ผมสัญญากับลูกชายคนโตว่าสงกรานต์ปีนี้จะพาไปเที่ยว “สวนน้ำ” ที่จังหวัดขอนแก่น แต่พอผมไม่มีทีท่าว่าจะพาไปเที่ยวเล่นตามคำสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้ น้องแผ่นดินก็ออกอาการงอนขนานใหญ่
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมเคยพยายามอธิบายว่า (วันที่ 16 เมษายน) วันสงกรานต์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ใครต่อใครก็เลิกเล่นน้ำกันหมดแล้วเช่นกัน กระนั้น ก็ยังไม่เป็นผลใด ๆ จำต้องเก็บข้าวเก็บของขึ้นรถและออกเดินทางไปตามคำสัญญาที่ให้ไว้</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">สงกรานต์.. ชีวิตของผมเต็มไปด้วยการเดินทางแบบชนิดวันต่อวัน จังหวัดต่อจังหวัด เหนื่อยล้าพอ ๆ กับความสุขที่ทะลักล้นเข้ามาสู่ทุกห้องหัวใจ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ชีวิตของผมและคนในครอบครัวที่ผมมักเรียกเสมอว่า “คนของความรัก” เกิดขึ้นและดำเนินไปอยู่ภายในรถยนต์ส่วนตัว เป็นเสมือนชีวิตของคนที่มี “ครอบครัวอยู่กลางถนน”</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">นานมาแล้วผมเคยได้อ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด “ครอบครัวกลางถนน” อันเป็นวรรณกรรมซีไรต์ของศิลา โคมฉาย ซึ่งเรื่องราวได้สะท้อนภาพชีวิตและสถานการณ์ชีวิตของคนในกรุงเทพฯ ที่เผชิญกับภาวะรถติดและติดกันอย่างยาวนานและแสนนาน ถึงขั้นช่วงเวลาที่รถติดยังสามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้อย่างหลากหลาย และนั่นก็เป็นเสมือนภาพของคนกรุงที่มีเสี้ยวชีวิตของครอบครัวอยู่กลางถนนนั่นเอง</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ช่วงเทศกาลน้ำชีวิตของผมก็ดำเนินไปไม่ต่างจากตัวละครในเรื่อง “ครอบครัวกลางถนน” เพียงแต่สภาพชีวิตของเรารถราไม่ติด เราขับแล่นตะบึงได้ตามอัธยาศัย สัญจรไปสู่ความสุขโดยมีคนที่เรารักร่วมเดินทางไปกับเราด้วย</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ทันทีที่รถวิ่งเข้าสู่ตัวเมืองกาฬสินธุ์ ริมถนนบางแห่งยังคงพบคนเล่นสาดน้ำกันบ้างอย่างประปราย ซึ่งน้องแผ่นดินก็ยังไม่วายชี้ให้ผมดูราวกับต้องการจะย้ำว่า “นี่ยังเป็นสงกรานต์ ..เห็นมั๊ยคนยังเล่นน้ำกันอยู่เลย…สัญญาต้องเป็นสัญญา” …</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><p>บรรดาลูก ๆ กินข้าว กินน้ำ .. ร้องรำทำเพลง นอนพักและตีลังกา ท้าตะวันกันในรถคันเล็กของเราอย่างเบ็ดเสร็จ เหนื่อยก็หยุดพัก เพลงก็เปิดอยู่อย่างไม่รู้จบ … ความรื่นรมย์ดำเนินไปราวกับยกบ้านทั้งหลังมาไว้ในรถยนต์ และเปลี่ยนสถานะของรถไปเป็นบ้านที่มีวิถีชีวิตอยู่บนท้องถนน </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">นี่คือภาพส่วนหนึ่งอันน้อยนิดที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางของครอบครัวกลางถนนของผม…</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เป็นการเดินทางเมื่อเทศกาลน้ำซาตัวลง แต่คำสัญญายังต้องเป็นคำสัญญา</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
จริงค่ะ..คำสัญญายังต้องเป็นคำสัญญา
ถ้าเราจะสอนให้เค้าเป็นคนที่คิดแล้วพูด..และเป็นคนจริงทั้งต่อหน้าและลับหลัง
สัญญา..ต้องเป็นสัญญาค่ะ และดีใจยิ่งนักที่เห็นคุณพ่อ คุณแม่ครอบครัวนี้ร่วมกันปลูกฝังต้นอ่อนดีๆให้กับลูกน้อย
-ครอบครัวกลางถนน เคยอ่านเหมือนกันค่ะ
-ลูกชายน่ารักมากค่ะ กี่ขวบกันแล้วคะ ยังดูดนมขวดอยู่เลย
-นี้แหละค่ะ มันคือชีวิตครอบครัว
มีความสุขจังเลยคะ เด็กๆก็น่ารัก ทำงานมาทั้งปี ส่งสัยหายเหนื่อยก็ตอนนี้แหละ (ใช่ไหมคะ)
ครอบครัวกลางถนนเป็นวรรณกรรมที่สะท้อนสังคมได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องราวอันเป็นวิถีชีวิตของคนเมือง ซึ่งผมก็ชื่นชอบในวรรณกรรมเล่มนี้ไม่น้อยเช่นกัน...
กรณีลูกชายหัวกลมเช่นนี้เพราะตอนเล็ก ๆ ผมให้แกนอนหงาย ไม่เน้นนอนคว่ำ หรือตะแคง...เพราะรู้สึก (เอง) ว่าลูกจะได้นอนสบาย ๆ และไม่วิตกว่าโตมารูปทรงของศีรษะจะออกมาในรูปแบบใด
ตอนนี้กำลังจะเที่ยง..เลยถือโอกาสออกจากงานมาเข้าระบบเสียหน่อย...ทานข้าวเที่ยงที่ไหนครับ...
เรื่องของสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายนั้น ช่วงนี้ผมระมัดระวังมาก เพราะแกค่อนข้างจำได้และจำได้ดี...และไม่อยากให้แกรู้สึกว่าเราไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้
เขาเป็นเสมือนต้นกล้าที่ยังต้องการการบ่มเพาะและหล่อเลี้ยงที่ดีจากผู้ที่เกี่ยวข้อง...
ผมและคนในครอบครัวยังต้องทำงานหนักอีกเยอะสำหรับการวางรากฐานที่ดีให้ลูก ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหน วันหนึ่งเขาโตขึ้น อาณาจักรแห่งชีวิตย่อมกว้างขึ้น และเราก็จะดูแลเขาให้มากขึ้น โดยไม่รู้ว่าจะติดตามเขาได้ในระดับใด แต่ตอนนี้ก็ขอเพียงทำเต็มที่และทำเต็มกำลังกายและใจก็พอแล้ว...เพียงหวังว่าวันนี้จะเป็นภูมิต้านทานที่ดีในตัวเขา
ขอบคุณมากครับ...
งามตา |
โอ้พระเจ้า ทำไมเจ้าตัวเข้มเยี่ยงนี้ ไปทำอะไรมาน้อ
โอน้องแดน เจ้าช่างอุดมสมบูรณ์ได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ตกลงถ้าใครไม่รู้จักจะรู้ไหมคะว่าใครเป็นพี่หรือน้องกันแน่ อิอิอิ
napalai |
ลูก ๆ คือมโหรีของชีวิตเสมอ...ตอนนี้บ้านเงียบมาก เพราะปิดเทอมพวกเขาต่างไปอยู่กับปู่และย่า...
เพียงแค่รู้สึก "คิดถึง" ก็หายเหนื่อยได้เช่นกันนะครับ...
ขอบคุณนะครับที่แวะมาให้กำลังใจ
ผมเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนก็มีความสุขในการที่จะบอกเล่าเรื่องราวของลูกอย่างไม่รู้จบ
อันที่จริงผมยังเหลือสัญญากับการต้องพาพวกเขาไปเที่ยวทะเล แต่ตอนนี้เคลียร์เวลายังไม่ได้ ซึ่งก็ได้คุยกับลูก ๆ แล้ว และเป็นที่ดีใจว่าเขาก็เข้าใจและไม่งอแงในเรื่องดังกล่าว...
ชีวิตและความสุขในรถแคบ ๆ เป็นเพียงเสี้ยวชีวิตที่เราสามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ทั่วไปทั้งในบ้าน, ร้านอาหาร, เถียงนา...ฯลฯ
ผมยังมีความสุขที่จะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ต่อไป...อย่างน้อยโตขึ้นลูก ๆ จะได้เห็นถึงความปรารถนาดีที่เรามีต่อพวกเขา
ขอบพระคุณมากครับ
สวัสดีครับ อ.ขจิต
ตอนนี้เด็ก ๆ ที่หมู่บ้านจำนวนไม่น้อยกำลังเรียนพิเศษในช่วงปิดเทอม แต่ลุกผมเต็มที่กับการเล่นและชีวิตชีวิตตามท้องไร่ท้องนา...
ยังไม่สายใช่ไหมครับที่ยังไม่ให้ลูกได้เรียนพิเศษในช่วงนี้...
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
อ่านแล้วก็ขำๆ ลูกย้ำเหลือเกินนะคะว่า สัญญาต้องเป็นสัญญา แสดงว่าคุณพ่อสอนไว้หนักแน่น 555
ดีค่ะ จะทำให้เด็กเป็นคนรักษาคำพูด ต้องปฎิบัติเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ 1,100 กิโลเนี่ย เหนื่อยน่าดูนะคะ คราวหลังต้องสัญญาที่ใกล้หน่อยแล้วมั้ยเนี่ย 555
สองหนุ่มน้อย ตัวกลมจริงๆ
^___^
สวัสดีครับ คุณ
เป็นรสชาตของชีวิตที่ยากจะลืมเลือนนะครับ...
ร่างกายแข็งแรงดีทุกคนนะสามารถพาตระรอนท่องเที่ยวทั่วทุกถิ่นที่...ฮา ๆ เอิก ๆ
อ่านแล้วมีความสุขครับ...
ชีวิตคนต่างจังหวัดอยู่บนถนนก็เฉพาะเดินทางไปท่องเที่ยว แต่คนกรุงเทพใช้ชีวิตอยู่บนถนนทุกเช้า ทุกเย็นครับ...
ขอบคุณมากครับ...
สวัสดีครับ อ.ราณี
น้องนุ้ย
ตอนนี้น้องดินดำเข้มเพราะเล่นสงกรานต์มามาก และแต่ละวันก็เที่ยวเล่นอย่างเต็มที่ ส่วนน้องแดนนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลย อ้วนท้วมสมบูรณ์เกินพิกัด ..กลับมาคราวนี้นุ้ยอุ้มไม่ไหวเป็นแน่...
ไม่คุ้นเคย...ก็คงแยกยาก...ว่าใครเป็นใคร แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ดูที่จุกก็แล้วกัน
ตอนนี้ร่างกายก็ถือว่าแข็งแรงอยู่บ้าง แต่ก็เพียงพอต่อการพาครอบครัวไปไหนต่อไหนได้อย่างสบาย ทำไงละครับ เป็นความสุข และรสชาติชีวิตที่พึงมีและพึงสร้างขึ้นในครอบครัวของเรา...
ขอบคุณครับ
ไม่เพียงแต่หัวเท่านั้นที่กลม แต่ตอนนี้เด็กทั้งสองก็กลมไปทั้งตัวแล้วล่ะครับ
ตอนนี้ยังต้องเล่านิทานก่อนนอนหรือเปล่าครับ
ชีวิตคนต่างจังหวัดอยู่บนถนนก็เฉพาะเดินทางไปท่องเที่ยว แต่คนกรุงเทพใช้ชีวิตอยู่บนถนนทุกเช้า ทุกเย็นครับ...
เป็นความสุขที่แตกต่าง และมีรสชาติไปคนละแบบ
ขอบคุณครับ
คนน้องดูท่าทางจะโตกว่าพี่แล้วนะค่ะ ตัวอ้วนกลม ผิวเข้มขึ้นรึปล่าวค่ะ ... กิน และนอนในรถ เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมเรียกว่าครอบครัวกลางถนน ....
น่ารักมาก วันรวมญาติ ครั้งที่ 2 น่าจะพาไปเยี่ยมคุณปู่ครูบาด้วยมั้ยค่ะ .... ป้าๆ ลุงๆ ทั้งหลายคงมันเขี้ยวน่าดู
สวัสดีครับ อ.แป๋ว..
ตอนนี้..คนน้อง (แดนไท) โตกว่าพี่ชาย (แผ่นดิน) อย่างเห็นได้ชัดและผิวก็เข้มกว่าเช่นกัน...คนพี่ดูเรียบร้อย แต่คนน้องจะห้าวหาญ ...และดูออกจะเก๋า ๆ อยู่ไม่น้อย...
วันรวมญาติครั้ง 2 ยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะช่วงนี้แทบมีเวลาอยู่ในบล็อกไม่เกิน 30 นาที จึงยังไม่ทราบรายละเอียดอื่นใดเลย แต่สักครู่จะแวะเข้าดูรายละเอียดนะครับ
...
ขอบพระคุณมากครับ..