื่อ กร ค่ะ เป็นคนบ้านหนองทับม้า แต่น้องไม่รู้ว่าพี่เป็นใครนะค่ะมีชื่อเล่นที่พี่น้องบ้านเราเรียกกันบ้างหรือเปล่าค่ะพี่ ครอบครัวพี่มีความสุขดีจังค่ะเห็นแล้วยิ้มเลยอ่ะค่ะ ทำให้คิดถึง อีพ่อ กับ อีแม่ที่บ้านจังค่ะ ปีใหม่น้องกลับบ้านเราค่ะ พี่ทำงานอะไรอยู่ค่ะ จังหวัดอะไร ขอโทนะคะที่ถามมาก อยากรู้ค่ะ ได้คุยกับคนบ้านเดียวกันแล้วมีความสุขค่ะ บ้านของพี่ที่อยู่บ้านหนองทับม้า อยู่แถวไหนค่ะ เผื่อว่าบ้านอยู่ไกล้กัน บ้านน้องอยู่แถวบ้านเหนือนะค่ะ เหนือวัดโพธารามค่ะ มีเพื่อนอยู่แถวบ้านเหนือบ้างไหมคะ ขอให้ครอบครัวพี่มีความสุขแบบนี้ตลอดไปนะคะ น้องกร ค่ะ