วันนี้ไปออกตรวจที่รพ.โฮลี่แฟมมิลี่ เป็นรพ.ผู้สูงอายุที่แบ่งเป็น 3 wards
คนไข้ใน complex care และ palliative care ทุกคนต้องได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากปีละครั้ง
วันนี้ไปตรวจมา 20 คน เหนื่อยเพราะว่าต้องเดินตลอด เข้าห้องโน้นออกห้องนี้ ไม่ได้อยู่ในคลินิกเหมือนชีวิตหมอฟันทั่วไป
มีอยู่ห้องนึงน่ารักมาก มีกันอยู่ 4 เตียง คุณยายที่เราไปหานั่งอยู่กับลูกสาว ให้ลูกสาวทาเล็บให้อยู่ ส่วนอีก 2 ท่านนั่งบนรถเข็นเตียงข้างๆ คุยกันกระหนุงกระหนิง (อีกคนหายไปไหนไม่ทราบ สงสัยไปข้างนอก เช่น ไปล้างไต หรือ ไป X-ray)
เราตรวจคุณยายคนที่อยู่กับลูกสาวอยู่ ได้ยินคุณยายอีกสองคนเตียงข้างๆคุยกัน (เสียงดังมากเพราะท่านหูไม่ดีทั้งคู่)
เฮ้อ ได้เจออะไรแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะก่อนที่จะมาตรวจห้องนี้ เห็นคนไข้ห้องอื่นๆแล้วสงสาร บางคนร้องตลอดเวลาเพราะปวด บางคนนอนตัวคู้เลย บางคนนัยน์ตาไม่มีแววแล้ว เหม่อๆ เหมือนชีิวิตนี้ไม่มีความหมายอีกต่อไป บางคนก็กลายเป็นคนก้าวร้าว ไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ เห็นมากๆแล้วก็หดหู่ และปลงในชีวิตทุกครั้ง
วันนี้กลับมาบ้านแล้วพูดกับสามีว่าการดูตาคนไข้นั้นบอกได้เลยว่า ใครทุกข์ใครสุข แล้วมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายด้วย บางคนร่างกายแย่ มีโรคมากแต่ตาสดใส ดูมีชีวิต บางคนโรคน้อยกว่าแต่ดูทุกข์ไปหมด เห็นคนที่ทุกข์แล้วก็ทุกข์ตาม แต่พอได้เห็นคนที่อารมณ์ดีๆอย่างคุณยายทั้ง 3 คนที่อยู่ห้องเดียวกันแล้วก็ทำให้คิดได้ว่า
"pain is inevitable but suffering isn't"
และปัจจัยสำคัญที่เห็นวันนี้คือ "ลูก และ เพื่อน" นั่นเอง สภาพร่างกายนั้นไม่สำคัญเท่า
การมีคนที่รักและห่วงใย ไม่ว่าจะรู้จักมานานหรือเป็นเพื่อนใหม่ก็ดีทั้งหมด
---------------------------------------------------------------------
คลิกเพื่ออ่านบันทึกทีแล้ว: เคล็ดลับอายุยืน | เรื่องเล่าจากประสบการณ์การทำงานทันตกรรมผู้สูงอายุ (8)
สวัสดีค่ะคุณหมอมัท