[ภาพจาก www.forestsangha.org]
อาจารย์ธีรธัมโม เป็นคนที่นี่ค่ะ ท่านเป็นศิษย์เก่า UBC (University of British Columbia) เหมือนกัน ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ต่างชาติของอาจารย์ชาค่ะ เวลาท่านกลับมาบ้านมาเยี่ยมญาติที่นี่ ท่านก็จะเสียสละเวลา 1 วันเต็มมาสอนการเจริญสติและสนทนาธรรมกับผู้ที่สนใจโดยไม่คิดเงิน
สำหรับในแวนคูเวอร์นี้ ชาวต่างชาติให้ความสนใจศึกษาด้านจิตวิญญาณทางฝั่งตะวันออกกันมาก มากซะจนมีการบัญญัติศัพท์ขึ้นมาว่าเป็น spiritual consumersim
retreat ที่ไม่คิดค่าใช่จ่ายแบบนี้หาไม่ง่ายนักค่ะ
งานนี้จัดขึ้นได้เพราะความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มมิตรไทย (Friends of Thailand) และ ภาควิชา Pacific Rim Studies ของวิทยาลัยชุมชนที่นี่ชื่อว่า Langara College
ฝรั่งที่รักเมืองไทย รู้เรื่องเมืองไทยแบบลึกซึ้งมีมากนักค่ะ พูดไทยกันเก่งๆทั้งนั้น เจอครั้งแรกๆทึ่งมากค่ะ เมื่อวานตอนนั่งสมาธิเสร็จรอบแรก คุณแม่ของเพื่อนที่บินมาจากเมืองไทยยังพูดขึ้นมาเลยว่า น่าอายฝรั่งพวกนี้จัง นั่งสมาธิกันนิ่งๆทั่งนั้น ฝรั่งพวกนี้เดินผ่านผู้ใหญ่ก็ก้มหัวนะคะ กราบพระแบบเบญจางคประดิษฐ์ชนิดที่คนไทยอายเลยค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------
ท่านอาจารย์ธีรธัมโม มาช่วยจัด 1 day retreat แบบนี้มาเป็นครั้งที่ 5 แล้วค่ะ
คนเข้าร่วมประมาณ 80 คน
ตารางกิจกรรมก็ประมาณนี้ค่ะ
[เดินจงกรมทั้งภายในและนอกอาคาร]
--------------------------------------------------------------------------------
สำหรับคนที่ศึกษาพุทธศาสนามานาน มาฟังท่านสอนก็ยังได้อะไรใหม่ๆมาเสมอ
1.
ผู้เขียนชอบที่ท่านเน้นว่า ความโกรธเนี่ยะ ถึงแม้ว่าเราจะโกรธเพราะราเห็นว่าคนนั้นทำไม่ถูกหลักมนุษยธรรม ทำไม่ถูก righteousness ยังไงซะมันก็เป็นพิษต่อจิตทั้งนั้น จะมาคิดว่าเพราะเราเห็นแจ้งแล้วเราจึงมีสิทธิโกรธและ ตอบโต้แบบไร้สติได้นั้นไม่ดีต่อจิตใจเรามากๆ
โกรธได้ แต่ให้มันเป็นระดับ body sensation ให้เป็นระดับที่จิตเรารู้ว่าความโกรธในใจเรามีอยู่เกิดขึ้น แต่อย่าไปปรุงแต่งต่อ อย่าไป personalise มัน
มันเกิดความโกรธขึ้นมาแล้วก็รับรู้ไว้ มีสติว่ามันเกิด ถึงมันไม่หายไปง่ายๆ อย่างน้อยซะ เราก็ยังได้ทำหน้าที่หยุดการเจริญเติบโตมันไว้แค่นั้น ไม่ให้มันถูกพัฒนาไปให้เลยเถิดไกลกว่านี้
พอใจเรานิ่ง เงียบขึ้น เราก็จะเห็นอะไรชัดขึ้น คิดหาทางตอบโต้ที่สร้างสรรค์ได้ ไม่ใช่ว่าตอบโต้ไปแบบนิสัยที่เคยชินเป็น habitual reactive syndrome แบบไม่ได้ใช้ปัญญา
2.
อ.บอกว่า ความโกรธ (anger) หน่ะมีโครงสร้างไม่ซับซ้อน แต่เมื่อใดที่เราไปพัฒนามัน ไปสะสมมัน ไม่จัดการทำความรู้จักมันแต่เนิ่นๆ ปล่อยให้มันกลายเป็นความขุ่นเคืองแค้นใจ (resentment) หรือความเกลียดชัง (hate) แล้วหล่ะก็ ลำบากหน่อยหล่ะ คุณต้องทำงานหนักข้ึนไปอีกหลายเท่า
ท่านเปรียบเทียบความโกรธว่าเป็นเหมือนหิมะถล่ม (Avalanche) มันน่ากลัวแต่มันมีโครงสร้างที่หลวมๆ และเคลื่อนไหวอยู่ตลอด
ส่วนความขุ่นเคืองแค้นใจระยะยาวหรือความเกลียดชังมีโครงสร้างที่เกาะแน่น เหมือนหิมะที่ถล่มกองลงมาสุมที่ตีนเขา หิมะที่ตีนเขานี้แพคอัดตัวกันแน่นมาก ต้องขุดลงไปช่วยด้วยอุปกรณ์พิเศษ
ผู้เขียนนึกถึงวีดีโอที่เคยดูใน YouTube เป็นคนเล่น snowboard ลงมาจากเขาแล้วมีหิมะถล่มตามลงมา เขามีทักษะ ไม่ล้มสามารถเล่น snowboard ต่อลงมาได้ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นรอดจากการโดนกองหิมะทับ เพราะถ้าโดนทับแล้วนี่โอกาสรอดต่ำมาก เหมือนโดนกักอยู่ในน้ำแข็ง
เราต้องมาสร้างทักษะนี้ด้วยการเฝ้าดูจิตใจเราให้ดีๆ
[ไว้จะมาบันทึกต่อค่ะ วันนี้เท่านี้ก่อน]
ต่อตอน 2 ที่นี่ค่ะ