เมื่อคนเรารักและหวงแหนในถิ่นฐานบ้านเกิด ย่อมปกปักรักษาด้วยชีวิต และอยู่ด้วยความผูกพันและภาคภูมิใจ ที่อื่นอาจดูสะดวกสบาย หรูหรา แต่ในเรื่องของความรู้สึก ทดแทนกันไม่ได้เลย
ด้วยเหตุที่เพื่อนฝากซื้อตั๋วรถไฟ จึงทำให้ได้ไปที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่ใกล้บ้านที่อยู่ในปัจจุบันมากที่สุด
ความจริงแล้ว ใบไม้ย้อนแสงเคยมีบ้านอยู่แถววงเวียนใหญ่ก่อนที่คุณแม่จะขายไป เมื่อ ๒๐ กว่าปีมาแล้ว เรียกว่าแถววงเวียนใหญ่เป็นถิ่นเก่าของใบไม้ย้อนแสงนั่นเอง
เดินไปซื้อตั๋วรถไฟเสร็จแล้ว สำรวจมองรอบบริเวณสถานีรถไฟ..
ทางรถไฟสายนี้เอง ที่เคยเดินไปตามทางรถไฟจากวงเวียนใหญ่จนถึงตลาดพลู แล้วไปรับขนมฝอยทองแห้งไปให้คุณแม่ขาย
ที่เห็นอยู่ไกลลิบ ๆ เป็นสุเหร่า มีบ้านเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เป็นมุสลิมอยู่แถวนั้น
หันไปมองทางตึกแถวใกล้ถนน นี่ก็เคยเป็นบ้านเพื่อนอีกคน เล่นปิงปอง ตีแบด ด้วยกันประจำ..
โอ..ความทรงจำเริ่มพรั่งพรูมาเป็นชุดเลย..
ว่าแล้วก็ตัดสินใจเดินไปทางตลาดที่คุณแม่เคยขายของ และทะลุไปซอยบ้านเก่าที่เคยอยู่ ใบไม้ย้อนแสงเดินช้า ๆ มองทุกอย่างอย่างตื่นตาตื่นใจ..
ตลาดดูสะอาดสะอ้านขึ้น ร้านอาหารตามสั่งชื่อจันทร์เพ็ญ คนทำกับข้าวยังเป็นคนเดิม แต่ผมขาวหมดแล้ว จำได้ว่าร้านนี้ผัดข้าวผัดอร่อยถูกใจ
ร้านหอยทอดที่เคยขายดิบขายดี ไปซื้อแต่ละทีต้องรอคิวนานมาก วันนี้เปลี่ยนคนขาย ร้านก็ดูไม่คึกคักอย่างเคย
เดินผ่านโรงหนังไทยรามา ยังฉายหนังควบสองเรื่องอยู่ นึกว่าจะกลายเป็นโรงหนังโป๊ไปเสียแล้ว เมื่อก่อนนี้มีป้าคนหนึ่งหาบข้าวแช่มาขายตรงโรงหนัง แต่เดี๋ยวนี้หาข้าวแช่กินในกรุงเทพฯ ได้ยากเสียแล้ว
เดิน ๆ ไป.. คิดว่าตัวเองเดินช้ามากแล้ว แต่ทำไมดูถนนมันแคบลง ระยะทางสั้นลง..
ก็สมัยที่อยู่แถวนี้ยังเรียนชั้นประถมอยู่เลย ขาของเด็ก ก้าวคงจะสั้นกว่านี้มาก..
และแล้วก็เดินมาถึงบ้านหลังเก่าที่ตัวเองเคยอยู่ ตึกแถวสี่ชั้น ประตูบ้านเปิดอยู่..
ใบไม้ย้อนแสงมองจนเหลียวหลังเลย.. คนในบ้านเขาคงงงว่ายายนี่เป็นใคร ทำไมมองบ้านเขาซะขนาดนั้น..
บ้านหลังนี้อายุประมาณสามสิบปีได้แล้ว ยังดูแข็งแรงและไม่เก่าเลย
ภาพความทรงจำภายในบ้านนี้ ตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นดาดฟ้าวิ่งผ่านต่อกันมาในสมองราวกับขบวนรถไฟ
จำได้ว่า เวลาขึ้นไปชั้นดาดฟ้าตอนเป็นเด็ก จะเห็นทิวทัศน์ฝั่งธนบุรีเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี หากมองไปทางฝั่งพระนครจะเป็นตึก แต่ไม่ใช่ตึกสูงอย่างในปัจจุบัน
นับเป็นเส้นทางสั้น ๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำและร่องรอยของความรู้สึก..
จริง ๆ ยังมีรายละเอียดอีกมากที่จำได้ แต่ถ้าเล่าหมดคงเบื่อที่จะอ่านกัน..
ขนาดเส้นทางสั้น ๆ ความทรงจำไม่ยาวนานนัก ยังสะเทือนความรู้สึกถึงเพียงนี้..
นึกถึงชุมชนที่อยู่มายาวนาน จะมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มรดก และรากเหง้าของตนเองมากสักเพียงไหน คนในชุมชนจะภาคภูมิใจกับมรดกจากบรรพชนมากสักเพียงใด
แค่คิดก็สนุกแล้ว และยิ่งเห็นความสำคัญของประวัติศาสตร์ชุมชน หรือจดหมายเหตุชุมชน หรือแม้แต่พิพิธภัณฑ์ของชุมชน
เมื่อคนเรารักและหวงแหนในถิ่นฐานบ้านเกิด ย่อมปกปักรักษาด้วยชีวิต และอยู่ด้วยความผูกพันและภาคภูมิใจ ที่อื่นอาจดูสะดวกสบาย หรูหรา แต่ในเรื่องของความรู้สึก ทดแทนกันไม่ได้เลย
และยิ่งเข้าใจ ชาวบ้านที่ถูกย้ายออกจากบ้านเกิด เพราะโครงการจากภาครัฐ หรือเพราะนโยบายที่เปลี่ยนไปจากอดีต จำได้ว่า เคยคุยกับกลุ่มชาวบ้านกะเหรี่ยงที่อยู่ในเขตป่ามาหลายชั่วอายุคน วันหนึ่ง ภาครัฐมีนโยบายให้ย้ายคนออกจากป่า มีการทำแบบสอบถามชาวบ้านให้เลือกระหว่าง การอยู่ที่หมู่บ้านเดิมแต่จะไม่ได้รับการอำนวยด้านสาธารณูปโภค เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า ถนน กับ การย้ายไปอยู่ที่ใหม่ที่รัฐจัดสรรให้ โดยมีถนน ไฟฟ้า น้ำประปา พร้อม
เชื่อไหมว่า.. ชาวบ้านเกิน 90% เลือกที่จะอยู่ในหมู่บ้านเดิม เพราะวิถีชีวิตของเขาผูกพันเชื่อมโยงอยู่กับป่า มิใช่ ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา
เมื่อนึกถึงในระดับประเทศ หากคนไทยรักในถิ่นฐานบ้านเกิด ภาคภูมิใจในสิ่งที่ได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษ พวกเขาจะรักและหวงแหนบ้านเกิดเมืองนอนของเขาขนาดไหน จะร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองของเขาขนาดไหน
คำถามก็คือว่า คนรุ่นหลังรู้จักรากเหง้าของตนเองแค่ไหน มีความรักและผูกพันในบ้านเกิดเพียงไร
คำตอบที่ได้น่าจะทำให้มองเห็นอนาคตของชาติในเสี้ยวหนึ่ง..