คุณเคยเหงาและเฝ้าคอยใครไหม?


คุณเคยเหงาไหมครับ?ถ้าเคย...ภาพนี้คงแทนคำว่าเหงาหรือรอคอย ได้เป็นอย่างดี

เรื่องเล่าจากภาพถ่าย
          
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">            คราวนี้ ลองดูภาพใหม่นะครับ</p><p>            ผมตั้งชื่อภาพนี้ว่า “วันที่เหงาและรอคอย”

            เป็นภาพถ่ายเหมือนภาพแมวคราวก่อน เพื่อเป็นการฝึกการดูภาพและได้สาระจากภาพ

            ในงานศิลปะทุกรูปแบบ มีสิ่งที่สำคัญอยู่สองอย่าง คือ หนึ่งเนื้อหา
(Content) และสอง รูปแบบ (Form)

            เนื้อหาคือแก่นของสิ่งที่ศิลปินรู้สึกและนำมาถ่ายทอดให้เราๆได้รับรู้ต่อ โดยส่งผ่านมาทางรูปแบบ

            ซึ่งเป็นรูปแบบที่ศิลปินนั้นๆถนัด เช่นร้องเพลง บทกวี ประพันธ์เรื่อง งานจิตรกรรม ประติมากรรม หรือภาพถ่ายและงานภาพยนตร์

            การที่จะเข้าใจภาพเขียนหรือภาพถ่ายหรืองานศิลปกรรมนั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ในการดูภาพเป็นพอสมควร คือ

             หนึ่ง ดู ภาพนั้นตรงๆ แล้วเกิดความรับรู้ขึ้นมาทันที เช่นความรัก โศกเศร้า เหงา หรือสนุกตื่นเต้น ขบขัน สดชื่น หรืออาจเกิดความรู้สึกสยองขวัญ ขนลุก หดหู่ใจ
            
             สอง ดูแบบเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่ปรากฏในภาพ เพื่อเห็นสาระที่ศิลปินแฝงอยู่ในภาพนั้น
                        </p><p>             สาม ถามตนเองว่าสิ่งที่เราดูอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปคน สัตว์หรือสิ่งของ ศิลปินจงใจวาดขึ้นมานั้น มีรูปร่าง ลักษณะ สีสัน ท่าทาง อย่างไร จะสื่อความหมายอะไร             </p><p>            ตลอดจนดูว่า เส้น แสง สี น้ำหนักและจังหวะองค์ประกอบของภาพที่เห็นนั้น ศิลปินล้วนจงใจเขียนขึ้นเพื่อแสดงความรู้สึก อะไร              </p><p>            มื่อดูและรับรู้ได้แล้ว ให้ตรวจสอบว่าตรงกับที่เรารู้สึกในครั้งแรกที่ดูตามข้อหนึ่งนั้นไหม?               </p><p>            ถ้าตรง ขอแสดงความยินดีด้วย แสดงว่าคุณดูภาพเขียนเป็นแล้ว             </p><p>            แต่ถ้าไม่ตรง ไม่ต้องเสียใจเพราะความรู้สึกแรกในการรับรู้ของคุณ อาจยังไม่ใช่แนวการรับรู้แบบศิลปะก็ตาม แต่สามารถฝึกได้โดยดูภาพบ่อยๆ ตามวิธีการที่ผมบอกมาข้างต้น              </p><p>            เอาละผมจะลองแซมเปิ้ล โดยเล่าเรื่องในภาพนี้ให้เป็นตัวอย่าง คุณอาจจะเห็นด้วยกับผม คือซาบซึ้งไปกับเรื่องราวที่ผมเล่าแล้วอินไปด้วย หรือเห็นต่างออกไป ก็ไม่ผิดกติกาอันใด              </p><p>            เอาละนะ ผมจะเริ่มเล่าในสิ่งที่ผมเห็นแล้ว            </p><p>             คุณเคยเหงาไหมครับ?</p><p>
             ถ้าเคย…ภาพนี้คงแทนคำว่าเหงาหรือรอคอย ได้เป็นอย่างดี
             ลองดูภาพนี้ แล้วหลับตานึกภาพตามไปว่า</p>


             ทุกๆเช้า เจ้าหมาตัวนี้ตื่นขึ้นมาแต่เช้า แล้วกระวีกระวาดเข้าไปปลุกนายของมันถึงบนเตียง ซึ่งต้องใช้เวลาถึงพักใหญ่กว่าเจ้านายของมันจะรับรู้และยอมตื่น
             ในบางเช้าเจ้านายของมันเคยผลักหน้าของมัน ที่ยื่นไปเลียอย่างกระตือรือล้นออกไปอย่างแรง แต่ไม่มีวันเสียล่ะที่มันจะยอมแพ้
             ทั้งสองเท้า ทั้งอำนาจการเลียด้วยลิ้นอันหยาบหนา รวมทั้งเสียงครางงิ๊ดง๊าดในลำคอ เจ้านายของฉันต้องลืมตาตื่นขึ้นจนได้

             เมื่อเจ้านายยอมตื่นขึ้นมาแล้ว มันก็ยังวิ่งตามไปทุกๆที่ที่เจ้านายไป... ไปนั่งรออยู่หน้าห้องน้ำเพราะเป็นที่เดียวที่เจ้านายไม่อนุญาตให้มันเข้าไป เมื่อเจ้านายออกมาจากห้องน้ำมันก็เฝ้าตามต่อไปที่ตรงเจ้านายแต่งตัว หวีผม และหยิบข้าวของโดยมีมันติดตามไปทุกที่

              มีโอกาสเมื่อใด มันก็จะคอยสบตาและเลียในทุกส่วนที่จะสัมผัสได้

              บางวันที่เจ้านายอารมณ์ไม่ดี มันก็เคยถูกดุ เวลาเอาลิ้นเปียกๆไปเลียชายกางเกงของเจ้านายจนเปียกชุ่ม แต่หากวันใดที่เจ้านายอารมณ์ดี
              สิ่งที่มันได้รับคือน้ำหนักมืออันอบอุ่น มาตบที่หัวบ้างหรือที่ลำตัวบ้าง ซึ่งมันก็จะตอบสนองด้วยหางที่กระดิกไวขึ้นเป็นสองสามเท่าและเพิ่มอาการครางและเอาหัวเข้าไปดุนดันตามลำตัวเจ้านาย เป็นอาการที่เจ้านายมันค่อนว่าทำท่ากระดี้กระด้าเหมือนบ๋อยตอนได้ทิปสองร้อย

              เมื่อเจ้านายทำกิจเสร็จทุกอย่าง ก็จะมาบอกลามัน ด้วยการตบที่หัวแรงๆสองสามทีและผลักมันกลับเข้าห้องตรงหน้าประตูแล้วเดินลงไป
              มันก็จะรีบวิ่งกลับมา ตรงมาหน้าต่างริมห้องนอนที่สามารถมองเห็นเจ้านายของมันเดินออกจากอาคาร

              แล้วเดิน... เดิน... เดิน... จนลับสายตาของมันไป
              มันยังเฝ้ามองต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้านายของมันไปแล้วจริงๆ

              วันนั้นทั้งวันของมัน คือวันแห่งความเงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยว...
เป็นวันแห่งการรอคอย

              มันวิ่งวนไปมาอยู่ในบ้าน เอาจมูกไปดมกลิ่นของนายที่อบอวลอยู่ตามส่วนต่างๆของบ้าน มันวิ่งเข้าวิ่งออกในห้องนอนที่มีกลิ่นของเจ้านายแรงกว่าห้องอื่นๆ แล้วทรุดตัวลงนอนบ้าง
              แล้วก็วิ่งไปกินอาหารสำเร็จรูปแบบเม็ดที่เจ้านายเตรียมไว้ให้ก่อนไป ตามด้วยเลียน้ำซักสี่ห้าแพล็บ แล้ววิ่งไปหยุดที่ริมหน้าต่างอีก

              เพียรมองอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้านายไปแล้วและยังไม่กลับมา

<p>
              มันเฝ้าทำเช่นนี้ เป็นครั้งที่เท่าไหร่ ไม่มีใครนับ
              ทำไม? มันก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่า มันต้องทำอย่างนี้ทุกวัน</p>


              ช่วงบ่ายคล้อย สัญชาตญาณของมันบอกว่า ใกล้เวลาที่เจ้านายมันจะกลับมาแล้ว มันก็ไปนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าต่าง ตาจ้องมองเขม็งไปที่มุมตึกสุดถนน ที่ที่มันเห็นในตอนเช้าว่าเจ้านายของมันลับสายตาไปตรงนั้น

</span></span><p>
              มันเอาคางเกย วางลงที่ขอบหน้าต่าง    </p>
<p>              จนจมูกมันชนกับกรอบไม้ที่มีเพียงซี่ลูกกรงเหล็กขวางกั้นระหว่างมันกับเจ้านายของมัน               </p><p>              สายลมอ่อนๆ พัดผ่านเข้ามาบางครั้ง มันทำจมูกฟุดฟิดเพื่อแยกแยะกลิ่นเจ้านายออกจากสารพัดกลิ่นที่โชยมา               </p><p>              แต่…ยังไม่มีกลิ่นของเจ้านาย</p><p>
              บางครั้ง อากาศอบอ้าวในช่วงบ่าย ทำให้มันรู้สึกหนักหนังตาและเคลิ้มหลับไปบ้าง แต่ก็มีความรู้สึกภายในที่คอยปลุกให้มันลืมตาขึ้นมามองอยู่บ่อยครั้ง               </p>
<p>              จนกระทั่ง…              </p><p>              ความรู้สึกมันบอกว่า เจ้านายจะกลับมาแล้ว </p><p>              ความรู้สึกนั้นชัดขึ้นและแรงขึ้น ตาของมันเริ่มเปล่งประกายสดใส ขนทั้งตัวลุกชูชัน จนมันต้องสะบัดตัวสองสามครั้งด้วยความตื่นเต้น หางเริ่มเคลื่อนไหว กระดิกช้าๆ ตาของมันจ้องเขม็งแน่วแน่ไปที่ริมตึกตรงนั้น</p><p>
              จนกระทั่งกลิ่นตัวของเจ้านายลอยมาก่อน…มันผลุนผลันลุกขึ้นยืนเต็มตัว</p>


              หางของมันเพิ่มจังหวะในการกระดิกถี่ขึ้นเป็นอัตโนมัติ              

</span><p>              มันเฝ้ารอ จนภาพของเจ้านายของมัน ปรากฏแก่นัยน์ตาของมันอย่างชัดเจน!              </p><p>              มันเริ่มครางทำเสียงงิ๊ดง๊าดอีก ทั่วร่างสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นแรงอยู่ในอกทำให้มันเริ่มวิ่งกลับไปกลับมา ระหว่างประตูห้องกับหน้าต่างด้วยความกระวนกระวายใจ              </p><p>              จนมีเสียงกริ๊กดังขึ้นที่ประตู                </p><p>             มันพร้อมที่จะกระโจนเข้าหานายของมันแล้ว               </p><p>             วันแห่งการรอคอย สิ้นสุดลง               </p><p>             พร้อมด้วยความสุขที่เกิดขึ้นมาทดแทนเต็มหัวใจของมัน
       
                        ……………………………………………………………….
</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">              ……………………………………………………………….</p><p>              </p><p>              ผมหวังว่า คุณคงจะแต่งเรื่องใหม่ได้ดีกว่าผม              </p><p>              เชิญ ลองดูนะครับ  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">
</p><p>

   </p><p> </p>

หมายเลขบันทึก: 72948เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2007 19:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)

เขียนได้ดีจังเลยค่ะ ฝีมือ ฝีมือ

อ่านจบ  หมดจินตนาการ เพราะฝีมือไม่ถึง

 

หากผมเป็นหมาตัวนี้...ผมรักเจ้านายครับ ถ้าผมเป็นหมาที่ไม่รักเจ้านาย เขาว่าหมาเนรคุณ หรือเป็นอ้ายประเทศหมาครับอาจารย์

ทำให้หนูคิดถึงหมาน้อยของหนูจังเลยค่ะ

เค้าทำแบบนี้จริงๆเช้ามาก็รอกระทั่งได้ยินเสียงหนูเปิดประตูถึงจะเรียกให้หนูลงมาเปิดประตูบ้านหมาน้อยของเค้าจากนั้นก็วิ่งไปที่ห้องนอนทำแบบที่อาจารย์บอกทุกอย่างเลยค่ะ

  • เข้าใจเลยค่ะ ว่าการรอคอยเป็นอย่างไร
  • อ่านแล้วเกิดความรู้สึกเหนื่อยแทนเจ้าหมาตัวนั้น.....เพราะการรอคอยเป็นสิ่งที่ทรมาน....
  • แต่เมื่อสิ่งที่รอคอยกำลังจะมาถึง...ความสุขก็แทบจะล้นออกมา.....

โอ้ย! ชอบใจและซาบซึ้งในความรักของเจ้าหมาตัวนี้

อ่านที่อาจารย์เขียนแล้ว ย้อนกลับไปดูรูปมันแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ

หนูนายอมแพ้

ขอคิดก่อน

   สงสัยจะทำอาจารย์ผิดหวังแหงๆเลยค่ะ

   แต่เอาหนะ  ลูดองๆๆ  ลองดูละกันค่ะ.....

  ...................................................

        สีทอง อิจฉาไอ้แมลงวันตัวนี้จังเลย

        แกทำไมถึงมีอิสระยังงี้  ดูสิบินไปบินมาเยาะเย้ยฉันอีกแหนะ  ทำไมแกไม่ไปไหนสักที  มาเกาะใกล้ฉันอีก  เดี๋ยวเหอะๆๆ  ถ้าเจ้านายกลับมานะ...ฉันจะออกไปไล่งับแกเล่นมั่ง

        กินอิ่มแล้วฉันก็เดินวนเวียนในบ้านนี่ทุกซอกทุกมุมละ  เบื่อจริงๆเดินจนจำได้ทุกซอกทุกมุมของบ้าน  เจ้านายยังไม่ซื้อของเล่นใหม่ให้เลย  ดูสิฉันกัดไอ้ลูกเทนนิสจนแตกคาปากไปแล้วสามลูก  กระดูกนั่นก็ไม่หอมละ  ดีที่มีเสื้อเจ้านายไว้ให้แก้เหงา  ดมกลิ่นเจ้านาย...ฉันค่อยหายคิดถึงหน่อย

         รักเจ้านายจังเลย  นายเอาของอร่อยๆให้กิน ให้ฉันนอนบนเตียงนุ่มๆด้วย  แกมีเจ้านายเหมือนฉันมั่งไหม สงสัยจะไม่มีละสิ  กิ๊วกิ๊ว ต้องบินวนเวียนหากินเอาเอง  ไม่มีเตียงนุ่มๆผ้าห่มอุ่นๆด้วยแหงเลย  อิจฉาฉันมั่งละสิ  ฮะฮะฮ่า

         ฉันอยากออกไปวิ่งเล่นที่สวนข้างบ้านแล้ว  ไม่มีทางออกจากบ้านสักทาง  หน้าต่างก็มีเหล็กกั้นอีก ที่นั่นมีสาวสวยด้วยนะแก  เจ้าหล่อนตัวหอมจริงๆ  แต่เจ้านายเค้าขี้หวงจัง  ไม่ค่อยยอมให้ฉันเข้าใกล้เธอเลย  ฉันหล่อไม่พอหรือไงนะ  คิดแล้วเศร้าจริง........ง  ไปนอนดีกว่า

.....................................................

   โหย  หมออ่านของอาจารย์แล้วนึกภาพตามไปด้วยเลยค่ะ เกือบเผลอสะบัดหางตามไปด้วยซะแล้ว  ของอาจารย์เศร้าจังค่ะตอนที่นึกถึงการรอคอยเจ้านาย แต่ดีที่จบแบบสมหวัง  นี่นึกถึงใจของหมาแล้วเลยไม่อยากเลี้ยงหมาเลยค่ะ กลัวมันรอ

สวัสดีค่ะ อาจารย์,

หนูมีปัญหาอีกแล้วค่ะ เพราะหนูรู้สึกว่าการ appreciate ภาพของหนูโดนอิทธิพลจากชื่อหัวข้อบทความของอาจารย์ก่อนที่จะเห็นภาพไปเสียแล้ว  จึงรู้สึกว่ามีผลต่อการมองภาพไปเลยน่ะค่ะ

เพราะพอพยายามตัดป้ายคำหลักในหัวตัวเองในเรื่องคำว่า "เหงา"  หรือ "รอคอยใครสักคน" ไปแล้ว  แล้วดูตามกระบวนการแรก  คือ spontaneous reaction นั้น  หนูไม่ได้รู้สึกว่าเจ้าหมามันเหงา หรือว่ามันคอยน่ะนะคะ  หนูรู้สึกว่ามันก็แค่เหม่อมองออกไปข้างนอกแค่นั้นเอง

ที่สำคัญ  มันไม่ได้เหงาหรอกค่ะ  คนที่มันไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่งอยู่ใกล้มันจะตาย  ก็ตากล้องนี่ไงคะ ฮิ ๆ

ต่อให้เป็นช่างอาชีพ  เจ้าของก็น่าจะอยู่ไม่ไกล หรือไม่ก็อยู่ในห้องนั้น  เพราะมันดู relaxed ดีมาก

ดูจากสภาพขนอะไรของมัน  ชีวิตมันน่าจะมีความสุขดีนะคะอาจารย์  อย่างน้อยก็คงได้กินอะไรที่ถูกสุขลักษณะ  และได้รับการอาบน้ำแปรงขนดูแลเอาใจใส่สม่ำเสมอ  เพราะขนเป็นมันเงางาม  หวีเสียเรียบเชียวก่อนมาถ่ายรูปนี่  ไม่มียุ่งเหยิง

จากสภาพกระจกที่ปิด  น่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นต้นไปแล้วถึงฤดูหนาวในประเทศหรือรัฐ หรือแว่นแคว้นในเขตที่อบอุ่นประเทศใดประเทศหนึ่ง 

เนื่องจากไม่มีฮีทเตอร์ที่อยู่ขอบหน้าต่างแบบที่เห็นในทวีปอเมริกาเหนือในยุคร่วมสมัย(เมื่อดูจากกระจกและผนังด้านนอกน่ะนะคะ) จึงน่าจะเป็นแบบฮีทเตอร์ติดผนังเป็นซี่ ๆ เหล็ก ๆ  จึงเดาว่าน่าจะเป็นยุโรปมากกว่าอเมริกา

ตัดญี่ปุ่นออกไปเพราะบ้านเรือนไม่เป็นทรงอย่างนี้  และไม่มีพื้นที่เยอะอย่างนี้  และฝุ่นไม่เยอะอย่างนี้ด้วยค่ะ ฮิ ๆ

เพราะฉะนั้น  ถ้าไม่ใช่ยุโรป ก็น่าจะเป็นออสเตรเลีย หรือ นิวซีแลนด์  ที่ได้อิทธิพลยุโรปมา

เจ้าหมาตัวนี้  ถ้าไม่เหม่อไปอย่างนั้น  ก็อาจจะมองไปที่สนามข้างนอกก็ได้ด้วยวิสัยที่อยากจะออกไปวิ่งเล่นเป็นธรรมดาของมัน  แสงทึม ๆ อย่างนี้หนูก็ไม่ชัวร์เสียด้วยว่ากี่โมง 

แต่ถ้าเป็นประเทศที่หนาวหน่อยหนูว่าสี่โมงเย็นแล้วล่ะมั้งคะอาจารย์เดี๋ยวก็มืดแล้ว   มันคงจะเซ็ง ๆ แล้วล่ะเนี่ยว่าตกลงวันนี้ฉันจะได้ออกไปวิ่งเล่นหรือเปล่า(หว่า)

เพราะเจ้านายเล่นถ่ายรูปฉันทั้งวันเลยนี่  ขนาดน้ำลายฉันหกบน window sills เป็นดวง ๆ ไปทั่วแล้วก็ยังปล่อยให้เลอะอยู่อย่างนั้น  เบื่อหนอ ๆ ๆ ๆ

สรุปว่าไม่เหงา และไม่รอคอยใครทั้งนั้นล่ะค่ะ  อยากออกไปวิ่งเล่นข้างนอก(หนอ)

สวัสดีค่ะ,

ณัชร (สอบตกอีกแล้วหนอ)

 

ลองมั่ง

ผมเป็นหมาตาเศร้าครับ

เศร้ามาตั้งแต่กำเหนิด ใครเห็นก็เรียกว่าไอ้ตาโศก

แต่ผมกินเก่งและชอบวิ่งไล่รถมอเตอร์ไซค์

เจ้านายจึงขังผมไว้แต่ในห้อง

ไอ้โศกจึงเป็นไอ้เศร้า เหงาเป็นหมาโจ๋

สงสารผมมั้ย!

หนูนายังคิดไม่ออกเลย

มัวอ่านของคุณณัชรและของคุณอนิศราและคุณไม่แสดงตน ชอบใจทุกคนค่ะ มีแปลกแตกแนวออกไปตามสไตล์ของตนนะค่ะ

ของหนูนาเองยังมึน คิดไม่ออก เฮ้อ!

คืนนี้หัวไม่แล่นตั้งแต่ได้ A ของอาจารย์มานี่ สงสัยจะถูกยึดคืนเสียแล้ว

มายเนมอีส บราวน์นี่ ผมเกิดและโตในต่างประเทศ ประเทศออสเตรเลียครับ ผมพูดไทยได้ เพราะเจ้านายเป็นคนไทย เลยพูดแต่ภาษาไทยกับผมทุกวันเลย เวลาผมออกไปคุยกะเพื่อนๆ ข้างบ้านนะ ไม่ค่อยมีใครเข้าใจผมหรอกครับ ก็ผมพูดสำเนียงเพี้ยนๆ ถึงแม้ว่าผมจะฝึกพูดภาษาของเจ้าถิ่นที่นี่แล้วก็ตาม แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ก็ภาษาอังกฤษที่สอนโดยเจ้านายคนไทยของผม สำเนียงย่อมจะแตกต่างจากภาษาอังกฤษสำเนียงคนออสซี่อยู่แล้วล่ะ

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอกนะครับ หมาๆ อย่างเรา ถ้าสุภาพหน่อยก็สุนัขอย่างเรา (เจ้านายสอนให้พูดเพราะ แต่เอาแบบกันเองๆ แล้วกันนะครับ) หมาๆ อย่างเรา สื่อสารกันได้ด้วยการดม การแสดงท่าทางครับ น้อยครั้งที่จะพูด แต่พอพูดได้นะ โอ้วววว เจ้านายดีใจสุดชีวิต เกือบจะเอาไปออกงานวัดในวันชาติออสเตรเลียที่จะถึงนี้ล่ะครับ (วันที่ 26 ม.ค. ของทุกปี) ก็ผมดันไปพูดให้เจ้านายได้ยินว่า เป็นยังไงบ้างในภาษาประกิตครับ ออกเสียงอย่างงี้นะครับ "เอาว์วว ...อูวว...อู๋ววว" นี่ยังไม่รวมคำอื่นๆ ที่แอบคุยกับสาวแต่ไม่ให้เจ้านายได้ยินนะครับ ก็ "เอาว์ววว...อูฟววว...ยู๋วววว"

เฮ้อ...วันนี้เจ้านายผมเค้าดันยกโซฟาข้างๆหน้าต่างออกครับ เพราะเค้าบอกว่า (ผมแอบได้ยินเองล่ะเวลาเจ้านายคุยโทรศัพท์เมื่อคืน) ว่า...เย็นนี้จะมีเพื่อนมาจัดปาร์ตี้กัน เฮ้อ...ดูสิ มุมโปรดของเราโดนย้ายไปโน้นแหนะ กลางห้อง จะนั่งมองวิวข้างนอกยังไงล่ะ ดีนะที่เกิดมาตัวสูง แต่ก็เมื่อยเหมือนกันแหละนะ ต้องเอาคางมาพาดไว้ต้องของหน้าต่าง เปิดหน้าต่างรับลมก็ไม่ได้ เดี๋ยวไอ้เจ้าแมลงวันตัวนั้นจะเข้ามา อาหารก็จัดไว้แล้ว ถ้าแมลงวันมาตอมล่ะก็ต้องโอนมาให้ผมกิน ไม่เอาล่ะ อ้วนตายเลย หน้าร้อนที่ออสเตรเลียก็อย่างงี้แหละครับ แมลงวันเยอะแยะไปหมดเลย ดีนะที่น้ำที่นี่สะอาด ไม่งั้นโรคเยอะแยะอะไรมากมายจะต้องมะรุงมะตุ้มเจ้านายผมแน่ๆ แค่นี้ผมก็ต้องฉีดยากันพยาธิหัวใจทุกปีๆ เบื่อจะตาย มาทำยังกะว่าเราดุนักหนา จับมัดปาก แล้วยังจับกันตั้งหลายคน เอ้า...นอกเรื่องไปเยอะ

ปาร์ตี้วันนี้เป็นวันเกิดเจ้านายผมครับ เค้าไม่ได้บอกผมว่าเค้าเกิดวันนี้เลย ผมเลยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรไว้ให้ เพราะเมื่อวานก็ขุดเอากระดูกไปให้น้องแมรี่ข้างบ้านเล่นไปแล้ว กะจะจับนกให้ไม่รู้เจ้านายจะชอบรึเปล่า เพราะครั้งก่อนจับหนูให้ เจ้านายดูจะร่าเริง วิ่งไล่ผม เล่นเอาผมเหนื่อยเลย ฮ่าฮ่า แต่เห็นเจ้านายคุยกะเพื่อนเมื่อคืนครับว่า เค้าอยากทานอาหารไทย ก็เป็นวันเกิดเค้าไงครับ เค้าบอกเพื่อนว่า "เค้าเกิดอยากจะกินครับ"

บ๊ายบายครับ
บราวน์นี่

ดูภาพและอ่านตามคำบรรยายของอาจารย์ หมาตัวนี้คงเป็นหมาที่ถูกเลี้ยงไว้ในบ้านนะคะ...

ความรู้สึกแรกที่เห็นภาพคือ หมามองและคิดอะไร

รายละเอียดที่เห็นจะเป็นไปตามบรรยายจินตนาการข้างล่างค่ะ

ส่วนสิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อศิลปินจับโฟกัสเฉพาะส่วนศีรษะของหมา..คิดว่าคงอยากเน้นการถ่ายทอด "อารมณ์ความรู้สึก" ค่ะ

ลองฝึกบรรยายค่ะ

"เสียงหัวเราะอันร่าเริงของกลุ่มเด็กๆที่เล่นในสนามหญ้าระหว่างอาคาร ทำให้โกลเด้นรีทีฟเว่อร์ชรา ค่อยๆ หยัดยืนต่อสู้กับอาการปวดตามไขข้อ สะบัดตัวสองสามครั้งก่อนที่จะพยุงตัวพาดคางมองผ่านกระจกหน้าต่างออกไป 

สีเสื้ออันสดสวยของเด็กอนุบาลกลุ่มนั้น ทำให้หวนนึกถึง คืนวันที่อบอุ่นที่มีกลิ่นขนมปังอบปะปนกับหมูย่างลอยมาจากครัวเล็กๆ ที่กระจัดกระจายบนตึกที่โอบล้อมสนามหญ้าข้างล่าง 

ช่างเป็นคืนวันอันสนุกสนานที่ได้โลดแล่นไปบนสนามหญ้าคู่กับเจ้านายตัวน้อย แอบหยุดดอมดมกลิ่นดอกหญ้าสีขาว ตะบบผีเสื้อที่บินว่อน และวิ่งไล่คาบลูกบอลอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

คืนวันที่ผ่านไปเหมือนกับจะกระชากเอาหัวใจผู้ชราให้เต้นเนิบนาบและเชื่องช้าแผ่วลงไปทุกที

เจ้านายน้อยที่เคยร้องไห้โยเยไม่อยากไปโรงเรียน ได้เติบใหญ่เป็นทนายความหนุ่มอนาคตรุ่งโรจน์ ทุกค่ำคืนจึงเต็มไปด้วยหน้าที่การงานและสังคม โอกาสได้ร่วมหัวเราะด้วยกันก็เลือนราง มีแต่ช่วงเวลาเช้าตรู่ที่จะได้ทักทายกันด้วยมือใหญ่ที่ตบลูบและกล่าวคำอำลา

เจ้านายจะรู้ไหมว่า ในยามค่ำคืนที่มืดมิด ผู้ชราได้มานั่งมองหาดาวประกายพฤกษ์เพื่อภาวนาให้ช่วยนำทางให้เจ้านายน้อยเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

เย็นนี้กลับมาเยือนเหมือนทุกๆเย็น

ใครนะเคยบอกว่า เสียงที่อมตะครองโลกคือเสียงร่ำไห้และหัวเราะของเด็กๆ ใครคนนั้นจะรู้บ้างไหมว่า เสียงหัวเราะที่ร่าเริงของเด็กๆ ยังช่วยปลุกปลอบใจโกลเด้นรีทีฟเวอ่ร์ชราให้มีความหวังว่า สักวันเจ้านายน้อยจะกลับมาเร็วและได้หัวเราะร่าเริงร่วมกันบนสนามหญ้าอีกครั้งหนึ่ง"

จบค่ะ...เป็นความเหงาและรอคอยเหมือนกันค่ะ

  • ขอบอกว่าชอบใจทุกเรื่องเลยครับ
  • ขอฝึกโดยการอ่านไปก่อน
  • ฝีมือยังไม่ถึงครับ

ขอปรบมือให้ทุกเรื่องที่เล่ามาครับ

อาจารย์อ่านแล้วยิ้มทั้งวัน เพราะนึกไม่ถึงว่าจะเล่าได้ดีขนาดนี้และมีรูปแบบเป็นของตนเองทุกคน

เอ! แทนที่จะให้คะแนน ให้comment แทนดีกว่า

  • สวัสดีครับ คุณ kawao ขอบคุณที่แวะมาอ่าน อ่านบ่อยๆจะเกิดจินตนาการขึ้นมาเองครับ

 

  • อาจารย์ศักราช หายป่วยแล้วตอนป่วยยังคึกคักเขียนบล็อกได้หลายเรื่อง ครับธรรมชาติของชาติหมารักเจ้าของทุกตัว

 

  • คุณสุกฤตาครับ หมาคุณชื่ออะไรครับ ลองเล่ามาให้ฟังบ้างอาจารย์อยากฟัง

 

  • ขอบคุณ คุณ paew คนขยันประจำ gotoknow ที่แวะมาอ่านครับ ผมเองก็แวะไปอ่านเช่นกัน

 

ถึงหนูนา

อย่ายอมแพ้ หนูมีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องนะ

ว่าแต่เมื่อไหร่จะเปิดบล็อกครับ

คุณหมอ

หมอทำให้อาจารย์ทึ่งมาก

สมเป็นเด็กเรียนเก่งเพราะพัฒนาเร็วดั่งความเร็วแสง

อาจารย์ว่าอุบเรื่องแมลงวันตัวนั้นไว้แล้วเชียวนา

ยังไม่รอดสายตาอันแหลมคมปานมีดผ่าตัดของหมอไปได้

เรื่องเล่าของหมอมีจินตนาการสูงมาก และผูกเรื่องเก่งโดยอาศัยสิ่งที่เห็นมาสร้างเป็นตัวละคร

กลวิธีเล่าก็สนุกและมีอารมณ์ขันดีครับ

ขอแสดงความยินดีด้วย ว่าจะไม่ให้คะแนนแล้วนา

แต่ความเป็นครูบอกว่าได้ A+ แล้ว

หนูณัชร!

(แกล้งใส่เครื่องหมายตกใจ เหมือนทำเสียงเข้มๆดังๆ)

หนูไม่มีอะไรผิดปกติดอก เพียงแต่มุมมองของหนูต่างออกไปเท่านั้น

ซึ่งไม่ได้เป็นความผิด เพราะความแตกต่างนั้นนำไปสู่ศิลปะ

รายละเอียดของหนูดีมาก มุมมองของหนูอยู่ที่ความเป็นจริง ที่หนูรู้ว่าฉากหลังเป็นอะไร

ความเป็นจริงนั้น จึงดึงจินตนาการของหนูให้อยู่กับเรื่องจริง หนูจีงเขียนความเป็นจริงตามที่เห็นออกมา

อาจารย์ก็ชอบใจเรื่องของหนูที่เป็นแง่เบื้องหลังการถ่ายทำ

อาจมีผู้อ่านบางคนเอาข้อมูลทั้งหมดมาผสมกัน แล้วได้เรื่องใหม่ก็ได้

สวัสดีครับ คุณ IS

เก่งจังครับ ทั้งคิดเรื่องทั้งสร้างฉากและกำหนดตัวละคร บราวน์นี่อยู่ถึงออสเตรเลียแทนที่จะติดสำเนียงออสซี่กับเหน่อแบบไทย(ภาคไหนหนอ?)

เมื่อไหร่จะเรียนจบครับ เอาใจช่วยนะครับ

ลูกสาวผมอยู่ที่ perth พึ่งไปปีนี้ ยังร้องให้อยู่ทุกวัน

คุณจันทรรัตน์ครับ

การบรรยายไพเราะห์มาก

ภาษาที่ใช้สละสลวย งดงามและสื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจน

อาจารย์เขียนเรื่องสั้นได้สบายครับ

ให้กำลังใจคุณนิรนามและชอบใจเรื่องไอ้ตาโศกของคุณอนิรุตนะครับ วันหลังเขียนยาวหน่อย อยากอ่านต่อครับ

สวัสดีค่ะ  อาจารย์,

(สะดุ้งโหยง) อุ๊ย! อาจารย์อย่าแกล้งเรียกด้วยเสียงมีเครื่องหมายตกใจกำกับอย่างนั้นสิคะ หนูใจหายหมดเลยค่ะ  อารมณ์เหมือนเวลาเจอเซนเซยกดาบทำหน้านิ่งใส่ ฮือ ๆ

หมดกัน เลยรู้ตัวเลยว่าสติอ่อนอย่างรุนแรง สามารถสะดุ้งได้แม้นเพียงเห็นเครื่องหมายตกใจอยู่หลังชื่อตัวเองที่ครูบาอาจารย์เขียน แหะ ๆ

อ๋อ...ตกลงเป็นแลงวัน   หนูนึกว่าฝุ่น ฮิ ๆ สรุปว่าสงสัยต้องไปทำเลสิกใหม่อีกรอบ...จ๊ากกก

ขอบพระคุณค่ะ  ไม่ตกศิลปะสองครั้งซ้อนแล้วเรา  ค่อยหายใจได้ทั่วท้องหน่อย....เฮ้ออออออ(เสียงถอนหายใจยาวๆค่ะ)...ฮิๆ

สวัสดีค่ะ,

ณัชร

ป.ล. ๑ หนูเรียกพ่อบุญธรรมชาวต่างชาติมาดูรูปด้วยค่ะ  ท่านเกิดปีหมาและรักหมามาก  ท่านฝากชมว่ารูปสวยค่ะ  ถามว่าอาจารย์พิชัยถ่ายเองหรือ  ดูเหมือนจะเป็นแถวยุโรป (ทำท่าจะอยากเล่นด้วย เดี๋ยวอาจารย์อาจจะต้องตรวจข้อสอบภาษาอังกฤษล่ะค่ะ แหะ ๆ)

ป.ล. ๒ ฝากสวัสดีน้องแพรวด้วยค่ะ  บอกว่าไม่ต้องร้องไห้แล้ว  สู้เอาเวลาแต่งตัวสวยออกไปช้อปปิ้ง เอ๊ย ถ่ายรูปส่งอีเมล์มาให้พี่ณัชรดูดีกว่า

เจ้าน้องน้อยตัวนี้อาจจะเหงาเล็กน้อยเพราะคอยสิ่งสำคัญของชีวิต  

แต่ในความเหงานั้นก็ยังมีความหวังว่าเจ้านาย(สิ่งสำคัญของชีวิต)ของน้องหมาจะกลับมาเร็วๆนี้

จากภาพนี้เลยอยากจะขึ้นไปอยู่บนที่สูงๆ เช่น ยอดดอย หรือวัดที่อยู่บนภูเขา แล้วมองออกไปไกลๆ เพราะจะเป็นการสร้างความหวัง ความสดชื่น ให้ชีวิตคงจะลดความเหงาไปได้เยอะทีเดียว เหมือนกับการที่เจ้าน้องหมาได้เจอเจ้านายทีเดียว

เศร้า เหงาและรอคอย ตรงกับใจขณะนี้พอดี

แต่รู้สึกดีขึ้นเพราะเหมือนพบความรู้สึกเดียวกัน

ขอบพระคุณที่อาจารย์ comment ค่ะ อ่านที่อาจารย์ comment ของท่านอื่นๆด้วย และชอบทุกเรื่องที่เขียนกันค่ะ

รออ่านต่อๆไปด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์,

ขอส่งคำบรรยายของคุณปู่บุญธรรม ชาวจีนอินโด  หนีภัยสงครามโลกไปอยู่ฮอลแลนด์ แล้วกลับมาอินโดแล้วมาเกษียณที่ไทยค่ะ

ท่านอายุ ๘๕ ค่ะ  เกิดปีจอ  ชอบหมามากเหมือนกัน  พอทราบว่ามีรูปหมาน่าสนใจ  ก็กระย่องกระแย่งมาขอดูด้วยในห้อง (ทำเอาหนูไม่เป็นอันเล่น เอ๊ย ทำงานเลย)

แรกเลย ท่านบอกว่า

It feels as if he's thinking, "I'm going to take my time.  No need to hurry.  I have all the time in the world." ค่ะ

ต่อมา  ท่านเสริมว่า

"It looks as if he feels right at home." ค่ะ

ถึงตอนนี้พ่อบุญธรรมหนูมาจากไหนก็ไม่รู้โผล่มาบอกด้วยว่า

"It's waiting for its owner to come back home." ค่ะ อาจารย์

สรุปว่าเกมส์อาจารย์อินเตอร์มากเลยนะคะ  แหะ ๆ และคนเล่นก็อายุหลากหลายดีค่ะ (มีใครอายุเกิน ๘๕ ไหมคะในนี้?)

อ้อ, หนูเห็นอาจารย์แวะไปถอนหายใจเฮือก ๆ ๆ ในบล๊อกอันล่าสุดของหนู  หนูกลัวอาจารย์จะลมตีไปเสียก่อน  เลยนำบทความอันก่อนหน้าเรื่องญี่ปุ่นแก้กม.การศึกษามาแปะไว้ให้อาจารย์อ่านเล่นด้วยนะคะ  เพราะคิดว่าอาจารย์อาจข้ามไป

ในนั้นมีรูปเด็กน่ารักเยอะค่ะ  เผื่ออาจารย์จะยิ้มออก

สวัสดีค่ะ,

ณัชร

สวัสดีครับ คุณ beerthai ยินดีที่ได้รู้จักครับ

(คนอะไรชื่อน่าดื่ม แถมยังชาตินิยมอีกต่างหาก)

ที่เชียงใหม่ก็มีดอยสูงเยอะนาครับ ไปมาหมดแล้วหรือยัง เอาไว้เรารวมทีมบล็อกคนอยู่เจียงใหม่ถ้าจะดี

  • สวัสดีหนูณัชร(อีกรอบ)

รอบนี้ไม่มีเครื่องหมายตกใจแล้ว

เพราะอาจารย์ก็หมดแรงที่จะใส่ ! ให้ใคร

มัวถอนหายใจไปหลายตั้ง เปลี่ยนมาหายใจเข้า -ออก...ก็ เฮ้อ!เธอ แทนดีกว่า

ขอบคุณทั้งคุณปู่และคุณพ่อบุญธรรม ฝากกราบงามๆที่ตักด้วย บอกอาจารย์ขอฝากเนื้อฝากตัว และเขียนมาเถอะ จะได้เรียนภาษาอังกฤษด้วย

จะได้ไม่ทันสมัยเขียน its เป็น  it's อีก

ทั้งสองท่าน อาจารย์ว่า มีหัวทาง Art นา เพราะมองอะไรมีคำตอบเลย แสดงว่ามีประสบการณ์สั่งสมดีมาก

  • คุณอภิชาติ อย่าได้เหงาไปเลย...เหงาก็เข้า gotoknow อ่านบล็อกผมซีครับ

แวะมาแซวในฐานะคนวงการโฆษณาเก่าค่ะว่าอาจารย์ก็มีแววในการเป็นก๊อปปี้ไรท์เตอร์ ที่เขาทำหน้าที่คิดคำโฆษณาเก๋ ๆ เหมือนกัน

 

  "...ถ้าเหงา....ก็เข้า gotoknow...อ่านบล๊อกผมซีครับ..."

 

เป็นสโลแกน หรือสมัยนี้เขาเรียกกันว่า tag line ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หมายความว่า รู้ว่าคนที่รู้สึกเหงาต้องการอะไร  แสดงว่ามี consumer insight ที่ดี

แล้วก็เสนอ solution ให้เสร็จเป็นอะไรที่สามารถลงมือทำได้ในทันทีเป็น action plan  ที่ฟังดูไม่ยาก

สรุปว่าถ้าเบื่อสอนหนังสือเมื่อไหร่อาจารย์ก็ไปเป็น Copywriter เล่น ๆ ได้อีกหนึ่งอาชีพค่ะ ฮิ ๆ  แต่พวก Art Director คงจะกลัวอาจารย์พิลึก  เพราะพวกนั้นคงจะเป็นรุ่นน้องอาจารย์จากศิลปากรที่ห่างกันพอสมควรทีเดียว ฮิ ๆ  

เดี๋ยวหนูจะไปบอกป๊ะปะกับคุณปู่ให้ค่ะว่าอาจารย์ชมว่าเขามีพรสวรรค์เรื่องศิลปะ  คงจะดีใจมาก  เขาเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนค่ะสองพ่อลูกนี้  เพราะเคยทำงานด้านการเงินการบัญชีมาก่อน

แต่ภาษาแรกของเขาที่เขาพูดกันในบ้านเป็นภาษาดัทช์น่ะซีคะอาจารย์  เนื่องจากทั้งสองคน แก่มากแล้วน่ะค่ะ  คือเขาเป็นคนอินโดสมัยที่ยัีงเป็นเมืองขึ้นดัทช์น่ะค่ะ  ต้องเรียนภาษาดัทช์เป็นภาษาแรก  เรียนรร.ดัทช์ อะไรทำนองนี้  คุณปู่ยังทันโดนจับเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตอนญี่ปุ่นบุกอินโดเลยก่อนลี้ภัยไปฮอลแลนด์ทัน

เวลาฟังเพื่อนบ้านชาวเอเชียเล่าเรื่องประวัติศาสตร์เขา  แล้วรู้สึกเรามีบุญมากจังค่ะ

อย่างน้อยภาษาแรกเราก็ภาษาไทยใช่ไหมคะ  เพราะฉะนั้น  อาจารย์ดีใจเถอะค่ะที่นาน ๆ ทีสะกด its เป็น it's บ้าง  หนูว่าเป็นตัวชี้วัดถึงความเป็นเอกราชของชาติเรามาตลอดทุกยุคทุกสมัยในประวัติศาสตร์๋น่ะค่ะ

สวัสดีค่ะ,

ณัชร 

แวะมาอ่านครับ

ขอบคุณและหายเหงาไปพอแรง...ถ้าเหงาจะกลับมาครับ

หนูณัชร

นึกว่าจะได้ฝึกภาษาประกิตซะหน่อย

กลายเป็นดัทช์ไปเสียแล้ว

จะหาใครมีบุญอย่างหนูที่มี ปู่จริง พ่อจริง ปู่บุญธรรมและพ่อบุญธรรม

ว่าแต่...เอ ? ภรรยาบุญธรรมเขามีกันไหมหนอ??

ว้าย อาจารย์

จะไปฟ้องหนอ ๆ ๆ ๆ ฮิ ๆ ๆ

ก่อนลืม  หนูเอาลิ้งค์เรื่องที่หนูเขียนเรื่องมารยาทกับคนไทยและคนญี่ปุ่นมาฝากค่ะ

ป.ล.  คุณปู่จริงท่านจากไปตั้งแต่หนูอยู่มัธยมน่ะค่ะ  คิดถึงท่านมาก  เพราะท่านก็รักหนูมาก  ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วหนูจำได้แม่นเลย  ท่านจะก้มตัวลงอ้าแขนออกให้หนูวิ่งเข้าไปกระโดดกอด  แล้วท่านจะเรียกหนูว่า  "ซูโม่น้อย ๆ ของปู่"  (แหะ ๆ)

 

หนูเพิ่งทราบเมื่อไม่กี่เดือนนี้เองค่ะว่า  คุณปู่จริง ๆ หนูเคยไปเรียนป.ตรีที่ญี่ปุ่น  เฮ้อ  ไม่เห็นมีใครเคยบอก

 

ท่านบอกว่าหน้าหนูเหมือนเด็กญี่ปุ่นค่ะตอนเด็ก ๆ  วันหลังจะเอารูปมาให้อาจารย์ดูเพื่อวินิจฉัย

 

คุณพ่อตัวจริงไม่ค่อยอยู่เมืองไทยค่ะ  ดวงหนูถูกโฉลกกับคนต่างชาติค่ะ  วิบากสร้างมาแปลก ๆ พิลึก ๆ ค่ะ 

 

ไปญี่ปุ่นหนนี้เซนเซดาบก็นับหนูเป็นลูกหลาน  บอกว่ารู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้ามาก่อน  เหมือนเป็น destiny

 

พร้อมทั้งรุ่นพี่ที่อายุรุ่นคุณตาก็ให้เรียกว่า คุณตา ค่ะ  บอกว่า ท่านจะเป็นคุณตาคนญี่ปุ่นให้นะ  โห...ดีจังค่ะ  การเป็นเด็ก(?)อ้วนก็มีประโยชน์อย่างนี้ค่ะ  ผู้ใหญ่เอ็นดู  ไปไหนก็ชอบเรียกไปกินข้าวด้วย  เพราะหนูเลี้ยงง่าย  กินจุ   ไปญี่ปุ่นหนนี้นน.ขึ้นมาเยอะมากเลยค่ะอาจารย์

 

คนญี่ปุ่นมีสำนวนว่า  En ga aru.  ค่ะ  หนูได้ยินบ่อยเหมือนกัน 

 

เซนเซดาบหนูนี่ล่ะค่ะ  ชอบพูดตอนเวลาทานข้าวเย็นกับพวกเราลูกศิษย์ทั้งหลายที่นู่น  

 

บอกว่าพวกเราทุกคนเคยสร้างกรรมผูกพันกันมาก่อน  ถึงได้มาเจอกันอีกที่นี่ เวลานี้ใหม่  โห...ฟังดูโรแมนติคสิ้นดีเลยค่ะอาจารย์  ทำเอาหนูเกือบจะทานโซบะไม่ลง (แต่ก็ลง)

 

สวัสดีค่ะ,

 

ณัชร

หนูณัชร

อาจารย์ยืนยันว่าหนูมีวิบากจากญี่ปุ่น

และทั้งหน้าและลำตัวเหมือนคนญี่ปุ่น

ดังอาจารย์เคยพูดเหมือนเซนเซหนูพูด(ชักงง)

ว่าเราล้วนเคยผูกพัน เพราะทำ(กุศล)กรรมร่วมมาแต่อดีต ด้วยเหตุนั้น เราจึงมีวาสนามาพบกัน เพื่อสร้างกรรมดีร่วมกันอีก

เรียกว่า จากอดีตเหตุกุศล เป็นปัจจุบันผลกุศล แก่อให้เกิดอนาคตกุศลอย่างแน่นอน

เอ! แต่นึกหน้าและลำตัวของหนูในอนาคตไม่ออกแฮะ

- ดูคึกคักดีครับ จึงขยับหัวใจให้เริงร่า ทั้งสีสันแสงส่องละอองมา ให้น้ำตาหยดติ๋งหงิงหงิงคราง

- ผมว่าหมากำลังดูกระจกอยู่นะครับ ไม่ได้รอเจ้านาย มันดูว่า หน้าตาของมันทำไมเป็นอย่างนี้ ไม่หล่อ (หรือสวย) เร้าใจให้เจ้านายตื่นเลยหรือไง น่าเศร้า....:-)

สวัสดีครับคุณนรินทร์(นม.)

  • ขอบคุณในอารมณ์กลอนและอารมณ์ขัน
  • เอ?! ...ผมว่าคุณนรินทร์เอาดีทางกวีได้เลยครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท