WALL-E and THEORY U


WALL-E and THEORY U

ปีนี้ Pixar มีภาพยนต์ animation น่ารักๆเรื่อง WALL-E มาให้ชม ถึงตอนนี้หลายๆคนคงจะได้ดูกันไปเรียบร้อยแล้ว ผมไปดูเรื่องนี้ครั้งแรกก็ชอบมากเลย ออกจากโรงหนังเดินวนเวียนไปมาหลายรอบว่าจะดูอีกสักรอบดีไหมหว่า เดินไปเดินมาเลี้ยวเข้าอีกโรงไปเสียฉิบ (ปกติผมจะชมภาพยนต์ตามโรงหนังคืนละ 2-3 เรื่อง เพราะไม่ค่อยมีเวลามากรุงเทพฯ ... เด็กบ้านนอกอ่ะ  มาทีเลยต้องเอาให้คุ้ม)

WALL-E มีเสน่ห์น่ารักหลายมิติ คือเราจะดูแบบดูกับลูกก็ได้ (พ่อๆ นั่นทำอะไรน่ะ เมื่อกี้อะไรน่ะ ตะกี้พ่อหัวเราะอะไรอ่ะ มันว่าอะไรอ่ะพ่อ ฯลฯ) ดูแบบผ่อนคลายสบายๆ ดูแล้วกลับมาคิดต่อก็ได้ เพราะเรื่องนี้มีอะไรที่ทำให้เราคิดต่อได้เยอะเหมือนกัน

เริ่มต้นปูพื้น WALL-E หุ่นน้อยของเราที่ถูกสร้างมาเพื่อกำจัดขยะให้โลกใบนี้ (WALL-E ย่อมาจาก Waste Allocation Load Lifter Earth Class หรือเครื่องจักรลำเลียงขยะ ระดับชั้นโลก) ทำงานอย่างซื่อสัตย์บนโลก หลังจากที่มนุษย์ทิ้งโลกจมขยะไปอย่างไม่คิดจะหวนกลับมาถึง 700 ปีแล้ว ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ปรากฏว่าแบตเตอรีดีมาก ไม่เจ๊งเลย เนื่องจากเป็นหุ่นยนต์ สิ่งที่ผลักดันหุ่นยนต์ก็คือโปรแกรมที่ออกมาแบบมันขึ้นมาว่า "อะไรคือ life-time mission" หรือพูดง่ายๆก็คือ "เกิดมาเพื่ออะไร" นั่นเอง

หนังเรื่องนี้มี essence ของ "mission" เยอะมาก มีทั้ง mission ของ WALL-E และของตัวละครอื่นๆมากมาย จะว่าไป theme ของหนังเรื่องนี้ก็ว่าด้วย MISSION ของสรรพสิ่งต่างๆนี้เอง และถูกใช้เป็นกลไกดำเนินเรื่องตลอดทั้งเรื่อง

EVE (Extraterrestrial Vegetation Evaluator) หุ่นสาวเพรียว เปรี้ยว จี๊ด  มาโลกด้วย secret mission คือการค้นหาพืช เพื่อเป็นสัญญานว่าโลกได้กลับไปสู่ inhabitable หรือ "อยู่ได้แล้ว" หลังจากที่ถูกกลบไว้ด้วยขยะเกินกว่าที่มนุษย์จะทำอะไรได้ EVE ก็ถูกโปรแกรมมาเช่นกัน และพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ "พันธกิจ" ของเธอบรรลุเป้าหมาย

EVE ยังมีเครื่องมือเครื่องไม้หลายอย่าง มีช่อง detect สิ่งมีชีวิต เครืองตรวจจับพืช และช่องเก็บตัวอย่างไว้ในลำตัว บินได้ด้วยความเร็วสูง อ้อ มี LIGUID-COOLED QUASAR ION CANNON ปืนใหญ่ประจุควอซาร์ที่แขน เพราะเธอมาทำงานในที่ที่อาจจะอันตราย (ปรากฏว่าเธอเองที่อาจจะเป็นอันตรายมากกว่า!!)

M-O (Microbe Obliterator) เป็นหุ่นทำความสะอาด จะออกมาทำงานเมื่อใดก็ตามที่มี mission ส่งใครออกไปใน space เพื่อป้องกันการนำเอา foreign contaminants หรือสิ่งแปลกปลอมจากต่างดาวเข้ามาระบาด M-O ก็จะเข้าไปเช็ด ถู ขัด ทำความสะอาดให้เกลี้ยงเกลา ในทันทีทันควัน

การซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของ M-O กลายเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ M-O ช่วยชีวิต WALL-E และ EVE ได้

AUTO หรืิอ autopilot ของยามอวกาศที่อพยพชาวโลก ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ตามที่ได้ programmed ไว้เช่นกัน เพียงแต่ว่าสิ่งที่โปรแกรมไว้ทั้งหมดนั้่นคืออะไร? และเป็นประโยชน์ต่อใคร?

หุ่นยนต์ทุกตัวในเรื่องนี้ ถูกโปรแกรมให้ทำงาน ทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง มีน้อยตัวมากที่จะสนใจในตัวเอง ว่าตัวเองต้องการอะไร ทำให้พระเอกของเรา (WALL-E) มีความ unique เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะมันทำงานมานานมากเกินไป (กว่า 700 ปี) อยู่คนเดียว (เอ.... หรือตัวเดียว ตนเดียว อันเดียว??​หว่า) จนกระทั่ง WALL-E เริ่มพัฒนา "บุคลิกภาพ" ขึ้นมา เป็นหุ่นขี้สงสัย และมีหัวประติมากรรมทีเดียว (ดูจากการเอา block ขยะมาสร้างเป็นตึกระฟ้ามากมาย)

และข้อสำคัญคือ WALL-E นั้น รู้สึก "เหงา" มาก!!

WALL-E มีเพื่อนเป็นแมลงสาบอยู่ตัวนึง (สมกับคำพยากรณ์ว่าแมลงสาบจะครองโลก เพราะมันมีศักยภพในการปรับตัวสูงมาก) แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้ WALL-E หายเหงา แถมยังต้องคอยมองซ้าย มองขวา ไม่งั้นก็อาจจะถูกเหยียบทับแบนตะแลดแต๊ดแต๋ไปเมื่อไรก็ได้ พอได้มาเจอกับ EVE ก็ตกหลุมรักเข้าให้เต็มดวงใจ (hard-drive และ CPU) ทันที มิใยที่น้อง EVE จะเชือนแช แต่ WALL-E ก็ไม่ย่อท้อ ถือคติตื๊อเท่านั้น ที่ทำให้พี่ครองโลกมากว่า 700 ปี

เอ.... ยังไม่เข้าเรื่อง Theory U สักที แหะ แหะ ไม่ได้เขียนวิจารณ์หนังสักกาหน่อยนิ

WALL-E เริ่มลง abstract mode ทันทีที่เริ่มภาพยนต์ แต่ที่มาเอาจริงจังก็ตอนในอวกาศนี่เอง โลกที่มนุษย์ได้นิราศจากบ้านเกิดเมืองนอน เพราะขยะล้นพิภพ เป็นโลกแห่ง automatic และความสะดวกสบาย ด้วยเทคโนโลยีสุดก้าวหน้า มนุษย์แทบจะหาหน้าที่ของขาและเท้าไม่เจอ เพราะวันๆนั่งอยู่บน mobile transporters เป็นเก้าอี้ปรับนอนได้ วิ่งไปวิ่งมาไปไหนก็ได้ พร้อมเครื่องมือเครื่องไม้อำนวยความสะดวกบนเก้าอี้ครบถ้วน คนในยานลำนี้ก็เลยมีรูปร่างเหมือนกันหมด คือ อ้วนเป็นตุ่ม (เพราะเอาแต่กินกะนอน) แขนขาสั้นเต่อ ไม่มีเรี่ยวแรง ทำอะไรก็เป็น voice-command fully automatic robot หมดทุกอย่าง

มนุษย์ถูก reprogrammed ให้ตกอยู่ในสมองแห่งการรับรู้เฉพาะความสะดวกสบายที่ยานลำนี้จัดมาให้เท่านั้น วันๆกจะสวมหมวก minitheatre มีภาพสามมิติ ป้อนข้อมูลให้สมองโดยตรง บอกว่าวันนี้ต้องทำอะไร (หรือจริงๆก็คือ "ไม่ต้องทำอะไร") วันนี้เป็นวัน OK อีกวัน เป็นวันที่กำลังผ่านไปอีกวัน เหมือนเมื่อวาน และจะเหมือนวันพรุ่งนี้ และวันต่อๆไปอย่างที่เป็นมาโดยตลอด 700 ปี หลายรุ่น หลายชั่วอายุแล้ว

มนุษย์ตกอยู่ใน Blindspot แบบสุดๆ!!

เมื่อทุกอย่างซ้ำซาก routine ก็แทบจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น น่าสนใจอีกต่อไป WALL-E ที่เป็นห่่นแปลกหน้ามา ก็ผ่านไปมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์บางคน ซึ่งก็ตอบรับอย่างงวยงง ไม่แน่ใจว่า WALL-E เป็นหุ่นของยานนี้รึเปล่า เพราะไม่มีอะไรแปลกปลอม ผิดแผกไปจากเดิมมาตลอดทั้งชีวิต

CANNOT RECOGNIZE WHAT YOU SEE

เมื่อไรก็ตาม ที่เราหมดความสามารถแยกแยะเรื่องราว ความเป็นไป จากสิ่งเดิมออกจากสิ่งใหม่ๆ ไม่มีความคาดหวังอะไรเพิ่มเติมจากที่มี จากที่เป็นอยู่ คนก็หมดความทะเยอทะยาน หมดหนทางแห่งมิติของการผจญภัย ความตื่นเต้นแห่ง unknown และข้อสำคัญก็คือ สิ่งที่กำลังรู้ หรือคิดว่ารู้ คิดว่าเข้าใจนั้น อาจจะเป็น illusion ขนาดยักษ์ก็ได้

ตอนที่ชาว space เริ่มถอด helmet แว่นสามมิติออก อาจจะเรียกเป็น Matrix-revisit ฉบับการ์ตูนก็ได้ คือ เริ่มมองเห็นโลกอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่อยากให้เป็น ในปัจจุบัน เราแทบจะเห็นคนใส่หมวกหลอนวิญญาณแบบนี้อยู่ในสังคมทั่วไป ขอเชื่อในสิ่งที่กำหนดมา หรือตัวเองอยากจะเชื่อ และไม่สามารถจะก้าวข้ามกำแพงมุมมองของมิติอื่นๆไปได้เลย เป็นสังคมสุดขั้ว ที่ยากแก่การ compromized ยากแก่การ negotiate ที่จะต่อรอง หรือมองเห็นจิตใจของคนอื่น

ภาพยนต์เรื่องนี้ให้ตัวร้ายเป็นหุ่นยนต์ชื่อ Auto ที่ควบคุมการทำงานอยู่เบื้องหลังกัปตันยานมาหลายรุ่น (คำว่า "เบื้องหลัง" นี้ ถูกเล่นออกมาอย่างล้อเลียนจากรูปภาพกัปตันในหอบังคับการ ที่ทุกรุ่นจะมี Auto ผงาดอยู่ด้านหลังกัปตันทุกคนมาตลอด) ในขณะที่กัปตันมีความสุข (หลอกๆ) กับ mission ที่ส่งหุนตรวจสอบสภาวะชีวิต (EVE) ไปเรื่อยๆ หารู้ไม่ว่า Auto จะเป็นตัวที่จะ abort mission ในการที่กัปตันจะนำยานกลับโลกทันทีที่มีหลักฐานการมีชีวิตอยู่ได้ในโลก

ตรงนี้ค่อนข้างจะซับซ้อนเล็กน้อย ดูเผินๆ Auto เป็นผู้คุมกฏของแต่ดั้งเดิม แต่ปรากฏว่า มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เจ้าของโปรแกรมที่จะวางแผนกลับโลก เกิดเปลี่ยนใจ เพราะมองเห็นว่าโลกไม่น่าจะกลับฟื้นสภาพได้ จึงสั่ง Auto ให้ขัดขวางแผนดั้งเดิมนี้เสีย เพียงแต่ไม่ได้ re-programme ให้ยกเลิกการส่ง EVE มาสำรวจ กลายเป็นจุดบอดของแผนการ abortion การกลับโลก

ตรงนี้ภาพยนต์พยายามเล่น theme เกี่ยวกับชะตากรรม และอะไรที่วิทยาศาสตร์ ทีมักจะคิดว่าพยากรณ์อะไรได้หมด รู้ไปหมด และเข้าใจว่ามีวิธีแก้ไขได้ดีที่สุด อาจจะต้องสับสนและสุดท้ายก็พบว่าตัวเองไม่ได้รู้ไปหมดทุกอย่าง บทบาทเล็กๆ อย่างของ EVE และ M-O ที่ยึดมั่นใน mission ของตนเองถึงที่สุด EVE จะต้องส่ง sample ไปให้ตรวจสอบให้ได้ และ M-O จะไม่ยอมให้มี foriegn contaminants ในเรือเด็ดขาด เหตุการณ์เล็กๆได้ส่งคลื่นกระทบจนกระทั่งแผนที่พยายามจะควบคุมของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์อย่าง Auto ก็ไม่สามารถจะคำนวณ factors ต่างๆเหล่านี้ได้หมด และพ่ายแพ้ต่อ WILL หรือ เจตจำนงที่ไม่เคยแชเชือนของหุ่นยนต์ทั้งสามตัว คือ WALL-E, EVE และ M-O ไปได้

ภาพยนต์ล้อเลียน blindspots ต่างๆในหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็น Not recognize what we see หรือ Not see what we do ของชาวอวกาศทั้งหลาย ที่เสพติดกับสิ่งเสพสุขทั้งหลายบนยาน เมื่อคนเราเข้าไปอยู่ใน "ภวังค์" หลอกตัวเองถึงความสุขลมๆแล้งๆ ก็จะหมดกำลังใจที่จะเปลี่ยนแปลง ค้นหาความหมายของชีวิตไป

แต่อาจจะเป็นเพราะเป็นหนังการ์ตูน ทำให้คนทุกคนเมื่อถูกกระตุ้น (นิดเดียว) ก็พร้อมที่จะสลัดหลุดจากพันธนาการเก่าๆ หนังเอา "หุ่นยนต์เสีย" มาเสียดสีคนที่แหก norm ของสังคมได้ดี หุ่นที่ไม่เหมือนหุ่นอื่น มีความคิดแปลกๆ สร้างสรรค์ จะต้องถูกส่งไป "ซ่อม" เพราะการแหกคอกนั้นๆ

สรุปแล้ว WALL-E เป็นหนังเด็ก ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กดูดี มีอะไรให้คิดเยอะ หุ่น EVE น่ารักจริงๆ ฉากทุกฉากระหว่าง WALL-E และ EVE นั้นโรแมนติกคลาสสิกมากเลย ชอบๆๆๆ

คำสำคัญ (Tags): #theory u#wall-e
หมายเลขบันทึก: 203375เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2008 16:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 00:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)
  • หนังเรื่องนี้น่าสนใจ....

เมื่อก่อนชอบอ่านวิจารณ์หนัง หลายเรื่องน่าสนใจ แต่ก็หลายปีแล้ว ยังไม่ได้ดู....

เจริญพร

นมัสการหลวงพี่ชัยวุธครับผม

สื่อเข้าทางและขณะผ่อนคลายอารมณ์ มักจะมีพลังที่เข้าถึงง่าย ผมใช้ clip video และเพลงมาช่วยในการเรียน การสอน และการรับรู้มากเลยครับ

อ่านจากมุมมองที่อาจารย์วิจารณ์แล้วน่าสนใจมากครับ ผมต้องหาโอกาสไปดูเสียแล้วครับ

ตัวอย่างหนังเรื่องนี้ อยู่ในหนังการ์ตูน มิกกี้เมาส์ ที่ให้หลานดู หลานชอบหุ่นตัวนี้มาก หัวเราะใหญ่ แม้จะดูไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นหนังตัวอย่าง แต่เขาขำท่าทางมันค่ะ

ชอบมากค่ะ ไปดูมาแล้วสองรอบ ไม่เคยเลยจริงๆ

ความรักของ wall e กับ อีฟ น่ารักที่สุด

ผมกำลังคิดว่าน่าจะเอาหลักสูตรต่างๆมาแปลงเป็นการ์ตูนบ้างจะดีไหม ดูๆแล้วเราใส่อะไรลงไปในภาพยนต์ เราสามารถจะจดจำได้ง่ายกว่านั่งท่อง textbook เป็นไหนๆ เด็กๆยังแทบจะเล่าออกมาได้ทุกฉาก ทุกตอนเลยทีเดียวเจียว

ความรักเป็นภาษาสากลและบริสุทธิ์นะครับ ผมชอบที่ภาพยนต์เรื่องนี้นำเอามุข "จับมือ" มาเป็นสัญญลักษณ์แทน เหมือนได้อ่าน "สี่แผ่นดิน" สมัยคุณเปรมกับแม่พลอย หรือนิยายของชอุ่ม ปัญจพันธ์ ยังไงยังงั้น โรแมนติกจริงๆ

ดีค่ะ  ความคิด ที่จะนำหนังมาทำเป็น แบบเรียน  นักเรียนคงจะสนุกน่าชมเลยค่ะ  หันมาเรียน  ลืมเกมคอมพิวเตอร์ไปเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ ครูอ้อย P

ตอนนี้ก็ได้แต่ load บ้าง copy บ้าง ตัดตอนตัดกิ่งมาทาบก่ิงทาบใบ โดยใช้ภาพยนต์ หรือ clip ที่พอหาได้มาแทนครับ ก็ใช้ได้ดีทีเดียวเจียว

อ่านแล้ว เขียนได้ยอดเยี่ยมครับ

อ.วรภัทรครับ

ขอบคุณครับผม อิ อิ อิ (ดีใจ)

สวัสดีครับ

  • อ่านแล้วเพลิน
  • เจริญใจดีมากด้วยครับ
  • อิ อิ อิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท