197 ข้อความจากคนไทยหัวใจเพชร


คิดถึงทางบ้าน

วันนี้ ผมได้รับข้อความในมือถือจาก อ.ศุภฤกษ์ ปั้นทอง ซึ่งตามปรกติ จะแจ้งข้อความเข้ามาทุกวันว่าปั่นจักรยานได้กิโลเมตรและถึงไหนแล้วบ้าง

แต่วันนี้ ข้อความที่ได้รับ ทำให้ผมสะท้อนใจยิ่งนัก

ข้อความมีดังนี้ครับ

วันที่ 18 เมษายน ช่วงนี้ที่อินเดียร้อนมาก 45-54 องศา C ต้องปั่นกลางแดดทุกวันเพื่อถึงเป้าหมาย

วันที่ 18 เมษายน เมื่อวานยางรั่วเป็นครั้งแรก ไม่ถึง Ajmer  ถึง kishangarh 22.00 น 105 km

วันที่ 18 เมษายน วันนี้ครบ 3 เดือนจากบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งนานที่สุด คิดถึงครอบครัวมาก

ทั้งนี้ อ.ศุภฤกษ์กำหนดจะปั่นจักรยานถึงเมืองมุมไบในวันที่ 30 เมษายน

คำว่า คิดถึงครอบครัวมาก ช่างสะเทือนใจเหลือเกิน

ไม่มีคำพูดต่อไปครับ

ได้แต่ส่งกำลังใจไปให้..........................ขอให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ

 

หมายเลขบันทึก: 177475เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2008 22:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)

สวัสดีค่ะท่าน

ขออนุญาตส่งกำลังใจไปมอบให้ อ.ศุภฤกษ์ ปั้นทอง ด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.พลเดช

  • ร่วมส่งกำลังใจไปให้ อ.ศุภฤกษ์ด้วยค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

คุณ Jaewjingjing ครับ

นึกภาพดูว่าทุกวัน อ.ศุภฤกษ์ได้แต่ปั่นจักรยานไปบนถนนในต่างแดนที่ไม่เคยผ่านมาก่อน

ค่ำก็นอนเพื่อเอาแรงไว้ปั่นในวันรุ่งขึ้นต่อไป

คงไม่มีโอกาสได้ดูอินเตอร์เน็ตว่าใครให้กำลังใจบ้าง

ในจุดผ่านใหญ่ๆ ตามสถานทูตไทย จึงจะได้ทราบและมีโอกาสเปิดดูเน็ตครับ

ขอบคุณแทน อ.ศุภฤกษ์ครับ

เรา ผู้ดู ถือว่าได้บทเรียนอย่างหนึ่งจาก อ.ศุภฤกษ์ครับ คือ ผู้ลงมทอทำความฝันให้เป็นจริง ย่อมถือว่าได้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้ว

คุณคนไม่มีรากครับ

ขอขอบคุณแทนครับ

เมื่อ อ.ศุภฤกษ์ปั่นกลับมาที่เดลีอีกในวันที่ 20 พค. จะได้สำเนาข้อความเหล่านี้ให้ท่านอ่านครับ

เราได้เห็นกันครับว่า การสร้างความท้าทายที่ยิ่งยวดให้กับชีวิตของตนเอง คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตครับ

เรื่องราวที่อาจไม่ได้สิ้นสุดเพียงชาตินี้ แต่ ณ จุดหนึ่งบนเส้นทางของกาลเวลา

ถ้าใจมุ่งมั่น ต้องถึง ณ วันหนึ่งครับ

เจริญสุขครับ

พี่โยคี

อ.ศุภฤกษ์ เป็นตัวอย่างของคนจริง ขอชื่นชมน้ำใจ ขอให้อดทน เมื่อทนได้กับทุกข์ ที่สุด ก็ไม่ต้องทนอีกต่อไปค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพลเดช

น่าเห็นใจอาจารย์ศุภฤกษ์มากๆ เลย

งานนี้นอกจากกำลังกายที่ต้องแกร่งแล้ว กำลังใจก็ต้องมีมากด้วย ถึงจะเอาชนะความท้าทายที่ยิ่งใหญ่นี้ได้

ขอส่งกำลังใจและคำอวยพรให้ประสบความสำเร็จให้้กับอาจารย์ศุภฤกษ์ผ่านทางบันทึกนี้ค่ะ

อรุณสวัสดิ์ค่ะอ.พลเดชที่เคารพ

  • เข้ามารับธรรมะก่อนไปประชุมค่ะ วันนี้ต้องไปทำงานแล้ว หลังหยุดยาวมาเป็นเดือนค่ะ
  • ลูกศิษย์ทางธรรมของอาจารย์จะมาเรียนให้ทราบว่า ... เมื่อวานได้มีโอกาสทบทวนและตัดสินใจบางสิ่งบางอย่างค่ะ และเมื่อได้ตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง...ไม่ใช่การทำที่ถูกใจ...แล้ว อารมณ์ก็คลายลง...เกือบจะเป็นปกติแล้วค่ะ..
  • เช้านี้จึงสงบระงับเป็นพิเศษ...
  • มากราบขอบพระคุณค่ะ ที่กรุณาเป็นเข็มทิศ ให้ในยามที่เคว้งคว้างกลางทะเลอารมณ์
  • ...ตอนนี้กลับขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัยค่ะ...อาจมีความเสียหายเล็กน้อยจากการโต้คลื่น...คงต้องตามตรวจดู..และซ่อมแซมค่ะ
  • จุดหมาย ก็ชัดเจนขึ้นมากแล้วค่ะ ทำให้ตระหนักถึงที่ท่านสอนไว้ว่า สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ สงครามภายในตัวตน ของเราเอง...
  • กราบขอบคุณค่ะ

โยคีน้อย

อ.กมลวัลย์

คุณคนไม่มีราก

ขอตอบพร้อมกันเพราะมีข้อความที่ต้องการจะตอบทุกคน

ก่อนอื่นขอบคุณแทน อ. ศุภฤกษ์ครับ

อ.ศุภฤกษ์ เป็นการเดินทางชีวิตรูปแบบหนึ่ง ทำให้คิดถึงกรณีของโยคีน้อย

ก็เป็นการเดินทางอีกรูปหนึ่งแบบเช่นกัน

ยังไม่นับพวกเราที่มีชีวิตอยู่ในทุกวันในที่ที่เราคุ้นเคยอยู่ ก็ต่างเดินทางกันในใจตนอย่างเข้มข้น

สิ่งที่เหมือนกันก็คือ

ทางเดินนี้ไม่เคยปราศจากอุปสรรค จะมากหรือน้อยเท่านั้น

คนทั่วไป ถ้าเห็นทางที่อุปสรรคน้อยหรือไม่มีเลยก็คงรีบไปทางนั้น

แต่ก็มีบางคน เห็นอยู่ ทั้งที่รู้อยู่ว่าทางที่จะเดินนี้มีอุปสรรค...ท้าทาย เสี่ยงชีวิต...มาก

แต่ก็เลือกที่จะเดิน

ก่อนเดินทางไปอินเดีย โยคีน้อยเองก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอินเดีย ก็เข้าใจว่าวิตกอยู่ในใจพอสมควร ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว ก็เสี่ยงอยู่

แต่เมื่อตั้งใจมั่นแล้ว ก็สู้ไป.....จนทุกวันนี้จะเห็นว่าประสบการณ์และอุปสรรคนั้นมีคุณค่า

สิ่งที่น่ากลัว สิ่งที่น่าเกลียด สิ่งที่ไม่ชอบกลายมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ก็ต่อเมื่อไม่หนีมัน

เท่าที่สังเกตุ มีคนไม่เห็นด้วยกับ อ.ศุภฤกษ์ก็หลายคน ไม่เข้าใจก็หลายคน ไม่เชื่อว่าจะทำได้ห็หลายคน.......

คยถาม อ.ศุภฤกษ์ว่าทราบไหมว่ามีคนเห็นแตกต่าง...ท่านบอกว่าทราบแต่เมื่อตั้งใจแล้วก็ต้องไม่สนใจคำเหล่านั้นเพราะเรามีความฝันที่จะต้องทำให้สำเร็จ

สาธุครับ.........

เป็นตัวอย่างให้นักสู้ชีวิตอื่นด้วย เมื่อพบเป้าหมาย พบทางที่ตั้งใจเดิน เห็นฝันที่ตนเองจะไปแล้ว ก้ต้องตั้งมั่น เด็ดเดี่ยว เดินไปข้างหน้า ด้วยความรู้ คู่คุณธรรม

ไม่สนใจว่าคนจะคิดอย่างไร จะพูดอย่างไร

เพราะความฝันของเรา เราก็คือผู้ทำ ถ้าเราไม่ทำ ความฝันนั้นก็ไม่มีทางเป็นจริง....เลย

คนทำ ย่อมดีกว่า มีคุณค่ากว่าคนไม่ทำ....ที่ดีแต่พูด......

อาหารเช้าสำหรับวันนี้ครับ

ด้วยความปรารถนาดี

  • ธุ ท่านพลเดชค่ะ..

ขอบพระคุณที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นในบันทึก "เดินสู่..อิสรภาพ" ของต้อมนะคะ 

ก่อนอื่นคงต้องขอส่งกำลังใจให้กับ อ.ศุภฤกษ์ ปั้นทอง กับการเดินทางครั้งนี้ให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพนะคะ

 

วิญญานของโจนาธาน  ลิฟวิ่งสตัน  สถิตอยู่ในตัวของทุกคนอย่างที่ท่านพลเดชพูดไว้จริงๆ นะคะ   เพียงแต่ว่า..จังหวะที่จะได้ขยับปีกคือเมื่อได  ^^

 

  • อรุณสวัสดิ์ อ.พลเดชที่เคารพค่ะ
  • มารับธรรมะตอนเช้าตามปกติ และมารายงานการตรวจสอบอารมณ์ของตัวเอง
  • วันนี้เบิกบานปกติดีค่ะ

คุณคนไม่มีรากครับ

สาธุครับ

ความเบิกบานหาซื้อกันไม่ได้ง่ายๆ เลยครับ

เหมือนกับดอกไม้ในใจที่เบิกบาน

อาหารวันนี้คือเป้นผู้ให้ แม้แต่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคยกราบไหว้ บนบานศาลกล่าว

เวลาเราไปอยุ่ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยทั่วไปคือ

ขอให้ลูกช้าง........

ลองกลับกัยใหม่ครับ

ขอให้ท่านมีความสุขมากๆ

ขอให้ได้มีโอกาสสร้างบารมี เข้าถึงซึ่งพระนิพพานเช่นกัน

จบ

ไม่ต้องขออะไรให้กับตัวเอง...เช่นเคย

เพราะกุศลจิตเกิดในจิตใจเป็นสิ่งที่เราได้แล้ว

ความเมตตาความเบิกบานเกิดขึ้นแล้ว

ความเบิกบานเช่นที่ได้สัมผัสเช้านี้นั่นละครับ

เป็นพลังทิพย์ที่เผื่อแผ่ได้ไม่รู้จบครับ

ด้วยความปรารถนาดี

สวัสดีคะ

อ่านข้อความของอ.ศุภฤกษ์ แล้ว รบกวนฝากบอกว่าขอเป็นกำลังให้อาจารย์คะ เป็นห่วงด้วยคะ อากาศร้อน ท่านคงจะเหนื่อย เลยคิดถึงครอบครัว ขอให้พระคุ้มครองให้ท่านถึงเป้าหมายอย่างปลอดภัย

ขอบคุณคะ

  • สาธุกับคำสั่งสอนค่ะ
  • ต่อไป คนไม่มีรากจะลดความเป็น คนช่างขอ ลงค่ะ
  • แต่ก็ยังคงต้องขออยู่อย่างหนึ่งเป็นอย่างน้อยค่ะ
  • ...ขอเข้ามารับธรรมะดี ๆ จากท่านค่ะ...

อรุณสวัสดิ์ อ.พลเดชค่ะ

  • วันนี้มากราบท่านอาจารย์ทางธรรมค่ะ
  • เบิกบานผ่องใสดีเป็นปกติสุขค่ะ
  • อาจารย์คะ คนไม่มีรากกำลังพิจารณาธรรมะที่ครูบาอาจารย์ท่านว่า จิตแท้นั้นเป็นประภัสสร จริงหรือคะ ทำไมจิตแท้ ๆ ของมนุษย์จึงเป็นประภัสสร และถ้าประภัสสรจริงแล้ว ทำไมจิตจึงวุ่นวาย วูบวาบ หวั่นไหวให้ต้องคอยปราบ คอยปรามอยู่ร่ำไป..ไม่มีหยุดเลยค่ะ

สวัสดียามเช้าครับ

เริ่มต้นด้วยบุญ ก็จะเป็นผลบุญตลอดวันครับ

เรื่องจิตประภัสสรนั้น เหมือนกับเรื่องชาวนากับผู้วิเศษครับ

ถ้าเอาสิ่งที่ผูกพันออกไปจากใจได้ ก็จะเป็นอิสระ พบกับจิตประภัสสรนั่นเองครับ

เจริญสุขครับ

สวัสดีครับ ท่านพลเดช

    ผมเห็นภาพแล้วประทับใจครับ ส่งใจไปเต็มลำครับ ให้ทุกอย่างไปได้ด้วยดีตามที่ท่านอาจารย์ตั้งใจไว้ครับ

สบายดีนะครับ รักษาสุขภาพครับ

ดีใจแทน อ.ศุภฤกษ์ครับที่ยังมีคนให้กำลังใจ

อากาศที่อินเดียช่วงนี้ร้อนมากจริงๆ

ข้อความจาก อ.ศุภฤกษ์ที่ได้รับล่าสุดคือ

อากาศร้นอมาก

ต้องเปลี่ยนปันตอนกลางคืนแทนครับ

สบายดีเช่นกันนะครับ

  • เข้ามากราบสวัสดีค่ะ
  • ส่งกำลังใจให้ท่าน อ.ศุภฤกษ์แล้วค่ะ

สวัสดีครับ

ดีครับ

นับเป็นการจุดประกายให้คนทั่วไปได้จริงๆ

ผมเพิ่งรู้ว่าจักรยานนั้นมีคุณค่ามหาศาล

กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับจักรยานศาสตร์

เอาไว้ใช้ออกกำลังกายบ้างครับ

  • ขอส่งกำลังมาอีกครั้งค่ะ
  • และอยากให้ระมัดระวังเรื่องอาหารการกินด้วยค่ะ
  • http://gotoknow.org/blog/remotesensing/178598

คุณ Lin Hui ครับ

ไปชมมาแล้วครับ

น่าคิดมาก

KFC เข้าไปในอินเดียแล้ว

ถ้าเกิดคนอินเดีย พันกว่าล้านชอบทานไก่แบบนี้ โลกคงวุ่นวาย

ผมคิดว่าถ้าเราพึ่งธรรมชาติและพึ่งพลังงานของตัวเองได้ ก็น่าจะดีนะครับ

พลังงานของตัวเอง ผมหมายถึง เช่นจักรยาน

ถ้าหันกลับไปใช้กันให้มากขึ้น ไทยคงลดการพึ่งพาน้ำมันได้เยอะ

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆ

รายงานที่ได้รับจาก อ.ศุภฤกษ์ ปั้นทอง

27 เมษายน ถึง Vadodara 00.30 น. โรงแรมถูกๆ นับสิบแห่งเต็ม มีว่าง1600 รูปีขึ้นไป ไม่พัก

ตั้งใจจะเป็นยามเฝ้าสถานีรถไฟ 3 ชม. มี FirdausPaturu แชมป์ จักรยานเอเชียนเกมส์ ขันอาสาจะหาห้องพักให้ ก็พาไปโรงแรมที่เคยไปมาแล้ว จึงฝากให้นอนกับเพื่อน

ที่หน้าสถานีรถไฟมีผ้าห่มหมอนเก่าๆ เป็นที่นอน คันยิบไปทั้งตัว นอนไม่หลับเลย

เช้า ผ้าชุบน้ำลูบตัวแล้วไปชมสถานีรถไฟใหญ่ ยาวมาก กลับมา นสพ. Sandesh Press นสพ.ขายดีทั่วประเทLอินเดียมาทำข่าว ถ่ายทั้งภาพและวีดีโอเปHนข่าวในประเทศพรุ่งนี้

27 เมษายน ถึง Bharuch 29.50 น 76 กม. พักที่ Hotel Narmada 250 รูปี ถนนเก่ากำลังรื้อบนถนนเดิม สร้างใหม่ที่เดิม

การปั่นจักรยานมีปัญหา ถนนขรุขระ บางแห่งไม่มีไหล่ถนน เปHนทางชันยาว

28 เมษายน นสพ. Sandesh Press ระดับแนวหน้าของอินเดีย=ไทยรัฐ ลงภาพข่าวในวันนี้ หน้า 2 แล้ว

.............

จากข้อความเหล่านี้

จะเห้นได้ว่า การปั่นจักรยานในต่างประเทศคนเดียวนั้นหนักหนา ลำบากเพียงใด ถ้าไม่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นจริงแล้ว คงไม่สามารถปั่นต่อไปได้แน่ๆ

ขอให้กำลังใจ มา ณ ที่นี้อีกครั้งครับ

  • ขนาดในเวลานี้ เราอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้า  แล้วได้ยินคำว่า  "คิดถึงครอบครัวมาก"   ใจเรายังพลอยสั่นหวั่นไหว
  • หากอยู่ในสถานการณ์เช่นที่ท่านอาจารย์ศุภกฤษ์ กำลังเผอิญอยู่ ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถคงสภาพการเป็นโยคี ซึ่งแปลความว่า  "ผู้เพียรเพ่งเผากิเลส"  ได้หรือไม่นะคะ

ครูปูครับ

ใช่ครับ

แต่ละข้อความที่ได้รับจาก อ.ศุภฤกษ์ อดหวั่นไหวไปด้วยไม่ได้

ด้วยความเป็นห่วง คนไทยคนหนึ่ง เพราะเป็นการปั่นจักรยานคนเดียว ในดินแดนที่ไม่รู้จัก

ค่ำไหนนอนนั่น

บางค่ำก็ไม่ได้นอน นอนสถานีรถไฟ

เสี่ยงสารพัด

อาหารก็ทานได้ลำบาก

นอนก็นอนไม่ได้สบายเช่นคนทั่วไป

อากาศที่อินเดียตอนนี้ก็ร้อนมากๆ

หัวใจทำด้วยอะไร จึงทรหดและมุ่งมั่นแบบนี้

แม้ชีวิตก็ยอมเสี่ยง

ต้องเรียนว่าหัวใจต้องเป็นโยคีครับ คือไม่ลดละในการทำความเพียร

คือปั่นจักรยานให้ได้วันละ60-70 กม.

เป็นการเผา ไม่เฉพาะกิเลสแต่เผาพลาญพลังงานในร่างกายด้วย

แต่ที่รู้ๆ ก็คือ อ.ศุภฤกษ์ได้จุดประกายให้ผมเข้าแล้ว ในเรื่องของจักรยาน

และในเรื่องที่ว่า อายุไม่ใช่อุปสรรคในการสร้างฝัน

มองอีกแง่หนึ่ง คนอินเดียจึงถือว่าโชคดีมีเครื่องมือในการออกกำลังกายแทบทุกคน ไม่ต้องเสียค่าน้ำมัน

ขอบคุณครับ

วันนี้ 9.30 น เวลาท้องถิ่นของอินเดีย

ได้รับโทรศัพท์ขาก อ.ศุภฤกษ์ ว่าโดนขโมยโทรศัพท์มือถือ และโชคดีที่ยังมีนามบัตรของผมที่ให้ไปเมื่อครั้งแวะเดลี จึงโทรมาแจ้งให้ทราบ

อ.ศุภฤกษ์คาดว่าจะถึงมุมไบในวันที่ 30 เมษายนคือพรุ่งนี้ แต่อาจจะช้าไปประมาณ 3 ชม. คือกะว่าจะถึงเมืองมุมไบ เมืองที่มีประชากรเป็นอันดับ 3 ของอินเดียประมาณ 4ทุ่ม

ก็เอาใจช่วย อ.ศุภฤกษ์ ให้ผ่านพ้นอินเดียและในทุกที่ด้วยความปลอดภัยครับ

เรียน ท่าน พลเดช วรฉัตร

  • รบกวนฝากกำลังใจและความศรัทธามอบแด่ท่านอาจารย์ศุภฤกษ์อีกหนึ่งกระบุงใหญ่เลยนะคะ
  • ขอบคุณค่ะที่นำเรื่องดี ๆ ที่แสนจรรโลงใจมาให้รับทราบและเรียนรู้ค่ะ

เรียนครูปูครับ

ยินดีครับ

วันที่ 20 พค. 2551 อ.ศุภฤกษ์ ปั้นทองจะปั่นจักรยานกลับมาที่เดลีอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะปั่นไปยังประเทศปากีสถานต่อไป

ผมจะนำคำให้กำลังใจของทุกท่านใน G2K นี้สำเนาให้ อ.ศุภฤกษ์ทราบครับ

ขออนุโมทนาด้วยครับ

เรียน ท่าน ดร.พลเดช

  • เผอิญเพิ่งทราบว่า ท่านปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และเป็นศิษย์ของ คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย เช่นเดียวกัน
  • จึงคลายความสงสัยหลาย ๆ ประการ ว่าเหตุใด ครูปู จึงได้สะดุดแนวคิดที่ชัดเจน น่าสนใจและเต็มไปด้วยนัยยะแห่งธรรม ของท่าน
  • จากที่เคยต้องพยายามติดตามท่านไปตามบันทึกต่าง ๆ เพื่อซึมซับข้อคิดเหล่านั้น
  • จึงคิดว่า ขอปวรณาตนเสียเลยดีกว่า และขออนุญาตน้อมตนเพื่อขอรับและเรียนรู้ สิ่งต่าง ๆ จากท่าน เพื่อการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญายิ่งขึ้นค่ะ

 

คุณครูปูครับ

ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะครับ

เช่นเดียวกับที่ผมเรียนคุณหมอบุญรุ่ง ตันติราพันธ์ ว่าเรา ผู้ที่สนใจการปฏิบัติธรรม ตามแนววิปัสสนากรรมฐานของคุณแม่สิริ ที่ยุวพุทธิกสมาคม คุณแม่สิริจะใช้คำว่าโยคี ซึ่งหมายถึงผู้ที่เพ่งเพียรเผากิเลส คุณแม่สิริจึงเป็นแม่โยคี พวกเราผู้ฝึกก็เป็นลูกโยคีกันทุกคน

แต่คำว่าโยคีก็ไม่ใช่ว่าเราหมายจะเป็นโยคีแบบอินเดียนะครับ แต่เป็นผู้ที่ตั้งใจจะปฏิบัติเพื่อเผากิเลส ตามความสามารถของแต่ละคน

คุณหมอบุญรุ่งเลยถูกเรียกว่าโยคีน้อย

ประสบการณ์ที่ผมนำมาเสนอนั้น จะมาจากประสบการณ์ของตัวเองเป็นประการแรกครับ

ถ้าไม่ได้ปฏิบัติจนรู้เอง ก็จะไม่นำมาบอกกล่าวครับ

มีประสบการณ์แค่ไหนก็บอกเฉพาะแค่นั้น

เพราะธรรมะนั้นมีแนวและรูปแบบการสอนและแนะนำมากมายเหลือเกิน

ดังนั้นจึงต้องนำมาเฉพาะที่ผมเองมีประสบการณ์ครับ เพราะเว็บนี้เน้นความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์

ซึ่งผมก็คิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นด้วย

จึงตั้งใจทำเว็บเพื่อการนี้ www.polpage.com และบล๊อคใน G2K ก็เพื่อการนี้

แนวทางบางข้อที่ผมนำมาเสนอ บางครั้งก็เพื่อเตือนตัวเองด้วย เพราะหากไม่เตือนตัวเองก็จะหลุดได้เช่นกัน

สตินั้นจำเป็นต้องพัฒนามากครับและต้องมีในทุกขณะ เพื่อมิใหลงไปตามกิเลสและทำผิด ซึ่งมีช่องโหว่อยู่ทุกขณะ

แค่การมีสติรู้ตัว ว่าอะไรถูก อะไรผิดและละเว้นไม่ทำสิ่งที่ผิด ก็ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในทุกๆ วันของชีวิตมนุษย์ครับ

ซึ่งไม่ต้องไปพูดถึงกฏหมายซึ่งก็มีกรอบให้มนุษย์มิให้ทำผิดอยู่แล้ว

จะเรียกว่าคุณธรรมหรือละอายต่อบาปก็ได้ครับ ซึ่งต้องมีสติที่ผมว่ามาคอยช่วยตัดกำลังความคิดผิด

ผมจึงได้บอกในหลายบันทึกของผมว่า ผมสงสารคนที่ทำอะไร(ผิดกฏหมายและศีลธรรม)เพราะเขาไม่รู้จักเครื่องมือหรืออาวุธที่เรียกว่าสติเลยครับ จึงเกิดที่เรียกว่าอารมณ์ชั่ววูบ

ผมคิดว่าลึกๆ แล้วไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี ไม่มีใครอยากทำบาป แต่พ่ายแพ้ตนเองมาแล้วในอดีตกาล จึงใจแข็ง สติแข้งไม่พอและแพ้อีกนั่นแหละ จึงต้องพัฒนาสตินี้ให้เข้มแข็ง

ยินดีที่จะเป็นกัลยาณมิตรกันครับ

มีอะไรที่ผมพอจะแนะนำได้ก็ยินดีครับ

เจริญสุขครับ

เรียน ท่าน พลเดช

  • หากมิเป็นการรบกวน ครูปู ได้เขียนบันทึกจากการรับรู้และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ไว้  ที่นี่ 
  • หากมีเวลาขอเรียนเชิญ เพื่อการชี้ทางแก่โยคีน้อยผู้หนึ่งด้วยนะคะ
  • ขอบพระคุณค่ะ

ครูปูครับ

เข้าไปดูแล้วครับ เป็นบล๊อคที่น่าสนใจ

เปิดเผยและจริงใจ

จะติดตามอ่านต่อไป

เจริญสุขครับ

  • กราบขอบพระคุณ ท่าน พลเดช วรฉัตร ที่เมตตาค่ะ
  • รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท