Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

ตอนที่ ๑ ศิษย์เอกหลวงปู่พิมพา


พระครูปลัดวีระนนท์ วีรนนฺโท : เจ้าอาวาสวัดป่าเจริญราช http://www.veeranon.com/

เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๒๕ เวลา ๑๔.๐๕ น. ณ พัทธสีมาวัดศรีอริยวงศ์ (แปลว่าวงศ์แห่งพระอริยะ) ต.เมืองบัว อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ได้มีพิธีอุปสมบทพระบวชใหม่ โดยมี

พระครูเกษตรธรรมวิจิตร(หลวงปู่พิมพาโกวิโท) เป็นพระอุปัชฌาย์

พระอาจารย์ปลัดไพบูลย์ จนฺทสีโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์

พระอาจารย์ไชย อมโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้รับกรรมฐานเป็นปกติจากพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นพระบวชใหม่ก็ย้ายมาประจำอยู่ยังวัดปทุมคงคาซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน

หลังจากนั้น ๓ วันพระหนุ่มรูปนี้ก็ไปขอขึ้นกรรมฐานและถามปัญหากับหลวงปู่เพื่อนำไปปฏิบัติเองทันที


     สำหรับวัดปทุมคงคานั้นเป็นวัดที่มีอายุมายาวนานคนเฒ่าคนแก่ก็ไม่มีใครรู้จริงว่ามีอายุเท่าไร แต่ในทะเบียนวัดที่ขอถูกต้องตามกฎหมายก็ ๖๐๐ กว่าปีแล้ว หากย้อนนึกถึงสมัยบวชที่นี้ หลังจากออกพรรษาของทุกปี พระหนุ่มรูปนี้ก็เข้าสอบนักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอกสอบได้ตามลำดับปีละชั้น แม้ภาษาบาลีท่านก็ศึกษาและเข้าสอบด้วย ตามกฎระเบียบของคณะสงฆ์ ท่านไม่เคยละทิ้งการศึกษาในทุกศาสตร์ แต่สิ่งที่ท่านปฏิบัติอยู่เป็นประจำคือกรรมฐานเป็นวิชาที่ท่านชอบมาก เพราะไม่ต้องพูด ซึ่งโดยปกติท่านเป็นพระที่ไม่ชอบพูดหรือไม่พูดเลย พระภิกษุหรือญาติโยมที่รู้จักกันก็พากันขนานนามท่านว่าพระปูนบ้างพระไม้บ้าง บ้างก็ว่าพระใบ้ เพราะท่านไม่เสวนาอะไรกับใคร ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ท่านยิ้มอย่างเดียว


ครั้งบวชเป็นสามเณรน้อย

 
     ก่อนที่ท่านจะมาบวชเป็นพระ ท่านได้เคยบวชเป็นสามเณรมาก่อน เมื่อบวชสามเณรได้เพียง ๗ วันสามเณรน้อยเคยนั่งสมาธิดับนานถึง ๗ ชั่วโมง ครั้นออกจากสมาธิก็ไปเล่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวัดให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสฟังว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในวัดบ้าง


     ในสมัยนั้นวัดที่สามเณรบวชก็ยังคงสภาพเป็นป่าน่ากลัว ในเวลาพลบค่ำจะไม่มีใครเดินผ่านวัดเลย บริเวณรอบๆวัดมีต้นไม้ใหญ่ปกครึ้ม โดยเฉพาะต้นโพธิ์กับต้นไทรอีกทั้งยังมีต้นยางซึ่งสูงใหญ่มากขนาด ๓-๔ คนโอบเลยทีเดียว ส่วนพื้นที่อีกด้านหนึ่งสูงเหมือนเป็นภูเขา เคยมีการขุดปรับพื้นที่และพบโครงกระดูกคนโบราณมากมายเรียกว่าเป็นป่าช้าเก่าของคนโบราณก็ว่าได้ ช่วงเวลาที่ฝนตกก็จะมีน้ำไหลลงมาเป็นทาง บางครั้งก็มีคนพบกำไลทองคำ เงินราง หรือเงินพดด้วงก็เคยมี พอสามเณรน้อยอุปสมบทเป็นพระแล้ว สภาพพื้นที่ของที่นี่ก็ยังหลงเหลือบรรยากาศแบบเดิมๆอยู่มาก บางครั้งพระที่อยู่จำพรรษาก็ถูกผีหลอกเป็นไข้ไปหลายรูปด้วยกัน


     ครั้งหนึ่งมีพระรูปหนึ่งเอาเตียงนอนไปใช้เป็นที่ตากชนวนดินปืนที่จะทำบ้องไฟเพื่อไปแข่ง พอทำเสร็จตั้งแต่ตอนเย็นแล้วไม่ยอมเก็บให้เรียบร้อย คือเก็บเฉพาะชนวนบ้องไฟแต่ไม่เก็บเตียง ครั้นเวลาประมาณ ๓ ทุ่มกว่า ปรากฏว่าเตียงวิ่งเองได้ไปรอบๆบริเวณวัด พระภิกษุจำพรรษา ๒๐ รูปต่างก็ออกมาดู แต่พระรูปที่เอาเตียงไปใช้เกิดความกลัวผีลากเตียง จนนอนไม่หลับต้องตีระฆังให้ญาติโยมออกมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนเป็นจำนวนมาก ในช่วงนั้นพระหนุ่มไม่ได้อยู่วัด เพราะไปปฏิบัติอยู่ป่าช้านอกวัด ซึ่งมีระยะทางห่างจากวัดประมาณ ๕ กิโลเมตร ในสมัยก่อนพระภิกษุบวชใหม่กับญาติโยมจะใกล้ชิดกันมาก หากมีอะไรเกิดขึ้นญาติโยมจะรู้หมดทุกเรื่อง พระที่จะทำผิดศีลผิดพระวินัยผิดประเพณีจะถูกชาวบ้านหรือญาติโยมมาตักเตือนบอกกล่าวก่อนว่าปฏิบัติอย่างนี้ทำไม่ถูกต้อง พระบางรูปโยมพ่อโยมแม่ก็ยอมให้พระลูกชายสึก เพราะกลัวถูกผีหลอก จึงต้องให้สึกกลางคัน ท่านอยากจะเห็นผีเพราะอยากรู้ว่าผีมีหน้าตาเป็นอย่างไรและอยากจะคุยกับผีมาก พอได้ยินข่าวผีเตียงวิ่งได้ จึงรีบกลับมาวัด แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะเมื่อกลับมาถึงวัดเห็นแต่ญาติโยมคนเฒ่าคนแก่เต็มวัดไปหมด จึงไม่เห็นผีสักตน สมัยที่บวชในพรรษาแรกนั้น ท่านก็ปฏิบัติธรรมที่วัดเป็นปกติ พอใกล้จะออกพรรษาแล้วท่านก็รีบปฏิบัติกรรมฐานมากขึ้น



หลวงปู่มั่นมาสอนกรรมฐานในนิมิต

 

 วันหนึ่งพระหนุ่มเกิดความคิดขึ้นว่า "วันนี้จะนั่งบริกรรมให้ได้นานที่สุดสักวัน"

เมื่อท่านบิณฑบาตเสร็จแล้วกลับมาถึงวัดก็เอาข้าวออกจากบาตรมาเทรวมกัน พอฉันเสร็จแล้วล้างบาตรเก็บเรียบร้อย ก็ขึ้นไปบนอุโบสถ (ชาวอีสาน )เรียกว่า สิม

 

ท่านตั้งจิตอธิษฐานว่า "ถ้าข้าพระพุทธเจ้ามีบุญจะได้อยู่ในพระพุทธศาสนา มีประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนามีปัญญาขอให้ข้าพระพุทธเจ้านั่งสมาธิได้และดับได้หนึ่งวันหนึ่งคืน"

 

เมื่ออธิษฐานคำที่คิดเอาเองในตอนนั้นเสร็จแล้ว ท่านก็นั่งสมาธิตั้งเวลา ๐๙.๐๐ น.ยาวไปจนถึงเวลา ๐๙.๐๐ น. ของเช้าวันใหม่

 

ตั้งแต่นั้นมาพระหนุ่มก็ตั้งใจปฏิบัตินั่งสมาธิภาวนาตลอดจนออกพรรษาในปีนั้น ท่านได้ประสบการณ์ทางจิตมากมาย ซึ่งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มาสอนกรรมฐานในนิมิตครั้งนี้ด้วย


เมื่อถึงวันออกพรรษาในปีแรกนั้น ท่านได้เดินทางไปกราบหลวงปู่พิมพาทันที และเล่าอารมณ์กรรมฐานให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่บอกว่าดีมาก พอท่านเล่าถึงว่า "มีพระรูปหนึ่งมาสอนกรรมฐานในนิมิต ท่านบอกทุกอย่างว่าทำอย่างไร ตั้งแต่วิธีนั่ง วิธีการเดิน วิธีกำหนดภาวนา อารมณ์อะไรเกิดขึ้น แก้อารมณ์อย่างไร ท่านมาสอนอยู่ ๓ วัน ๓ คืน

"ท่านบอกว่าผมว่าทำได้แล้ว ทำถูกแล้วให้ปฏิบัติต่อไป คุณจะสอนคนอื่นได้"

"ผมก็ได้ถามพระในนิมิตว่า หลวงปู่ครับเกล้ากระผมอยากทราบว่าหลวงปู่ชื่ออะไรขอรับ"

พระที่มาสอนในนิมิตก็ตอบว่า

"หลวงปู่ชื่อว่าหลวงปู่มั่น หากเธอไปถามใคร เขาก็รู้จัก"

เมื่อหลวงปู่พิมพาฟังจบ ก็ไม่พูดอะไรท่านได้แต่นั่งยิ้ม ๆ


กราบลาหลวงปู่ไปธุดงค์

 
     หลังจากรับองค์กฐินเสร็จแล้วพระหนุ่มก็ไปกราบลาหลวงปู่พิมพาเพื่อขออนุญาตออกธุดงค์วัตร

หลวงปู่ถามว่า "คุณจะไปอย่างไร"

ท่านก็ตอบว่า "ผมเดินตามป่าเรื่อย ๆ"

หลวงปู่ถามว่า "คุณรู้วิธีเดินแล้วหรือ รู้ข้อปฏิบัติธุดงค์แล้วหรือ"

พระหนุ่มตอบว่า "ไม่ทราบขอรับ"

หลวงปู่พิมพาบอกให้ท่านไปท่องธุดงค์ ๑๓ ข้อให้จำขึ้นใจและให้ได้แม่นยำเสียก่อน

ท่านจึงกลับไปท่องจนจำได้ขึ้นใจ เวลาบ่ายวันนั้นเองพระหนุ่มก็กลับไปหาหลวงปู่พิมพาอีกครั้ง เข้าไปกราบเรียนท่านว่า "หลวงปู่ครับผมท่องข้อธุดงค์ ๑๓ ข้อ จำได้หมดทุกข้อแล้วขอรับ" แล้วก็ท่องให้หลวงปู่ฟัง

หลวงปู่ก็ถามว่า "คุณจะไปจริง ๆ หรือ" "ขอรับหลวงปู่" พระหนุ่มรับคำ

หลวงปู่ซักต่อไปว่า"คุณจะไปธุดงค์กับใคร" ท่านตอบว่า "ไปรูปเดียว จะเดินไปตามป่าไปเรื่อย ๆ ขอรับ"

หลวงปู่ถามว่า "คุณจะไปวันไหน"

"ผมจะไปพรุ่งนี้ หลังจากฉันภัตตาหารเพลเสร็จขอรับ" ท่านชี้แจง

หลวงปู่ยังถามต่อว่า "คุณมีบริขารครบแล้วหรือ"

ท่านตอบทันทีว่า "ครบแล้วขอรับหลวงปู่"

หลวงปู่จึงอุทานว่า "เอ้ย! ไปเตรียมให้พร้อม"


พอตอนกราบลาหลวงปู่ หลวงปู่เดินหายเข้าไปยังที่นอนแล้วออกมาพร้อมกับผ้าสังฆาฏิแล้วพูดขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือมาหาท่านว่า

"ผมให้คุณเอาไปด้วย ผมมีของดีเท่านี้แหละ"และพูดต่อไปว่า "หลวงปู่มั่นกับหลวงปู่ฝั้น ท่านเป็นอาจารย์ของผมเอง หลวงปู่มั่นท่านปฏิบัติธรรมตอนแรก ๆ ท่านไม่พูดอยู่ ๓ ปี"

เมื่อพระหนุ่มได้ฟังคำพูดของหลวงปู่เช่นนั้นก็เกิดความปีติยินดีอย่างที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว ที่ได้ยินหลวงปู่พิมพาว่าหลวงปู่มั่นกับหลวงปู่ฝั้นเป็นอาจารย์ของหลวงปู่

ท่านดีใจเพราะว่าคิดว่าตัวเองไม่ได้บ้าหรือคิดไปเอง ที่หลวงปู่มั่นมาสอนกรรมฐานในนิมิตจึงออกธุดงค์ทันที โดยตั้งจิตมั่นคงแน่วแน่ว่าจะต้องไปตามหาหลวงปู่มั่นให้เจอให้จงได้....


โปรดติดตามตอนต่อไป

 

ตอนที่ ๒ ความลี้ลับแห่งขุนเขา

http://gotoknow.org/blog/prapastory/381897

 

หมายเลขบันทึก: 381886เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2010 09:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 11:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอต่ออีกใใน่ะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท