เมื่อคราเหงาเรามักมองท้องฟ้าเป็นสีหม่น
ความร้อนจากไอแดดจักปลอมปนเข้าสู่สรรสภางค์กาย
ชีวิตนี้เมื่อต้องอยู่คนเดียวและคิดว่าอยู่คนเดียว จิตใจมักจะต้องเข้าไปเกาะเกี่ยวด้วยความเหงา
แต่ทว่า หากใจเราตั้งมั่นด้วยศีลแล้ว การอยู่คนเดียว ณ เวลานั้นย่อมเป็นโอกาสที่พิเศษ
โอกาสที่เราจะได้อยู่เงียบ ๆ พิจารณารอยย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ครั้งเมื่อเรามีคนอยู่รอบกาย จิตใจของเรามักสับสนไปกับผู้คนที่มักสับสนวุ่นวายนั้น
แต่ครั้งที่โอกาสผ่านเข้ามากับการที่เราเหงา ๆ อยู่คนเดียว หากเราแปรเปลี่ยนความเปล่าเปลี่ยวให้นั้นเป็นเพื่อน
พิจารณาความเปล่าเปลี่ยวดูซิว่า ความเปล่าเปลี่ยวนี่เป็นอย่างไรนะ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ยาวนานแค่ไหนที่ความเปล่าเปลี่ยวนี้จักผ่านพ้นไป
ความเหงามักทำให้จิตใจคนเรานั้นเศร้าอย่างเอกา
ถึงแม้นมีผู้คนนับร้อยอยู่เคียงข้าง หากเราคิดว่าเราเหงา เราก็ย่อมเหงาอยู่นั่นเอง
หากแม้นวันนี้เราอยู่ตัวคนเดียว อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่อาศัยอยู่รอบกาย หากจิตใจของเรามีสุข สุขจากการกระทำดีทั้งอดีตและ ณ ปัจจุบัน ใจของเราย่อมไม่เหงา
เมื่อคราเหงาขอให้เราเริ่มต้นทำความดี
ถูบ้าน กวาดห้อง เก็บกวาด ทำความสะอาด จัดโต๊ะหนังสือ พับเสื้อผ้า ล้างตู้เย็น ทำกับข้าว
หรือถ้ามีโอกาสดีที่ได้อยู่กับพ่อ กับแม่ หรือผู้มีพระคุณ ก็ขอให้ปฏิบัติท่านอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง ทำด้วยจิตใจที่ดี จิตใจที่เสียสละ
ความเหงานั้นก็จักกลายเป็นความเข้มแข็ง
คนเหงานั้นก็ทุกข์อย่างหนึ่ง คนมีเพื่อนมากก็ทุกอีกอย่างหนึ่ง
เพราะความทุกข์นั้นอยู่ที่ใจ โดยเป็นใจของเราเอง
ขอให้ปลดปล่อยความเหงาให้ผ่านพ้นไป
ความเหงาเป็นสิ่งธรรมดา เป็นธรรมชาติที่ผ่านมา และเขาก็ต้องผ่านพ้นไป
อย่าเก็บความเหงาไว้ในใจ ด้วยเสียงลมแผ่ว ๆ
อย่าเก็บความเหงาไว้ในใจ ด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดง
อย่าเก็บความเหงาไว้ในใจดวงนี้ที่ปลดปลง
ขอท่านจงปล่อยความเหงาให้ผ่านพ้นไป
เมื่อความเหงาเข้ามาแล้วความเหงาจะผ่านพ้นไป
อาจจะนานสักหน่อยหนึ่ง แต่ความยาวนานที่ยังอยู่นั้นจักทำให้เราเข้มแข็ง
หากมีเวลาลองมองย้อนกลับดูชีวิตที่ผ่านมา ว่าความเหงาผ่านเข้ามาและผ่านไปแล้วกี่ครั้ง แลกี่หน
ดูเราสิว่า เราทุกข์ เราเศร้า เราเหงาแค่ไหน
แล้วต่อมาดูสิว่าความเงียบเหงาเหล่านั้นมันผ่านพ้นไปได้อย่างไร
ความเหงามีคุณค่าแก่ชีวิต ขอเพียงปลิดทิ้งความเหงาให้ผ่านพ้นไป...
แล้วความเหงานั้นก็จะผ่านพ้นไปเช่นกัน