ทำเว็บของกลุ่มภารกิจ ก็ยังรู้สึกสนุกอยู่
จากนั้นก็เตรียมการประชุมระดมความคิดฝ่าวิกฤติไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็เห็นกันตั้งแต่ความตั้งใจในการจัดเวทีการประชุมของฝ่ายที่สนับสนุนการจัดการประชุมฯ เป็นความตั้งใจที่จะเนรมิตให้เวทีเป็นเหมือนกับการพูดคุยกันที่โต๊ะรับแขก สร้างบรรยากาศคล้ายจะเป็นเคเอ็มแบบพื้นบ้าน ถึงเวลาความริเริ่ม ก็สูญสลายไปเพราะไม่ตรงกับคนที่จะใช้เวที
วันนี้ไม่เออออห่อหมกด้วย เพราะเป็นเวทีที่จริงจังและซีเรียสค่อนข้างมาก ก็ไม่มีอะไรนอกจากร่วมแรงร่วมใจกันจัดใหม่
เวทีที่เค้าต้องการก็คือ มีผู้นำเสนอนั่งอยู่ที่โต๊ะทั้งหมด ก็ 5 ท่าน
ไม่นานทุกอย่างก็สามารถเริ่มเดินกันต่อไป วิทยากรผู้มีส่วนรับผิดชอบต่องานไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็นำเสนอผลการรักษาและการควบคุมที่ได้ทำกันมา เรียนรู้กันมา ผลลัพธ์ที่ได้ คือ การเรียนรู้จากการทำจริงนั่นเอง การนำเสนอแง่มุมต่างๆ ในการทำจริงของแต่ละแผนก ก็เรียงลำดับจากท่านที่หนึ่ง สอง สาม..จนครบ อรรถรสก็แตกต่างตามสไตล์ของวิทยากร และต่อไปก็เป็นการสะท้อนปัญหาต่างๆ จากคนทำงานที่นั่งอยู่ที่ตัวยูด้านล่าง รวมทั้งเสนอความพร้อมในด้านต่างๆ ที่ตนเองรับผิดชอบแก่เวที มีการแนะนำ ปรับแต่ง นำสารพัดจากอินเตอร์เน็ตและแนวทางของรัฐมนตรีมาบูรณาการโดยกำหนดเป้าหมายให้เป็นไปตามนโยบายด้วย
เมื่อทุกอย่างดำเนินการมาครบถ้วนกระบวนความ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือในเวทีทุกคนเรียนรู้ได้เท่าๆ กัน รับรู้ถึงความทุกข์ความสุขต่างๆ เท่าๆ กัน เมื่อจะกลับบ้านทุกคนก็ได้แนวทางที่จะเดินต่อไปเหมือนกัน สามารถเดินไปด้วยกันได้ เกิดคำว่าทีมขึ้น
ก่อนกลับ ผู้บริหารก็แจกน้ำผลไม้ให้เป็นกำลังใจเพื่อจะได้สู้กับงานหนักที่แบกกันอยู่ต่อไป
ทิ้งท้ายไว้กับ ไข้หวัดใหญ่ 2009 ตอนนี้นี่คือระยะที่ 5 การทำงานต้องเร็ว ผู้ป่วยต้องปลอดภัย สิ่งที่รอได้ให้ทำทีหลัง...
วันนี้ มีข่าวค่ะ
07-08-2009
First wave of swine flu ‘has passed peak'... 30,000, against 110,000 the week before.
วันนี้ รมว.สาธารณสุข ออกมาประกาศว่า อัตราการป่วยลดลงแล้ว เพราะประชาชนตื่นตัวดูแลตัวเองกันมากขึ้น
แสดงว่า ถ้าคนเรา ตั้งใจดูแลตัวเองแล้ว การระบาด จะลดลงแน่นอนนะคะ
ปลอดโรคปลอดภัยนะคะ
ผมเห็นด้วย จำเป็นมากเลยต้องเสริมกำลังใจ สติ สตางค์ด้วย
นาทีนี้คนเป็นหมอ ต้องภาคภูมใจมากๆ เพราะนี่แหละคือ หมอจริงๆ