แล้วทุก ๆ อย่างจะผ่านพ้นไป…


 

ครั้นในยามที่เราศร้า เราทุกข์ ทั้งที่เกิดจากอาการเหนื่อกายและเหนื่อยใจ
ครั้นในยามที่เราเหงา เราทุกข์ ทั้งที่เกิดจากสาเหตุของการเปล่าเปลี่ยวกายและเหงาใจ
ครั้งในยามที่เราท้อ เราทุกข์ ทั้งที่เกิดจากปัจจัยของการท้อกายและท้อใจ
เมื่อเราเศร้า เราเหงา และท้อต่อสรรพสิ่งใด ๆ นั้น ขอให้เราระลึกไว้เสมอว่า “แล้วทุก ๆ อย่างจะผ่านพ้นไป...”

ในยามเศร้า เรามักมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีหม่น แม้นจะมีใบไม้สีเขียว ๆ อยู่เต็มต้น เราก็เวียนวนแต่ใบไม้อันเหี่ยวเฉาอยู่ร่ำไป
อันชีวิตอันน้อยนิดนี้สำคัญนัก
ชีวิตอันแสนสั้นนี้ หากต้องจมอยู่ในความเศร้าแล้ว ย่อมก่อโทษไม่สร้างประโยชน์ใด ๆ...

หรือแม้นยามเหงาตอนที่เรานั้นมีสายลมเป็นเพื่อน
สายลมที่ปลิดปลิว พัดเอื่อย ๆ ช่างเย็นจนสะท้านจนจับใจ
สายลมเบา ๆ นั้นส่งเสียงหวีดหวิวจนจับหัวใจ แทรกลึกซ่อนตัวลงไปจนถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจนั้น...

อีกทั้งยามท้อ เพราะเหนื่อย เพราะเมื่อย เพราะตรากตรำ
ในครานั้นเปรียบเสมือนทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นภาระอันหนักอึ้งที่เราต้องแบก
บ่าสองข้างของเรานี้ต้องแบกโลกไว้ทั้งโลก
เส้นเอ็นต่าง ๆ ในร่างกายเต้น ตึง และมัดตรึงกายนี้ให้ทุกข์ต้องแรงดึงอันมีเหตุซึ่งความท้อนั้น


เมื่อเราเก็บความทุกข์ ความท้อไว้ในจิต ชีวิตนี้ย่อมเศร้านัก
ดวงตาคู่นี้จะดูมีสีหม่น
ริมฝีปากอันเรียงนี้จะไร้ซึ่ง “รอยยิ้ม”
แก้มทั้งสองข้างจะไม่มีการก้าวผ่านซึ่งอาหาร “หัวเราะ”
หน้าผากนี้จะย่น คิ้วนี้จะยิ่งขมวด
แขน ขา หน้าอก กรัดเกร็งไปด้วย “ความเครียด”
แล้วนี้ทุข์ก็ย่อมทุกข์อีก ทุกข์ซ้ำแล้ว ทุกข์ซ้ำเล่า...

แต่ “ทุกข์ ทุกครั้ง” ที่เรารู้สึกมีอาการเช่นนี้ขอให้เราระลึกไว้เสมอว่า “แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...”

ไม่มีสิ่งใดที่จะตั้งอยู่อย่างเที่ยงแท้แม้นว่าจะเป็นความรู้สึกทุกข์อย่างแสนสาหัส
ความเจ็บปวด รวดร้าว ระทมใจ ถึงแม้นว่าจะหนักเท่าใด สุดท้ายความทุกข์นั้นก็ย่อมต้องผ่านพ้นไปเช่นกัน

หากเราคิด เราเก็บ เรายึดไว้ จิตใจดวงนี้ก็จะยิ่งเศร้า ยิ่งเหงา ทุกข์ระทม
ความขื่นขม ความตรอมตรม จะแผ่ซ่านเข้าปกคลุมทั้งกายใจ

ขอให้เราได้ปล่อย ได้คลายความรู้สึกทุกข์ ท้อ ระทมนั้นจากใจไปเสียเถิด
ขอให้ความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้น “ผ่านมาและผ่านไป...”
เปรียบเสมือนสายลมที่หวีดหวิด เมื่อมีเสียงดังขึ้นแล้ว ไม่นานเสียงนั้นย่อมแผ่นและเบาลง ไม่นาน ไม่นาน เสียงนั้นก็จะหยุดลง แปรเปลี่ยนเป็น “ความสงบ” เข้าทดแทน

อันชีวิตนี้ก็เป็นเช่นนั้น ไม่นาน ไม่นาน ชีวิตนี้ก็ย่อมต้อง “ผ่านพ้นไป”
ดังนั้นเวลานี้ เวลา ณ ปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ขอให้เราได้ปล่อยความทุกข์ที่ผ่านมาแล้วเราเก็บไว้ ฝังไว้ ในก้นบึ้งแห่งหัวใจ ปล่อยให้มันผ่านไป และ “ผ่านไป”

ปล่อยเขาไปเถิด ปล่อยอารมณ์เหล่านั้นไปเถิด ปล่อยเขาไป ปล่อยเขาไป
ปล่อยสรรพสิ่งให้ผ่านพ้นไปแล้วชีวิตนี้ไซร้ “สงบ” เอย...

หมายเลขบันทึก: 248953เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2009 08:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน 2021 19:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

มองสิ่งที่เห็นเป็นธรรมชาติค่ะ..ไม่ปรุงแต่ง..นั่นอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า..วันใดๆก็เป็นเช่นนี้..แต่วันนี้มันดูเศร้า..เพราะเราเศร้า..

ถนนเส้นนั้นสุดลูกหูลูกตา..เขาสร้างมาอย่างนั้น..แต่เราดูเปล่าเปลี่ยว..เพราะเราคิด

มันเป็นธรรมดา..มันแว้ปไปแว้ปมา..ไม่นาน..แล้วทุกอย่างมันจะผ่านไปค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้ค่ะ

คนที่อะไรผ่านมาแล้วยึดไว้อย่างเหนียวแน่น นี่จัดว่าเป็นวิบากหรือหนี้เก่าแต่หนใดหรือท่าน ?

ไม่อยากเป็นงี้เล้ย

แต่ก็เหอะ เอาเวลาสงสัยมาปฎบัติ รู้กายใจดีกว่า

ได้อ่านหัวข้อเรื่อง ก่อนเข้าอ่านเนื้อเรื่อง ก็ ok แล้วท่าน

อื่ม !!!!แล้วทุก ๆ อย่างจะผ่านพ้นไป… !!!!!

ใช่เราควรปล่อยไป

ไม่ตั้งใจจะกอดรัดไว้

แต่ก็กอดไว้เหนียวแน่น

อยากจะปล่อย แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำไว้ แบกไว้

ไม่รู้จะปล่อยได้ไง จะหาจังหวะปล่อยได้ไง

ปัญหาคือแต่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ากอดไว้

พอมองดีดี ไอ้ความอยาก ทั้งหลายแหล่(ความเห็นแก่ตัวเรานี่แหละ)

นี่แหละเป็นกาวชั้นดียิ่งกว่ากาวตราช้าง

กาวที่เราทาเองด้วยซ้ำ

ก็พอละอายใจ ที่จะเริ่มแงะ

แต่ก็ยอมรับว่ามันยากเหมือนกัน

มันเหนียว แน่นเสียแล้ว

แต่ก็เหอะ ความพยายามอยู่ไหน ความสำเร็จอยู่นั่น

ให้เวลาตนเอง

ความตั้งใจในศีล สมาธิ ปัญญา +ยิ้มๆไว้ แบบท่านสอน

อาจเป็นตัวละลาย กาวอันเหนียวแน่นนั้นได้

ทุกวันนี้เราก็บอกตัวเองงี้แหระ อื่ม !!!!แล้วทุก ๆ อย่างจะผ่านพ้นไป… !!!!!

ความทุกข์ ความสุข ความเหงา เป็นเพียงสิ่งที่ผ่านมาชั่วคราวเท่านั้น เดี๋ยวก้ผ่านพ้นไป ทำให้ดีที่สุด แล้ว ความสุข ไม่ทุกข์ ไม่เหงาจะเข้ามาแทนที่ค่ะ

คนที่อะไรผ่านมาแล้วยึดไว้อย่างเหนียวแน่น นี่จัดว่าเป็นวิบากหรือหนี้เก่าแต่หนใดหรือท่าน ?

อื่ม หลายหนเลยแหละ...!

ทั้งปัจจุบันชาติ และอดีตชาติ หลายภพหลายชาติเลย

เพราะถ้าเราไม่ยึดไว้เราก็คงไม่ได้เกิดมา

การที่ได้เกิดมาในภพใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นสุขคติ หรือทุกคติ ล้วนแล้วแต่มีเหตุมีปัจจัยจากการยึด การถือเป็นสำคัญ

หากเราปล่อย เราวางได้หมด แต่ก็ปลดเปลื้องสาเหตุแห่งการเกิด

แล้วการปล่อยการวางนั้นแล เป็นหลักแห่งการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่จะค่อย ๆ ให้เราวาง เราคลายยึดการยึดและความถือนั้น...

ยิ้มไว้ ยิ้มไว้ แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วย "รอยยิ้ม"

หากเราหน้าบึ้ง หน้าตึง หน้าเครียด ทุก ๆ อย่างจะยืนอยู่บนความตึง ความเครียดเหล่านั้น

ถึงแม้นว่าอารมณ์นั้น มิว่าจะเป็นทุกข์ หรือเป็นสุข จะอยู่นานหรือไม่

แต่ถ้าสิ่งนั้นยังอยู่ เราก็ขอให้อยู่บนรอยยิ้ม อยู่ร่วมด้วยกับเสียงหัวเราะ

ยิ้มรับทุกข์ ยิ้มสู้สุข

ยิ้มไว้ใจก็สบายได้ไปครึ่งหนึ่ง

ยิ้มไว้นะ ยิ้มไว้...

สาธุ ขอบพระคุณ

สังเกตุบางคน ไม่กี่ชั่วโมง ลืม

บางคน ไม่กี่วันลืม

บางคน หนึ่งเดือนคลาย

บางคนหนึ่งปี จาง

แต่บางคน คิดอยู่นั่นแระ สดใหม่ทุกวัน งี้แย่ทำร้ายตั้วเองไม่รู้ตัว

ขอบพระคุณท่านที่เขียนสิ่งดีดีเตือนสติทุกวัน

ว่างจากงานยุ่งๆ แวะมาทุกวันก็ได้อะไรทุกที

สวัสดีค่ะ อ่านบทความนี้แล้วประทับใจมากค่ะ

ตอนนี้กำลังพิมพ์บทความนี้เก็บไว้อ่านยามมีอาการ เศร้า เหงา เครียด อยู่ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่เขียนอะไรดีดีให้อ่านอยู่เสมอ ( เป็นแฟนประจำ blog นี้ค่ะ )

เมื่อคราเหงาเรามักมองท้องฟ้าเป็นสีหม่น

ความร้อนจากไอแดดจักปลอมปนเข้าสู่สรรสภางค์กาย

ชีวิตนี้เมื่อต้องอยู่คนเดียวและคิดว่าอยู่คนเดียว จิตใจมักจะต้องเข้าไปเกาะเกี่ยวด้วยความเหงา

แต่ทว่า หากใจเราตั้งมั่นด้วยศีลแล้ว การอยู่คนเดียว ณ เวลานั้นย่อมเป็นโอกาสที่พิเศษ

โอกาสที่เราจะได้อยู่เงียบ ๆ พิจารณารอยย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

ครั้งเมื่อเรามีคนอยู่รองกาย จิตใจของเรามักสับสนไปกับผู้คนที่มักสับสนวุ่นวายนั้น

แต่ครั้งที่โอกาสผ่านเข้ามากับการที่เราเหงา ๆ อยู่คนเดียว หากเราแปรเปลี่ยนความเปล่าเปลี่ยวให้นั้นเป็นเพื่อน

พิจารณาความเปล่าเปลี่ยวดูซิว่า ความเปล่าเปลี่ยวนี่เป็นอย่างไรนะ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ยาวนานแค่ไหนที่ความเปล่าเปลี่ยวนี้จักผ่านพ้นไป

ความเหงามักทำให้จิตใจคนเรานั้นเศร้าอย่างเอกา

ถึงแม้นมีผู้คนนับร้อยอยู่เคียงข้าง หากเราคิดว่าเราเหงา เราก็ย่อมเหงาอยู่นั่นเอง

หากแม้นวันนี้เราอยู่ตัวคนเดียว อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่อาศัยอยู่รอบกาย หากจิตใจของเรามีสุข สุขจากการกระทำดีทั้งอดีตและ ณ ปัจจุบัน ใจของเราย่อมไม่เหงา

เมื่อคราเหงาขอให้เราเริ่มต้นทำความดี

ถูบ้าน กวาดห้อง เก็บกวาด ทำความสะอาด จัดโต๊ะหนังสือ พับเสื้อผ้า ล้างตู้เย็น ทำกับข้าว

หรือถ้ามีโอกาสดีที่ได้อยู่กับพ่อ กับแม่ หรือผู้มีพระคุณ ก็ขอให้ปฏิบัติท่านอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง ทำด้วยจิตใจที่ดี จิตใจที่เสียสละ

ความเหงานั้นก็จักกลายเป็นความเข้มแข็ง

คนเหงานั้นก็ทุกข์อย่างหนึ่ง คนมีเพื่อนมากก็ทุกอีกอย่างหนึ่ง

เพราะความทุกข์นั้นอยู่ที่ใจ โดยเป็นใจของเราเอง

ขอให้ปลดปล่อยความเหงาให้ผ่านพ้นไป

ความเหงาเป็นสิ่งธรรมดา เป็นธรรมชาติที่ผ่านมา และเขาก็ต้องผ่านพ้นไป

อย่าเก็บความเหงาไว้ในใจ ด้วยเสียงลมแผ่ว ๆ

อย่าเก็บความเหงาไว้ในใจ ด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดง

อย่าเก็บความเหงาไว้ในใจดวงนี้ที่ปลดปลง

ขอท่านจงปล่อยความเหงาให้ผ่านพ้นไป

เมื่อความเหงาเข้ามาแล้วความเหงาจะผ่านพ้นไป

อาจจะนานสักหน่อยหนึ่ง แต่ความยาวนานที่ยังอยู่นั้นจักทำให้เราเข้มแข็ง

หากมีเวลาลองมองย้อนกลับดูชีวิตที่ผ่านมา ว่าความเหงาผ่านเข้ามาและผ่านไปแล้วกี่ครั้ง แลกี่หน

ดูเราสิว่า เราทุกข์ เราเศร้า เราเหงาแค่ไหน

แล้วต่อมาดูสิว่าความเงียบเหงาเหล่านั้นมันผ่านพ้นไปได้อย่างไร

ความเหงามีคุณค่าแก่ชีวิต ขอเพียงปลิดทิ้งความเหงาให้ผ่านพ้นไป...

แล้วความเหงานั้นก็จะผ่านพ้นไปเช่นกัน

เข้ามารับกำลังใจค่ะ ตามมาจากบันทึก ความเศร้าและความเหงา... กำลังอยู่ในภาวะที่บันทึกนี้มีคำตอบให้

ขอให้ความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้น “ผ่านมาและผ่านไป...” ขอบพระคุณค่ะ

ปล่อยเขาไปเถิด ปล่อยอารมณ์เหล่านั้นไปเถิด ปล่อยเขาไป ปล่อยเขาไป
ปล่อยสรรพสิ่งให้ผ่านพ้นไปแล้วชีวิตนี้ไซร้ “สงบ” เอย...

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท